ปรับตัวให้รอดและมีความสุขกับการทำงานเมื่อองค์กรมีการเปลี่ยนแปลง

ในโลกของการทำงานในยุคปัจจุบันเราไม่อาจหนีคำว่า “การเปลี่ยนแปลง”ไปได้ ทุกองค์กรมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวให้สามารถเติบโตและอยู่รอดในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นการปรับเล็กหรือปรับครั้งใหญ่ ความสามารถในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นอีกหนึ่งทักษะที่มีความจำเป็นสำหรับมนุษย์เงินเดือนในยุคปัจจุบัน และช่วยลดความเครียดและสามารถเพิ่มศักยภาพในการทำงาน แต่ต้องยอมรับว่าการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต้องใช้เวลาและความอดทน แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงอาจจะเพิ่มความยากในการทำงานแต่ไม่ได้หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ไม่ดี บทความนี้มีเทคนิคที่ช่วยให้การปรับตัวและปรับใจกับการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้น

1. ยอมรับความเปลี่ยนแปลง

ต้องทำใจยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลงคือธรรมชาติ ไม่มีอะไรในโลกที่จะคงอยู่ในสภาพเดิมตลอดไปแม้แต่ตัวเราเอง เมื่อยอมรับได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาเป็นธรรมชาติจะทำให้เราปรับใจให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น บอกกับตัวเองว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำโอกาสดีๆ มาสู่เรา ต้องวางสิ่งเดิมๆ วิธีการทำงานแบบเดิมๆ ความคิดแบบเดิมๆ ไว้ข้างหลัง ท่องไว้ในใจเสมอว่าสิ่งดีๆ กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง


2. คิดบวก

ทัศนคติในมุมบวกเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง โฟกัสไปที่สิ่งที่เป็นไปได้ที่กำลังเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงและเราจะใช้ศักยภาพที่มีเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงและแสดงความสามารถที่โดดเด่นได้อย่างไร ทัศนคติในแง่บวกจะทำให้เราปรับใจและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างสบายใจขึ้นและปรับตัวได้เร็วขึ้น


3. ปรับมุมมองใหม่

ลองหามุมมองใหม่ๆ จากคนที่อยู่นอกองค์กร เพื่อนที่ทำงานในองค์กรอื่น มุมมองใหม่ๆ ประสบการณ์ที่แตกต่างจะช่วยให้เรามองเห็นความแตกต่างและยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น  การพูดคุยกับเพื่อนที่ทำงานต่างองค์กรจะทำให้คุณเห็นว่าองค์กรอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ไม่ใช่องค์กรที่เราทำงานที่เดียวเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง

organization

4. ฟกัสไปที่สิ่งที่เราควบคุมได้

โฟกัสไปที่งานที่อยู่ในความรับผิดชอบที่เราสามารถควบคุมการทำงานได้ด้วยตัวเอง และอย่าให้ใจไปจดจ่อกับสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของตัวเอง  ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คลายกังวลและมีความสบายใจขึ้น ถ้างานที่อยู่ในความรับผิดชอบเป็นงานชิ้นใหญ่ลองแตกงานออกเป็นชิ้นย่อย เพื่อให้สามารถทำงานชิ้นย่อยๆ ให้สำเร็จได้ง่ายขึ้นซึ่งจะสร้างกำลังใจ ถามตัวเองในแต่ละวันว่าอะไรที่จะทำให้เสร็จให้ได้ภายในวันนี้ โฟกัสที่งานหนึ่งชิ้นในช่วงเวลาหนึ่งจะช่วยให้มีสมาธิและทำงานแต่ละชิ้นได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

5.ถามตัวเองว่าต้องการอะไรจากหน้าที่การงาน

มีทักษะอะไรบ้างที่เราต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น มีทักษะอะไรใหม่ๆ บ้างที่เราต้องเรียนรู้เพิ่ม  มีเป้าหมายอะไรบ้างที่ต้องการไปถึง การมองสิ่งที่ตัวเองควบคุมได้เหล่านี้ก่อนในการพัฒนาความก้าวหน้าในหน้าที่การงานซึ่งจะเพิ่มความพึงพอใจในตัวเองและความพึงพอใจในงานมากขึ้น


6.ตั้งเป้าหมายใหม่

เมื่อองค์กรเปลี่ยนไปการตั้งเป้าหมายของตัวเองใหม่เป็นเรื่องที่จำเป็น การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของเป้าหมายใหม่ แทนที่จะมาใช้พลังงานของตัวเองกับมองการเปลี่ยนแปลงในแง่ลบ เอาพลังงานมาใช้ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายจิตใจจะไม่ฟุ้งซ่าน


7. มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน

การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานก็เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะเราจะได้ทราบอยู่ตลอดว่าตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ ในองค์กรเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนั้นการได้พูดคุยและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานยังทำให้สุขภาพใจดี มีพลังบวก และการทำงานร่วมกันก็จะง่ายและราบรื่นขึ้นด้วย


ไม่ว่าจะทำงานที่องค์กรไหนการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งในโลกปัจจุบันที่มีความต้องการทักษะใหม่ๆ เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การยอมรับการเปลี่ยนเปลี่ยน ปรับตัว ปรับใจ ปรับความรู้ ให้เร็วเป็นเรื่องที่ต้องทำ ต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้คำว่างานที่มั่นคงไม่มีอยู่อีกต่อไป ดังนั้นการวางแผนการเงินและการลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าหากวันใดวันหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เราต้องตกงาน หรือปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ เรายังจะมีเงินที่ได้เก็บออมและลงทุนไว้เป็นตัวช่วยในระหว่างหางานใหม่หรือมองหาช่องทางทำธุรกิจใหม่ๆ ถ้ายังไม่เริ่มลงทุนก็ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้กับ SCB EASY INVEST แพลตฟอร์มการลงทุนแบบ Open Architecture ที่มีกองทุนเด่นๆ ที่คัดสรรมาแล้วจากหลากหลาย บลจ.ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.scbs.com/easyinvest

ข้อมูล:

https://www.indeed.com/career-advice/career-development/adapting-to-change