คนกล้าฝันที่เคยถูกเลย์ออฟสู่ผู้สร้างสปาระดับโลก

พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ และ ธเนศ จิระเสวกดิลก

divana spa


“วันที่ถูกเลย์ออฟ เราเห็นคน 3 ประเภท ประเภทแรกคือร้องไห้เสียใจ ทำอะไรไม่ถูก กลุ่มที่สอง ฟูมฟายโวยวายจะฟ้องบริษัท และกลุ่มที่สามคือคนที่เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ตั้งแต่มันยังไม่เกิด ซึ่งคือกลุ่มพวกเรา…วิกฤตนี้กลับเป็นโอกาสดีให้เราได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ” นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่คุณตี๋ พัฒนพงศ์ รานุรักษ์และคุณตง ธเนศ จิระเสวกดิลก สองผู้ก่อตั้ง divana spa พลิกข่าวร้ายให้กลายเป็นธุรกิจร้อยล้าน

ประตูหนึ่งปิด ประตูอีกบานก็เปิด

จากคนธรรมดาๆ ที่ทำงานประจำเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินสวิสแอร์ ที่ดูว่ามั่นคง แต่หลังเหตุการณ์ช็อคโลก  9/11 ผ่านไปได้เพียง 2 เดือน ทั้งสองคนก็ถูกเลย์ออฟกลายเป็นคนตกงาน นั่นเป็น “การสิ้นสุดเพื่อจุดเริ่มต้น” ในการสานฝันให้เป็นจริง

แต่ก็ใช่ว่าเลิกทำงานประจำแล้วจะมาเริ่มทำธุรกิจกันได้ง่ายๆ  โอกาสอย่างเดียวไม่พอแต่ต้องทำการบ้านและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีด้วย ช่วงที่ยังเป็นสจ๊วตทั้งคู่ไม่ได้ทำงานแค่ผ่านไปวันๆ แต่พยายามมองหาโอกาส เก็บเกี่ยว สะสมประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา โอกาสก็เหมือนอากาศ มีอยู่รอบตัวแต่ถ้าไม่คิดจะมองหา มันก็เป็นเพียงแค่เวลาและสายลมที่ผ่านไป ได้ใช้ชีวิตที่สวิสเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศผู้นำด้านสุขภาพของโลก ทำให้เห็นโมเดลของธุรกิจสุขภาพที่มีมาตรฐานและการให้บริการระดับเฟิร์สคลาส ประกอบกับต้นทุนความเป็นคนไทย ชาติที่มีทั้งภูมิปัญญาและหัวใจรักการบริการ ทั้งคู่จึงมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าไม่ใช่แค่ทำสปา แต่ต้องเป็นสปาระดับพรีเมี่ยมด้วย “สักวันหนึ่งเราต้องเป็นแบบนั้น คุณตงกล่าว และนั่นคือต้นทุนและจุดเริ่มต้นของ divana ลักชูรี่ สปาที่ผสมผสานระหว่างการแพทย์แผนไทย ภูมิปัญญาตะวันออกกับบริการที่เป็นมาตรฐานระดับเวิร์ลคลาสเข้าไว้ด้วยกันเหมาะเจาะลงตัว

สูตรเอาชนะความท้าทาย เพราะความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ไม่มีเส้นทางชีวิตใดจะราบรื่น หอมหวนเหมือนเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ตลอดเวลา ธุรกิจเวลเนสอายุย่าง 19 ปี ของคุณตี๋และคุณตงก็เช่นกัน แต่เพราะคำว่า “สู้ไม่ถอย” divana จึงฟันฝ่าอุปสรรคและเติบโตได้อย่างทุกวันนี้ คุณตี๋และคุณตงพาเรานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปเมื่อเพิ่งเปิดร้านแรกหุ้นส่วนสองคนที่มีเงินทุนไม่มากแต่อยากทำสปาระดับหรูที่มีฟาซิลิตี้ครบเครื่อง เรื่องจึงไม่ง่ายเพราะทุนกับเป้าหมายสวนทางกัน สปาหรู 4 ห้อง กับพนักงาน 4 คน แทบไม่มีเงินเหลือหมุนเวียนในธุรกิจ ทั้งสองคนต้องทำงานเองแทบทุกอย่างตั้งแต่เป็น CEO พ่อบ้าน ทำการตลาด ถ่ายรูปไปจนถึงจัดสวน ในช่วง 3 เดือนแรก ลูกค้าไม่พอที่จะสร้างกระแสเงินสดเข้าร้าน จนเหลือเงินสดก้อนสุดท้ายเพียง 9 หมื่นบาท เงินหมด ลูกค้าน้อย ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด แต่ไม่ท้อเพราะรักในสิ่งที่ทำกับหัวใจเต็มร้อยที่อยากดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด แม้จะต้องเริ่มเปิดร้านตั้งแต่แปดโมงเช้าและรับลูกค้าจนถึงตีหนึ่ง ติดต่อกันเป็นเดือนๆ

