สัมภาษณ์งานไม่ผ่านสักที เตรียมตัวต่อไปยังไงดี

“สัมภาษณ์งานไปเป็นสิบที่ แต่ไม่ผ่านสักที่เลยค่ะ…” หลายคนเคยมีประสบการณ์แบบนี้กันใช่ไหม? ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ที่เพิ่งจบใหม่ หรือผู้ใหญ่ที่มีงานแล้วแต่อยากเปลี่ยนงานเต็มที  จริงๆ แล้ว ถ้าเราถูกเรียกสัมภาษณ์นั่นหมายความว่าเรามีโอกาสที่จะได้งานมากถึง 60% แล้วนะ แต่อย่าลืมว่าตำแหน่งนางงามจักรวาลนั้นมีรางวัลเดียว ในขณะที่เรามีคู่แข่งที่ต้องการตำแหน่งเดียวกันนี้อีกกี่ไม่รู้กี่คน ดังนั้นถ้าอยากเป็นอันดับต้นๆ ในใจผู้สัมภาษณ์ และได้รับการประกาศว่ามงลง ได้ตำแหน่งไปครอง ควรเตรียมตัวอย่างไรดี วันนี้เรามี Do & Don’tให้มงลงมาฝากกัน


Do

รู้เขา

รู้จักบริษัทหรือองค์กรที่เราจะไปสัมภาษณ์ ควรทำการบ้านมาก่อน คือ เข้าใจความเป็นมาและสิ่งที่จะเป็นไปขององค์กร รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบันในตัวงานนั้นๆ ด้วย ลองคาดการณ์ไว้ก่อน ว่าจะมีคำถามอะไรบ้างแล้วเตรียมคำตอบไว้ เช่น หากผู้สัมภาษณ์ถามคุณว่า “คุณคิดว่าสถานการณ์ของสินค้าตัวนี้เป็นอย่างไร และคิดว่าจะเข้ามาช่วยได้อย่างไร”

รู้เรา

บ่อยครั้งผู้สมัครมีประวัติและประสบการณ์ที่ตรงกับคุณสมบัติงาน แต่พอได้เสนอโอกาสและนัดสัมภาษณ์แล้ว ผู้สมัครกลับไม่สามารถบอกเล่าถึงตัวตน ประสบกาณ์ทำงาน ตัวอย่างความสำเร็จ รวมทั้งทัศนคติของตนเองได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น อธิบายเนื้องานของตนไม่ถูก ลำดับเรื่องราวไม่เป็น ติดขัดในการตอบคำถาม ฯลฯ


มีเป้าหมาย

มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการทำงานในตำแหน่งนั้นๆ เพราะอะไร มีแผนการเติบโตในอนาคตอย่างใด สิ่งที่จะสามารถพัฒนาบริษัทและพัฒนาตัวเองคืออะไร


มั่นใจในตัวเอง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะได้งานนั้นหรือไม่ก็ตาม จงพกความมั่นใจติดตัวไว้ เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง ยืน เดิน นั่งด้วยบุคลิกภาพที่ดี สบตากับผู้สัมภาษณ์อย่างเปิดเผย แล้วทำให้ดีที่สุด เพียงเท่านี้ ก็ไม่ต้องมาเสียใจอะไรภายหลังแล้ว จะได้งานหรือไม่ไม่สำคัญแต่สำคัญกว่าคือเราทำดีที่สุดแล้ว โอกาสข้างหน้ายังรอเราอยู่


Don’t

พูดถึงแต่แง่ลบของบริษัทเดิม

นับเป็นเรื่องปกติที่คนเปลี่ยนงานจะรู้สึกไม่พอใจ หรือไม่มีความสุขจนต้องมองหางานใหม่ แต่ถ้าผู้สมัครเอาแต่พูดถึงแค่แง่ลบของบริษัทเดิม ก็คงพอทำให้ผู้สัมภาษณ์มองเห็นได้ว่าเขาพร้อมที่จะตำหนิคนอื่นอยู่เสมอ จนบางครั้งก็ดูไม่เป็นมืออาชีพในการทำงานมากพอ ทั้งที่จริงคือผู้สมัครควรควบคุมสติตัวเองให้ได้ แล้วอธิบายว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เขาไม่มีความสุขในการทำงานและเลือกที่จะลาออกหรืออยากเปลี่ยนงาน


โอ้อวดมากเกินไป

การพยายามแสดงออกถึงความมั่นใจเป็นคุณสมบัติที่ดีของการทำงาน แต่ในการสัมภาษณ์งานถ้าพูดถึงความสำเร็จมากเกินไปจนเกินพอดี เช่นไม่เคยทำผิดพลาดอะไรเลย ก็จะกลายเป็นเหมือนการพูดโอ้อวดไปได้ การพูดเกินจริงแต่เวลาถูกถามเชิงลึกเข้าจริงๆ แล้วตอบไม่ได้หรือตอบได้แค่กว้างๆ นั่นก็อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ดีว่าคุณไม่รู้จริง


