เคยเป็นมั้ย? หาเงินค่าเทอมลูกไม่ทัน มีทางแก้

หัวอกคนเป็นพ่อแม่ แค่อยากให้ลูกได้เรียนหนังสือในโรงเรียนที่ดี  ได้รับโอกาสทางการศึกษาเพื่อที่ในอนาคตจะได้เติบโตมีอาชีพหน้าที่การงานหาเลี้ยงตัวเองได้ไม่ลำบาก  แต่ความคาดหวังย่อมตามมาด้วยภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลที่กว่าจะฟูมฟักเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบใหญ่   ทั้งค่าเทอม  ค่าเรียนพิเศษ  ค่าหนังสืออุปกรณ์  ค่ากินค่าอยู่  ยังไม่รวมไปถึงค่ากิจกรรมของโรงเรียนตามเทศกาล   เพราะค่าใช้จ่ายในการส่งเสียลูกเล่าเรียนมีมาก  ทำให้ในช่วงใกล้เปิดเทอมพ่อแม่หลายคนจึงเกิดความกังวลใจว่าจะหาเงินจากที่ไหนเพื่อมาจ่ายค่าเทอม   ยิ่งในช่วงนี้ลำบากกันจริงๆ  เศรษฐกิจฝืดเคือง  แถมยังเจอโรคระบาดเข้าไปอีก  ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองวิ่งหาเงินค่าเทอมกันแทบไม่ทัน  เมื่อใกล้จะถึงวันขีดเส้นตายต้องทำอย่างไร   ขอแนะนำวิธีหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ลูกอย่างทันท่วงทีมาฝากกัน

fee3

1. หยิบยืมญาติสนิท

แน่นอนว่าเมื่อถึงวันขีดเส้นตาย  การจะหาเงินได้รวดเร็ว  ไม่มีวิธีการไหนที่จะเร็วไปกว่าการหยิบยืมเงินจากคนใกล้ชิดที่เป็นญาติสนิท   แต่การที่จะเอ่ยปากหยิบยืมกับใครสักคนเป็นเรื่องที่ต้องทำใจ เพราะคนส่วนใหญ่มักมีอัตตาทิฐิมานะถ้าไม่ลำบากเข้าตาจนจริงๆ มักจะไม่ทำกัน   แต่การหยิบยืมเงินจากญาติสนิทมีข้อดีคืออย่างไรเสียคนให้ยืมเงินก็ยังมั่นใจได้ว่าเราเป็นญาติโอกาสจะเบี้ยวหนี้มีน้อย(แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี)   ที่สำคัญเมื่อยืมเงินใครแล้ว  ต้องมีสัจจะให้สัญญาว่าจะจ่ายเงินคืนเมื่อไหร่  วันไหน  ก็จะทำให้ทั้งผู้ให้ยืมและผู้ยืมสามารถมองหน้ากันได้สนิทใจ   ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเงินสดขาดมือจริงๆ  ไม่ใช่เอาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย  เพราะคนที่เป็นญาติสนิทกันก็มักจะรู้จักนิสัยใจคอของผู้ยืมอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร  ถ้าหากเบี้ยวหนี้อาจทำให้มีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวตามมาได้ซึ่งไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง    

2. จ่ายค่าเทอมด้วยบัตรเครดิต

การจ่ายค่าเทอมด้วยบัตรเครดิตทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินสดของตัวเองในทันที  แถมยังมีระยะเวลาในการหาเงินมาหมุนเพื่อจ่ายเงินให้ทันตามรอบบิล   ซึ่งการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตถือเป็นการจ่ายเงินที่ถูกสุด  เพราะบัตรเครดิตมีโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์มากกว่าการชำระเงินแบบอื่น  เพราะมีคะแนนสะสมทุกการใช้จ่าย  โดยยอดใช้จ่ายทุก ๆ 25 บาทจะได้รับคะแนนสะสม 1 คะแนน  มีค่าเท่ากับเงินคืนประมาณ 0.4% ของยอดใช้จ่าย และบางบัตรยังได้รับคะแนนสะสมสูงกว่าปกติก็ยิ่งคุ้มค่าเข้าไปใหญ่  ซึ่งคะแนนสะสมสามารถนำไปแลกของรางวัล  บัตรกำนัล  รวมไปถึงใช้เป็นส่วนลดได้ทันที  โดยใช้แลกคะแนนเท่ายอดซื้อสินค้าอีกด้วย  -สนใจสมัครบัตรเครดิต SCB-

