ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
“มรดก” เรื่องสำคัญของทุกคน
หลายคนยังมีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับการวางแผนมรดก คือ คิดว่าต้องรวยหรือมีทรัพย์สินมากก่อนจึงจะสามารถวางแผนมรดกได้ ซึ่งนับว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไป เพราะการวางแผนมรดกนั้นเป็นเรื่องที่มีความสําคัญสําหรับทุกคน ไม่เฉพาะกับคนรวยที่มีทรัพย์สมบัติมากๆ เท่านั้น แต่ไม่ว่าจะมีเงินมากหรือน้อยก็ตาม ทุกท่านก็ไม่ควรมองข้ามการวางแผนมรดก
การวางแผนมรดก คือ การวางแผนที่จะส่งต่อทรัพย์สินไปยังทายาท หรือผู้ที่เจ้าของมรดกต้องการยกให้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เหตุผลสำคัญที่เราต้องมาวางแผนมรดก ได้แก่
เราสามารถเริ่มต้นวางแผนมรดกได้ดังนี้
ขั้นที่ 1 เริ่มต้นจากการทำบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินอยู่เสมอ
เพื่อทำให้ทราบสถานะทางการเงินของตัวเองว่ามีทรัพย์สิน หนี้สินอะไร และเท่าไหร่ เพื่อให้ง่ายต่อการวางแผนจัดสรรว่าส่วนใดที่จะกันเป็นเงินเกษียณของตัวเอง จะใช้เงินส่วนใดในการชำระหนี้ และส่วนใดจะมอบให้กับทายาทคนไหน ในกรณีนี้เป็นการวางแผนในขณะที่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเมื่อวางแผนเสร็จก็ทำการส่งมอบ โดยต้องพิจารณาภาษีการให้และภาษีมรดกประกอบด้วย โดยทรัพย์สินที่จะต้องเสียภาษีมรดก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ยานพาหนะ หลักทรัพย์ตามกฎหมาย เงินฝาก และทรัพย์สินทางการเงินที่มีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
วิธีที่ใช้ในการวางแผนมรดกในกรณีที่เจ้ามรดกเสียชีวิต ก็คือการทำพินัยกรรม เป็นรูปแบบการวางแผนมรดกสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สิน เช่น ธุรกิจ บ้าน ที่ดิน และอื่นๆ และต้องการจัดการทรัพย์สินเหล่านี้ในรูปของพินัยกรรม เพื่อระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการส่งมอบทรัพย์สินอะไรให้แก่ใครบ้าง ซึ่งเมื่อผู้ทำพินัยกรรมเสียชีวิตลง ทนายความผู้รับผิดชอบพินัยกรรมจะนำพินัยกรรมออกมาดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และแบ่งมรดกทั้งหมดให้แก่ทายาทตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมทันที อย่างไรก็ตาม หากเจ้ามรดกมีหนี้สิน กองมรดกก็ยังมีหน้าที่รับผิดชอบในหนี้สินนั้นๆ เท่าที่มีทรัพย์สินอยู่ แค่ไหนก็แค่นั้น
ขั้นที่ 2 ศึกษากฎหมายภาษีมรดกและภาษีจากการให้
เป็นการวางแผนเพื่อการให้มรดกเกิดประโยชน์สูงสุด โดยหลักเกณฑ์ในเบื้องต้น คือ
ขั้นที่ 3 วางแผนการมอบมรดก
โดยการทยอยส่งมอบทรัพย์สินในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสมและไม่ทำให้เสียภาษีมากจนเกินไป ทั้งนี้ในการวางแผนมรดกควรพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ ไม่ควรให้มรดกชิ้นเดียวกันกับทายาทหลายๆ คนเพราะอาจจะเกิดปัญหาระหว่างทายาทตามมาได้ รวมทั้งไม่ควรรีบมอบมรดกเพราะกลัวการจ่ายภาษี จนเกิดความลำบากเมื่อทรัพย์สินถูกแจกจ่ายไปแล้ว
ขั้นที่ 4 พิจารณาส่งต่อมรดกเป็นทรัพย์สินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
การทำประกันชีวิต หรือ ประกันมรดก ถือได้ว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการวางแผนมรดก ผู้วางแผนมรดกสามารถทำประกันชีวิตโดยระบุผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์เป็นทายาทที่เราต้องการมอบทรัพย์สินก้อนสุดท้ายไว้ให้ ซึ่งสินไหมมรณกรรมที่ได้จากประกันชีวิตจะได้รับยกเว้นภาษี นอกจากนี้ผู้รับผลประโยชน์ยังได้รับเงินอย่างรวดเร็วเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต เพราะเงินประกันไม่ถูกรวมเข้ากับกองมรดก จึงสามารถจ่ายให้แก่ผู้รับมรดกได้เลยโดยไม่ต้องรอการจัดการมรดก
การวางแผนมรดก ไม่ว่าผู้นั้นจะมีทรัพย์สินหรือไม่ก็สามารถจัดการมรดกเพื่อส่งต่อถึงคนที่รักได้ไม่ยาก และที่สำคัญควรทำไว้แต่เนิ่นๆ ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อส่งมอบทรัพย์สินให้แก่คนที่ตนเองรัก และสร้างความสงบสุขทางใจให้กับเจ้ามรดกอย่างแท้จริง
บทความโดย: นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร
ประกันเพื่อเป็นมรดก วางแผนมรดกให้ลูกหลาน จ่ายเบี้ยสั้น คุ้มครองยาว ให้คุณมีเงินใช้หลังเกษียณแบบอุ่นใจและมั่นคง คุ้มครองนานถึง 99 ปี