ควบคุมอารมณ์ไม่ได้

การควบคุมอารมณ์ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการทำงาน เพราะเราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอยู่เสมอ ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็จะส่งผลกระทบต่อคนอื่น และแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพ ผู้สัมภาษณ์มักจะสังเกตผู้สมัครว่าควบคุมอารมณ์ได้ดีแค่ไหน ถ้าเกิดบางคำถามที่ถามออกไปแล้วแสดงอารมณ์โกรธ ไม่พอใจ ร้องไห้ พูดสะบัดเสียง ตื่นเต้น ประหม่า จนตอบถูกๆ ผิดๆ หรือตอบคำถามทั่วไปไม่ได้ นี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะพลาดในการสัมภาษณ์ครั้งนี้


ปกปิดสาเหตุของการเปลี่ยนงาน

เป็นธรรมดาที่ HR จะอยากรู้สาเหตุของการลาออกหรือการอยากเปลี่ยนงาน แต่ถ้าผู้สมัครไม่บอกสาเหตุของการเปลี่ยนงาน หรืออธิบายแบบคลุมเครือ ผู้สัมภาษณ์อาจตีความได้ว่าเพราะผู้สมัครลาออกจากที่เก่าแบบไม่สวยเท่าไหร่ ถ้าจะเสี่ยงรับก็อาจเป็นผลเสียกับบริษัทได้ในอนาคต

ไม่ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง

ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ไม่ว่าเราจะเป็นคนเก่งหรือทำงานได้สมบูรณ์แบบแค่ไหน แต่เรื่องแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ อาจมีคำถามเรื่องความผิดพลาดในอดีตว่าได้เรียนรู้อะไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไร แต่ผู้สมัครกับเลือกที่จะไม่บอกหรือตอบว่าไม่มี ทำให้ผู้สัมภาษณ์ไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะกำลังปิดบังอะไรอยู่นั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นจุดสังเกตได้ว่า คนที่รู้ข้อด้อยของตัวเอง กล้ายอมรับความผิดพลาด มักจะเป็นคนที่พร้อมเปิดใจรับฟังความเห็นและคำแนะนำจากคนอื่นเสมอ


ให้หัวหน้าเมื่อนานมาแล้วเป็นบุคคลอ้างอิง

ที่จริงแล้วผู้สมัครควรเลือกหัวหน้าคนปัจจุบันมาเป็นบุคคลอ้างอิง แต่ในกรณีที่ยังไม่ได้แจ้งบริษัทว่าจะลาออก และยังไม่อยากให้หัวหน้ารู้ว่ากำลังหางานใหม่ ก็ควรเลือกหัวหน้าคนล่าสุดมาเป็นบุคคลอ้างอิง ไม่ใช่เลือกคนที่เป็นหัวหน้าเมื่อสิบปีที่แล้ว ถ้าผู้สมัครยังไม่ยอมให้ติดต่อบุคคลอ้างอิงคนล่าสุดผู้สัมภาษณ์อาจสงสัยว่าอาจมีความขัดแย้งหรือไม่ลงรอยกันเกิดขึ้น

นอกจาก Do &Don’t แล้วการพัฒนาทักษะของตัวเราเองทั้งทักษะในเรื่องภาษาต่างประเทศ ทักษะในเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ หรือทักษะความรู้ที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ โดยตรง แม้กระทั่งการมี certified ต่างๆ ก็สามารถช่วยให้เราเป็น candidate ที่โดดเด่นและมีโอกาสได้งานดีๆ มากขึ้น หลากหลายหลักสูตรสามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ที่มีอยู่มากมายและสามารถเรียนกับอาจารย์เก่งๆ ได้จากทั่วทุกมุมโลก โดยสามารถใช้ บัตรเครดิต SCB รูดจ่ายค่าเรียนได้เลย สำหรับบางหลักสูตรที่อาจมีราคาค่อนข้างสูงสามารถเลือกผ่อนชำระกับ SCB ดีจัง เพื่อเปลี่ยนยอดใหญ่เป็นยอดผ่อนชำระรายเดือนได้ตามระยะเวลาที่ต้องการ สุดท้ายถ้าเตรียมตัวมาดี มีทักษะและความรู้แน่น งานดีๆ จะต้องเป็นของคุณแน่นอนในอนาคตอันใกล้ ขอให้ทุกคนโชคดี


ข้อมูล

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/603518
https://www.prtr.com/knowledge-sharing