3. ขอสินเชื่อส่วนบุคคล

เมื่อถึงวันขีดเส้นตายกำหนดจ่ายค่าเทอมจะหาเงินจากที่ไหนได้ทัน  ลองใช้สินเชื่อส่วนบุคคลดูเพราะวัตถุประสงค์ของสินเชื่อส่วนบุคคลคือการอนุมัติเงินก้อน  โดยไม่จำเป็นต้องระบุวัตถุประสงค์ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร  ที่สำคัญรู้ผลอนุมัติไวเพียงแค่  3 วัน  แต่ต้องยื่นเอกสารสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลให้ครบถ้วน ธนาคารก็จะอนุมัติสินเชื่ออย่างรวดเร็ว  ดีกว่าการไปกู้สินเชื่อนอกระบบที่ดอกเบี้ยแพงและไม่มีกฎหมายควบคุม   สินเชื่อส่วนบุคคลยังมีข้ออีกคือ สามารถใช้หนี้หมดได้อย่างรวดเร็ว  ไม่มีการคิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น  ทำให้คิดคำนวณและควบคุมค่าใช้จ่ายได้   ที่สำคัญ  ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน  สามารถรับเงินสดเข้าบัญชีธนาคารได้ทันที  พร้อมวงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ และสะดวกสบายกับหลายช่องทางการผ่อนชำระ  วงเงินอนุมัติตั้งแต่ 20,000 – 3,000,000 บาท ผ่อนชำระนานสูงสุด  72 เดือน  ชำระคืนเป็นรายเดือนๆ ละเท่าๆ กัน  แถมยังคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก  -สนใจสมัครสินเชื่อ Speedy Loan-   และถ้าหากเป็นลูกค้า SCB อยู่แล้วและมี  SCB EASY App ยิ่งง่ายเข้าไปอีก  สามารถขอสินเชื่อออนไลน์ได้ทันที  ดูเพิ่มเติมที่บทความ  Mobile Banking App : ทางเลือกของคนอยากกู้ (เงิน) เงียบๆ คนเดียว

4. เข้าโรงรับจำนำ

เมื่อหาค่าเทอมลูกไม่ทันพรุ่งนี้   ที่พึ่งอย่างดีของพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือ  โรงรับจำนำ  ขอแค่มีทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นแหวนเพชร, สร้อยทอง, เครื่องประดับที่มีค่า ,กระเป๋าแบรนด์เนม , เครื่องใช้ไฟฟ้า , นาฬิกา , มือถือ  ,เครื่องคอมพิวเตอร์  ฯลฯ สามารถนำมาจำนำได้หมด  แถมดอกเบี้ยยังถูกกว่าเงินกู้นอกระบบอีกด้วย    ไม่ต้องส่งดอกทุกเดือน   ไม่มีคนคอยตามทวงเงิน  มีระยะเวลานาน  4  เดือนในการนำเงินมาไถ่    หากยังไม่พร้อมสามารถยืดระยะเวลาออกไปได้อีก  1 เดือน  ถ้าไม่ไปไถ่คืนของก็จะถูกยึด  แล้วโรงรับจำนำก็จะนำสินค้าออกมาขาย  ซึ่งวิธีการนี้มีข้อเสียคือ  ต้องออกจากบ้านไปยังโรงรับจำนำซึ่งไม่เหมาะกับสถานการณ์ปิดเมืองในช่วงนี้   แถมสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยอาจรู้สึกตะขิดตะขวงใจและยังอายอีกต่างหากที่ต้องเข้าออกโรงรับจำนำ   


นอกจากวิธีการหาเงินมาจ่ายค่าเทอมอย่างทันใจแล้ว   พ่อแม่ผู้ปกครองอาจใช้การเจรจาต่อรองกับโรงเรียนหรือสถานศึกษา  เพื่อขอยืดระยะเวลาชำระค่าเทอมออกไป หรืออาจขอแบ่งจ่ายออกเป็นงวดๆ  ก็จะเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยพ่อแม่ผู้ปกครองให้หาเงินมาหมุนได้ทัน  ที่สำคัญควรมีการวางแผนหาเงินค่าเทอมลูกไว้แต่เนิ่นๆ    ด้วยการเตรียมค่าใช้จ่ายล่วงหน้า  โดยศึกษาว่าตลอดทั้งปีในแต่ละเทอมว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่   แล้ววางแผนเก็บเงินในแต่ละเดือนจำนวนเท่าๆ กัน   เพื่อที่จะสามารถหมุนเงินและจ่ายค่าเทอมลูกได้ทันเวลา   และควรตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในการศึกษาของลูก  เช่น  ให้ลูกอ่านหนังสือเตรียมสอบเองแทนการเรียนพิเศษ  หรือประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อ gadget ที่ไม่จำเป็นให้ลูก หรือชุดนักเรียนใหม่หากของเดิมยังใช้ได้ดีอยู่ก็ไม่ควรซื้อ   รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองควรเปิดอกพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับสถานะการเงินของที่บ้านเพื่อที่ลูกจะได้ตระหนักว่าควรจะปรับตัวและทำอย่างไรเพื่อที่จะได้ช่วยกันประหยัดและไม่สร้างภาระให้กับพ่อแม่เกินความจำเป็น


ข้อมูล

https://www.matichon.co.th/money-management/news_2119299

https://masii.co.th/blog