5 พิกัดวัดใกล้เมืองกรุง ชวนผ่อนคลายไหว้พระที่นนทบุรีสุดฟิน

ช่วงนี้เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะต้องอยู่บ้านเว้นระยะห่างเดินทางไกลไม่ได้ น้องมีบุญจึงอยากชวนเพื่อน ๆ มาผ่อนคลาย และทำบุญเพื่อความสุขใจโดยวันนี้น้องมีบุญจะพาไปวัดไหว้พระย่านเมืองนนทบุรีจังหวัดใกล้ ๆ กับกรุงเทพฯ นี่เอง

nonthaburi-temple-01

1. วัดบัวขวัญ พระอารามหลวง

         น้องมีบุญพาเพื่อน ๆ ไหว้พระนนทบุรี เริ่มจากสำนักสงฆ์กลางทุ่งนาที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีพระสงฆ์จำพรรษามากขึ้นก็พัฒนาเป็นวัด มีนามว่า วัดสระแก โดยมีพระครูปรีชาเฉลิม หรือ หลวงปู่แฉ่งแห่งวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร เป็นผู้ริเริ่ม และได้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคที่ดินเพื่อขยายบริเวณ ต่อมาก็ได้รับการอนุญาตให้สร้างขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2435 เมื่อหลวงปู่แฉ่ง มรณภาพ ก็ได้หลวงพ่อฉ่ำมาเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดต่อ ภายหลังได้มีช่วงที่วัดเว้นว่างจากพระสงฆ์ ชาวบ้านกลัวว่าจะกลายเป็นวัดร้าง จึงได้ไปนิมนต์พระอธิการพยุง จากวัดกำแพง มาเป็นเจ้าอาวาสต่อ เมื่อปี พ.ศ.2491 เริ่มทำการปฏิสังขรณ์ และพัฒนาเรื่อยมา นายบัว ฉุนเฉียว ได้บริจาคที่ดินเพิ่มเติมให้ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายบัว ทางวัดจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น วัดบัวขวัญ


         ต่อมาวัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2506 และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2551 นอกจากการพัฒนาวัดในด้านต่างๆ แล้ว วัดแห่งนี้ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาด้วย จึงได้มีการก่อตั้งเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีประจำจังหวัดนนทบุรีแห่งที่ 1 รวมถึงสนับสนุนการศึกษา โดยการสอนธรรมศึกษาในโรงเรียน และยังเป็นศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนสำหรับระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลายอีกด้วย    


ที่ตั้ง https://goo.gl/maps/65yTRr2dATjdFJpr5

        1 หมู่ที่ 9 ซอย งามวงศ์วาน 23 บางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000

2. วัดสังฆทาน

         วัดเก่าแก่แห่งนี้ เชื่อว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เดิมมีนามว่า วัดศาริโข ในวัดมีหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นพระประธาน แต่ต่อมาได้กลายเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แม้ว่าจะยังมีชาวบ้านเข้ามาสักการะหลวงพ่อโตอยู่ จนวันหนึ่งชาวบ้านในบริเวณนั้นได้นิมนต์พระมา เพื่อทำบุญ ถวายสังฆทาน จนถูกเรียกติดปากว่า วัดสังฆทาน ทางวัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2522


         ภายในบริเวณวัดมีอุโบสถแก้วหลังใหญ่ ลักษณะเหมือนอยู่กลางดอกบัว โดยหลวงพ่อสนอง ได้ดำริให้รื้อถอนศาลาหลวงพ่อโตหลังเก่า เพื่อสร้างเป็นโบสถ์หลังใหม่ เนื่องจากศาลาเดิมนั้นชำรุดทรุดโทรม ขนาดคับแคบรองรับพระสงฆ์ และผู้มาปฏิบัติธรรมได้น้อย อีกทั้งยังมีหลังคาเป็นสังกะสี เมื่อฝนตก ก็จะมีเสียงดังมาก หน้าร้อนก็อบอ้าวเกินไป พระสงฆ์ และชาวบ้านจึงได้ช่วยกันรื้อถอน และสร้างอุโบสถแก้วหลังนี้ขึ้นในปี พ.ศ.2536 โดยมีความจุได้ถึง 600 คน โบสถ์แห่งใหม่นี้เป็นอาคารทรงแก้วแปดเหลี่ยม เนื่องจากองค์หลวงพ่อโตมีขนาดใหญ่มาก มีความสูงหลายเมตร ถ้าหากจะสร้างแบบทรงไทยมีช่อฟ้าใบระกา ต้องสร้างให้เศียรหลวงพ่อโตต่ำกว่าขื่อ ดังนั้นโบสถ์ก็จะมีขนาดใหญ่มาก แต่หากทำเป็นรูปทรงเจดีย์แล้ว สามารถประดิษฐานหลวงพ่อโตให้อยู่ตรงกลาง หรือริมก็ได้ และทรงแปดเหลี่ยมนั้นยังสื่อถึงมรรคแปดได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ภายในอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุสองพระองค์ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา และของพระเกจิอาจารย์อีกหลายองค์ด้วย และชั้นใต้ดินยังทำเป็นห้องสมุดที่มีหนังสือธรรมะมากมาย มีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตกแต่งสวยงาม


         นอกจากอุโบสถแก้วในวัดยังมีเรือนไทยไม้สักทองแกะสลักทั้งหลังขนาดใหญ่บรรจุสรีระสังขารของหลวงพ่อสนอง และกุฏิรูปเรือที่สวยงามของทางวัดอีกด้วย เพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบงานศิลปะหรือสถาปัตยกรรมแบบไทย ๆ น้องมีบุญขอแนะนำให้มาไหว้พระที่นนทบุรีเลยค่ะ


ที่ตั้ง https://goo.gl/maps/NyEM8bx7HYY1YULZ7\

        100/1 หมู่ที่ 3 ตำบล บางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000

3. วัดชลประทานรังสฤษดิ์

        หากใครมาไหว้พระที่นนทบุรีแล้วเอ่ยถึงวัดแห่งนี้ หลายๆ คนจะต้องนึกถึงหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ หรือพระพรหมมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัด โดยวัดแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2502 เมื่อหม่อมหลวงชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ได้สร้างวัดชลประทานรังสฤษดิ์ขึ้น แทน วัดเชิงท่า และวัดหน้าโบสถ์ ที่กรมชลประทานได้เวนคืนที่ดินมา ซึ่งสภาพวัดขณะนั้นก็ชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว โดยหม่อมหลวงชูชาติ ได้กราบอาราธนาหล่วงพ่อปัญญานันทภิกขุ มาเป็นเจ้าอาวาส เมื่อปี พ.ศ.2503 โดยเมื่อครั้งที่หม่อมหลวงชูชาติไปเชียงใหม่ ได้เยี่ยมชมวัดอุโมงค์ และฟังการแสดงธรรมของหลวงพ่อ ซึ่งในขณะนั้นยังจำพรรษาอยู่ที่นั่น โดยเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรม แบบพูดปากเปล่า ใช้เหตุการณ์ร่วมสมัย เข้าใจง่าย ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ และสนใจในธรรมะเป็นอย่างดี


        หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ยังได้เริ่มเปลี่ยนแปลง จากความหรูหราฟุ่มเฟือยในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไปสู่ความเรียบง่าย ประหยัด และเน้นคุณประโยชน์ เช่น การจัดงานฌาปนกิจ ที่มีเพียงการบรรยายธรรม ไม่มีเลี้ยงอาหาร ไม่มีการแสดง และยังไม่รับพวงหรีดอีกด้วย


        ภายในวัด ร่มรื่น และกว้างขวาง มีลานธรรมที่ได้ต้นแบบจากสวนโมกขพลาราม ของท่านพุทธทาส และวัดนี้ยังสร้างอาคารเท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้นด้วย  ถือเป็นวัดต้นแบบเรื่องความเรียบง่ายที่ควรเข้ามาไหว้พระเมื่อผ่านมาแถวนนทบุรีเป็นอย่างมาก


ที่ตั้ง https://goo.gl/maps/RFZyNnRQCbce2Dbx7

        78/8 หมู่ที่ 1 อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120

4. วัดปรมัยยิกาวาส

         เมื่อพูดถึงการมาไหว้พระที่นนทบุรี เจดีย์เอียงและเกราะเกร็ดก็เปรียบเสมือนสถานที่ยอดนิยมที่หลายคนน่าจะนึกถึง โดยวัดแห่งนี้สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยคาดว่าถูกสร้างเมื่อครั้งพระเจ้าท้ายสระ โปรดให้มีการขุดคลอง ในปี พ.ศ.2264 ในสมัยนั้น ชาวบ้านเรียกว่า วัดปากอ่าว จวบจนกระทั่งปี พ.ศ.2307 พม่าได้ทำการยึดเมืองนนทบุรี จึงทำให้วัดปากอ่าวกลายสภาพเป็นวัดร้าง

         ต่อมาในปีพ.ศ.2317 ชาวมอญที่อพยพมาในยุคสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ จนอีก 100 ปีต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดกฐินวัดมอญ 4 วัด โดยมีวัดปากอ่าวเป็นหนึ่งนั้นด้วย ทรงเห็นว่า วัดปากอ่าวมีสภาพทรุดโทรมมาก จึงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งวัด แต่ยังรักษาความเป็นวัดมอญไว้ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สนองพระคุณ พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ผู้ทรงอภิบาลพระองค์มาแต่ทรงพระเยาว์ จึงได้พระราชทานนามวัดว่า วัดปรมัยยิกาวาส ซึ่งมีความหมายว่า "วัดของพระบรมอัยยิกา"

         วัดแห่งนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระนนทมุนินท์ พระพุทธรูปประจำเมืองนนทบุรี เป็นพระพุทธรูปปางขัดสมาธิเพชร ซึ่งภายในพระอุโบสถนั้น ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบไทยประยุกต์ บานประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นเขียนด้วยสี กำแพงแก้วรอบพระอุโบสถเป็นกำแพงเหล็กอย่างดีทำมาจากยุโรป และด้านหลังพระอุโบสถยังมีเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบรรจุด้วยพระองค์เอง เมื่อ พ.ศ.2427 นอกจากนั้นยังมีวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่อีกด้วย

         ที่พลาดไม่ได้ คือ พระเจดีย์มุเตา หรือ เจดีย์เอียง เจดีย์ทรงมอญสีขาวที่ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมของเกาะเกร็ด ภายในบรรจุพระธาตุ โดยสมัยก่อนนั้นยังตั้งตรง แต่เนื่องจากกระแสน้ำกัดเซาะฐานรากเรื่อยมาจนทำให้เจดีย์ทรุดตัว และเอียงลงในปี พ.ศ.2434 แม้จะมีการพยายามซ่อมแซมเมื่อปี พ.ศ.2535 แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ จนภายหลังได้รับงบประมาณจากกรมศาสนา และเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อซ่อมแซม ด้วยการสร้างเขื่อนคอนกรีตถาวร เสริมความแข็งแรงของตัวฐานไว้ให้แน่นหนา ทางกรมศิลปากรได้อนุญาตให้ซ่อมตัวพระเจดีย์ในสภาพที่เอียงเช่นนี้ เพื่อคงความเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ดไว้ต่อไป

ที่ตั้ง https://goo.gl/maps/kBivhM7FSy8jYaaK7

        51 หมู่ที่ 7 ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120

5. วัดสวนแก้ว

        วัดแห่งนี้ เดิมชื่อ วัดแก้ว เป็นวัดร้างมากว่า 80 ปี ต่อมาหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ และพระสงฆ์อีก 3-4 รูปได้เข้ามาพำนัก แต่ด้วยพื้นที่เดิมของวัดเป็นเรือกสวน หากจะทำการบูรณะจะต้องใช้บุคลากรจำนวนมากมาช่วย ในปี พ.ศ.2521 พระพยอม และพระสงฆ์อีก 2 รูปได้เดินทางมากราบหลวงพ่อเทียน เพื่อขอทำโครงการบวชเณรภาคฤดูร้อน เมื่อเสร็จแล้วก็จะลากลับสวนโมกข์ หลวงพ่อเทียนได้ให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าว ในปีถัดมาหลวงพ่อเทียนได้มอบหมายให้พระพยอม และพระสงฆ์ที่ติดตามกันมาเป็นผู้ดูแลรักษาวัดต่อไป เนื่องจากท่านจะกลับจังหวัดเลย พระพยอมจึงได้พัฒนาพื้นที่ของวัด โดยจำลองเอาสวนโมกขพลาราม มาไว้ในเมือง ตามคำที่ท่านพระพุทธทาสเคยปรารภเมื่อครั้งศึกษาธรรมอยู่ที่นั่น


        พระพยอมได้ทำการบูรณะ และพัฒนาวัดในด้านต่างๆ ด้วยความทุ่มเท และยังได้นำทรัพย์ส่วนตัวมาร่วมพัฒนาด้วย ภายหลังได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น วัดสวนแก้ว เมื่อพัฒนาวัดเรียบร้อยแล้วก็มุ่งมั่นในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา


        ปี พ.ศ.2529 พระพยอมได้รับกิจนิมนต์จนพบว่า ปัญหาของชนชั้นกลางลงมานั้น คือเรื่องพฤติกรรมหลงใหล ใฝ่เรื่องเพศ เรื่องเหล้า เมายา ท่านจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยพัฒนาบริเวณวัด และหาทุนซื้อที่ดินบริเวณรอบวัดเพิ่มเติม และตั้งเป็นมูลนิธิวัดสวนแก้ว เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา และสนับสนุนให้กำลังใจแก่ผู้กระทำดี ส่งเสริมสนับสนุนให้มีสัมมาอาชีพ


        วัดแห่งนี้มีบริเวณกว้างขวางร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นอกจากจะได้มาไหว้พระที่นนทบุรีแล้วยังได้มาสูดโอโซนดี ๆ กลับกรุงเทพฯ ไปด้วย  อีกทั้งยังได้ความสุขทางธรรมและความสุขทางใจด้วยเช่นกัน
 

ที่ตั้ง  https://goo.gl/maps/npjkiHKWFjEiNPvr9

          55 ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ นนทบุรี 11140

น้องมีบุญ พาท่องเที่ยวสุขใจ ไหว้พระ ทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลกันแล้ว ขอชวนมาบริจาคเงินทำบุญแบบ E-Donation บำรุงศาสนสถานสร้างบุญกุศลผ่านแอป SCB EASY กันต่อ มีขั้นตอนดังนี้

>> สแกน QR Code ทำบุญทันใจ

>> กด “ยอมรับ” ให้ธนาคารที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลรายการนี้ ให้แก่ กรมสรรพากร และ/หรือ หน่วยรับบริจาค เพื่อการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

>> ใส่จำนวนเงินบริจาค กดปุ่มยืนยัน เงินก็ส่งไปเข้าบัญชีวัดโดยตรง

ข้อมูลบริจาคที่ส่งไปกรมสรรพากรจะถูกนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษี โดยเราสามารถคลิกดูรายละเอียดข้อมูลที่บริจาค E-Donation ไปแล้วที่เว็บไซต์กรมสรรพากรได้ตลอด 24 ชั่วโมง ง่ายสะดวกทันใจสายบุญยุคดิจิทัล