แต่หัวใจนักสู้ที่ยืนอยู่บนหลักการและมาตรฐานที่ใช่   ในที่สุดก็เกิดดอกผล ผลประกอบการทะยานขึ้นมากในเดือนที่สี่ ที่ห้า บางคนมองว่าเราโชคดี แต่จริงๆ แล้วที่เอาชนะอุปสรรคจนมีวันนี้ได้ เกิดจาการที่เราทำเช็กลิสต์อยู่ตลอด เราทำงานหนัก ลงทั้งแรงกาย แรงใจ สติปัญญาทั้งหมดกับสิ่งที่ทำ… เวลาที่เราดาวน์ที่สุดแล้วเราเชื่อว่ามันยังอยู่ได้ มันจะยังไปต่อได้ ด้วยการที่เราไม่ยอมแพ้” ประโยคนี้ของคุณตี๋ตอกย้ำว่าการมี – หัวใจนักสู้ - is a must ในการนำพาธุรกิจให้ผ่านมรสุมที่ถาโถมเข้ามาได้

พลังที่เปลี่ยน “เป็นไปไม่ได้” ให้ “เป็นไปได้”

พอเราเริ่มจากแพสชั่น มันทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ทำ …เมื่อเป็นสิ่งที่เราเลือกทำเอง เราจะมองข้ามความเหนื่อย ความท้อแท้ไปได้อยู่ตลอดเวลา” คุณตงเล่าถึงพลังขับเคลื่อนภายในของ divana เมื่อมีแพสชั่นแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องมี คือ— เป้าหมาย — ต้องชัดว่าธุรกิจจะไปสู่จุดไหน พอมีเป้าหมายจะทำให้เกิดแรงขับที่จะสู้กับอุปสรรคได้อยู่ตลอดเวลา และทุกอุปสรรคที่เข้ามาจะทำให้มองเห็นจุดอ่อนของตัวเอง ถ้าแก้ไขจุดอ่อนนั้นได้ จุดอ่อนจะกลายเป็นแรงส่งให้ธุรกิจทะยานขึ้นได้ตลอดเวลา

ในวันเปิดร้าน เพื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Feasibility พูดกับพวกเขาว่า –ธุรกิจนี้มันเป็นไปไม่ได้—ถ้าเป็นคนทั่วไป คงทั้งโกรธและเสียขวัญ ทำไมมาแช่งกันในวันเปิดร้าน? แต่เขากลับมองว่าทุกความเห็นคือความหวังดี ต้องนำกลับมามอง ทำให้ระมัดระวังมากขึ้น และยังคงต้องสู้ไม่ถอยเพื่อไปสู่เป้าหมายที่วางไว้นั่นคือ การส่งมอบความมั่งคั่งที่แท้จริงซึ่งก็คือสุขภาพที่ดีให้กับคนทุกระดับ และนำพาประเทศไทยของเราให้เป็นศูนย์กลางของสุขภาพของโลก


เด็กดื้อ ที่ทำตามหนังสือ

“Not only Satisfaction but Impression” เป็นโค้ดในการทำงานของ divana ที่พวกเขายึดเป็นหลักในการทำงานตลอด 19 ปีที่ผ่านมาและได้รับการการันตีว่าได้ผลจริง จากรางวัล World Luxury Spa Awards จากต่างประเทศ ติดต่อกันหลายปี

นอกจากนี้ เขายังเปิดรับทุกแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาทดลองใช้ว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ หนทางสู่การแก้ปัญหา หรือการพัฒนาสู่สิ่งใหม่ๆ พวกเขาไม่เคยเล่นเกมเดียว แต่จะลองหลายๆ ทาง เรียกว่า ลอง 10 อย่าง หากสำเร็จเพียงอย่างเดียว ก็จะเป็นเคล็ดวิชาที่มีคุณค่าชั่วชีวิต นอกจากนี้ การบริหารให้เกิดความสมดุลระหว่าง Expectation กับ Performance ของพวกเขา ยังได้นำเอาหลักปรัชญาของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย

ก้าวกระโดดที่ไม่โดดเดี่ยว

“ให้พลังของกลุ่มที่มีประสบการณ์ และมืออาชีพ เป็นตัวเร่งให้เครื่องยนต์ของเราพุ่งทะยาน” หลังจากคุณตี๋และคุณตงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ SCB SME ธุรกิจที่เติบโตอยู่แล้วก็ทะยานขึ้นอีก ด้วยอัตราการเติบโต 300% ในระยะเวลาเพียง 18 เดือน “มีคนเก่งๆ บอกเราว่ามีหลักการแบบนี้  จะเดินยังไง ต้องระวังอะไรบ้าง ต้องใช้อะไรบ้าง ต้องออกอาวุธตอนไหน” คุณตี๋เล่าถึงการการเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อได้ทำงานร่วมกับ SCB จากเดิมที่เคยทำงานแบบศิลปินก็กลายเป็นมืออาชีพมากขึ้น  SCB เข้ามาช่วยวิเคราะห์ว่าสิ่งที่ทำอยู่มีจุดไหนสามารถทำให้ดีขึ้นได้อีกและต้องทำอย่างไร

รวมทั้งให้การสนับสนุนในด้านการเงินเพื่อขยายสาขาและเสริมสภาพคล่อง การนำแพลทฟอร์มดิจิทัลเข้ามาใช้ในการจัดการเรื่องการเงิน หรือแม้กระทั่งให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในการติดต่อกับหน่วยราชการ เช่น อย. ในการขอใบอนุญาตต่างๆ ซึ่งทำให้พวกเขาได้ลองทำอะไรใหม่ๆ และพัฒนาระบบการทำงานที่อาจละเลยมาก่อน เช่น ระบบการเงิน ระบบหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น “SCB มอบแพลทฟอร์ม แห่งความสำเร็จ เป็นช็อตคัท ให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง” คุณตงมอง SCB เป็นพี่ใหญ่ที่ทั้งคอยดึงมือเมื่อก้าวพลาด และผลักดันเมื่อก้าวหน้า

นอกจากยอดธุรกิจที่ขยายหลายเท่า ทั้งสองยังได้รับประสบการณ์ที่มีค่ามากกว่า นั่นคือ ความสุข ความสุขจากการแชร์ การแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของพวกเขาให้กับผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ในโครงการ The Dots “การเป็น Mentor กับ SCB เป็นประสบการณ์ที่ใช้เงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ และเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขทุกวันที่ทำ ” คุณตี๋เล่าด้วยความภูมิใจ ทุกครั้งที่คิดว่า “ ให้” แต่กลับ “ได้รับ” กลับคืนมามหาศาล ทั้งทรัพยากร ทั้งคอนเนคชั่น และองค์กรที่แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน

สิ่งที่อยากบอกรุ่นน้อง

“จินตนาการให้ชัด แล้วไปให้สุด อยู่กับปัจจุบัน คือทำตอนนี้เลย คิดใหญ่ แล้วค่อยเทสท์เล็กๆ เมื่อได้ผลแล้วก็ค่อยๆ ขยายมันออกไป” คุณตงแนะนำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่เปี่ยมพลัง

ทั้งสองมักแนะนำนักธุรกิจรุ่นน้องด้วยคำถามเสมอ ทุกคนต้องตอบให้ได้ว่า เป้าหมายคืออะไร? แล้วต้องทำอะไรเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น? คนทำธุรกิจควรต้องตั้งคำถามทุกวัน ต้องกล้าจินตนาการ เมื่อมีคำตอบที่ชัดเจนแล้ว ถ้าติดขัดอะไร กลุ่มมีทรัพยากรที่เป็นองคาพยพใหญ่อย่าง SCB ที่มีประสบการณ์กว่า 100 ปี และรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ อย่างเช่น คุณตี๋ คุณตง รวมถึงนักธุรกิจผู้มีประสบการณ์ในทุกวงการจะมาช่วยเป็น Mentor ให้ พร้อมจะผลักดันนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ หรือ Startup ทั้งหลายให้ประสบความสำเร็จแบบพุ่งทะยานเป็นกลุ่มก้อนไปด้วยกัน

เพราะโลก ณ วันนี้เต็มไปด้วยการ disrupt นอกจาก “พึ่งพาตนเอง” แล้ว การ “พึ่งพากันเอง และรวมกลุ่มอย่างมีพลัง” คือทางเลือก สู่ทางรอด สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ที่ยั่งยืน!


#SCBSME #SMEwithPurpose #เพื่อSMEเป็นที่1 #SCBmentor

ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง