เสน่ห์ล้านนาอย่างเชียงใหม่ ครองใจนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศจากทั่วโลก จนขึ้นเป็นจังหวัดอันดับต้นๆ ของไทยที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวต่อปีสูงกว่า 67,000 ล้านบาท ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายทั้งแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ นอกจากความโดดเด่นในด้านการท่องเที่ยวแล้ว เชียงใหม่ยังติดอันดับต้นๆ ของจังหวัดที่มีความเจริญมากที่สุดในประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครหลายคนอยากย้ายไปตั้งหลักปักฐานและทำธุรกิจที่เชียงใหม่ แน่นอนว่าหนึ่งในธุรกิจที่หลายคนเล็งไว้ก็หนีไม่พ้นธุรกิจร้านอาหารและคาเฟ่ แต่ทราบหรือไม่ว่าเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีจำนวนร้านอาหารมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพ! ดังนั้นการทำธุรกิจร้านอาหารในเมืองเอกแห่งล้านนาให้ปังให้รุ่งจึงไม่ใช่เรื่องง่าย การศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเริ่มลงมือสานฝันเป็นสิ่งจำเป็น เพราะรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง

เปิดร้านที่ไหนดี?

Location is the key นั่นแปลว่าเราควรเปิดร้านอาหารที่อำเภอที่ใหญ่ที่สุด เจริญที่สุด คึกคักที่สุดใช่หรือไม่?

มาดูข้อมูลนี้กันก่อนด่วนตัดสินใจว่า 5 อำเภอใดของเชียงใหม่ที่มีจำนวนร้านอาหารมากที่สุด (ข้อมูลปี 2562)

1. อำเภอเมือง จำนวน 10,XXX ร้าน

2.สันทราย จำนวน 1,2XX ร้าน

3.หางดง จำนวน 9XX ร้าน

4.สันกำแพง จำนวน 7XX ร้าน

5.แม่ริม จำนวน 6XX ร้าน

จากข้อมูลจะพบว่าอำเภอเมืองมีการแข่งขันสูงสุด ถึงแม้ว่าจะเป็นอำเภอที่มีความเจริญมากที่สุดมี ผู้คนคึกคักมากที่สุดแต่การแข่งขันก็เข้มข้นมากตามไปด้วย และถ้ามาดูรายอำเภอว่าอำเภอไหนมีร้านอาหารเปิดใหม่มากที่สุดก็พบว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันคืออำเภอเมืองมีร้านอาหารเปิดใหม่ มากถึง 1,766 ร้าน อำเภอสันทรายมีร้านอาหารเปิดใหม่ 222 ร้าน หางดงมี 159 ร้าน สันกำแพงมี 118 ร้าน และอำเภอสารภีมีร้านอาหารเปิดใหม่ 109 ร้าน ซึ่งอำเภอสารภีมีความน่าสนใจตรงที่เดิมไม่ได้ติดอันดับอำเภอที่มีร้านอาหารจำนวนมาก แต่ปัจจุบันกำลังมีการเติบโต

จะเปิดร้านอาหารประเภทไหนดี?

นอกจากโลเคชั่นที่ต้องตัดสินใจแล้ว ประเภทของร้านก็เป็นอีกประเด็นที่มีความสำคัญ หลายๆ คนมีความฝันอยากมีร้านกาแฟเล็กๆ สักแห่งในเชียงใหม่ หรือเปิดร้านชานมไข่มุกที่แสนจะฮิตในชั่วโมงนี้ แต่มาดูข้อมูลนี้ก่อนอาจจะทำให้ต้องกลับไปคิดใหม่ก็ได้

จากข้อมูลจะเห็นว่าร้านกาแฟเป็นหมวดที่มีร้านเปิดใหม่มากที่สุดถึง 362 ร้าน แต่มีอัตราเติบโตเพียง 17% ซึ่งอาจแสดงถึงการเริ่มอิ่มตัวของธุรกิจนี้ ในขณะที่ร้านชานมไข่มุกมีร้านเปิดใหม่ 132 ร้าน แต่มีอัตราการเติบโตจากปีก่อนถึง 780% แสดงให้เห็นถึงการบูมอย่างมากของร้านชานมไขมุกและจำนวนคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ในขณะที่อาหารจานเดียวมีร้านเปิดใหม่ 122 ร้าน และอัตราเพิ่มขึ้นมีเพียง 7%

อีกข้อมูลที่สามารถช่วยการตัดสินใจว่าควรเปิดร้านอาหารประเภทไหนดี คือข้อมูลการเสิร์ชว่าเมนูใดที่มีการค้นหาทางอินเตอร์เน็ตมากที่สุดดังนี้

1. ข้าวซอย

2.หมูจุ่ม

3. ลาบ

4.ยำ

5.ข้าวต้ม

6.ขนมจีน

7. หมาล่า

8. ข้าวมันไก่

9. ชาไข่มุก

10. ก๋วยเตี๋ยวเรือ

จากข้อมูลจะพบว่าข้าวซอยซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองและเป็นอาหารจานเดียวมีอัตราการค้นหามากที่สุด นอกจากนั้นเมนูอื่นๆ ที่เป็นอาหารจานเดียวเช่น ข้าวต้ม ขนมจีน ข้าวมันไก่ มีจำนวนการค้นหามากเช่นกัน ในขณะที่จำนวนร้านอาหารจานเดียวยังมีจำนวนไม่มากและมีอัตราการเติบโตที่ไม่สูงนัก อาจเป็นประเภทร้านอาหารที่น่าสนใจอีกประเภทหนึ่งเนื่องจากมีความต้องการและยังมีการแข่งขันที่ไม่สูงมาก

ปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี รู้ทันผู้บริโภคยุคใหม่

นอกจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพตลาดและการแข่งขันแล้ว การอัพเดทเทรนด์เกี่ยวกับผู้บริโภคยุคใหม่และใช้เทคโนโลยีในการบริหารร้านอาหารที่มีประสิทธิภาพก็มีความสำคัญมากเช่นกัน คุณรู้หรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารในวันไหนมากที่สุด? คำตอบคือวันอาทิตย์ซึ่งมากกว่าวันเสาร์ซึ่งเป็นอันดับสองถึงเท่าตัว ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารในโลกปัจจุบัน เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี การค้นหาข้อมูลร้านอาหารและการอ่านรีวิวร้านอาหารผ่านแอปหรือเว็บไซต์ก่อนการตัดสินใจ ดังนั้นการมีข้อมูลร้านอาหารอยู่บนแพลตฟอร์มที่เป็นอันดับหนึ่งในเรื่องอาหารอย่าง Wongnai จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถคอนเนคกับลูกค้าจำนวนมหาศาล นอกจากนั้นการใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการร้านอาหารที่ทำงานได้ครบวงจรอย่าง Wongnai POS ซึ่งมีฟังก์ชั่นที่ครบครันทั้งเรื่องเมนู การสั่งอาหาร การออกบิลค่าอาหารที่มี QR Code ท้ายใบเสร็จ เชื่อมต่อการส่งอาหารกับ Line Man เชื่อมต่อกับแอป Wongnai มีระบบสมาชิกที่ดี และสามารถทำรายงานการขายอย่างเต็มรูปแบบ ร้านอาหารสามารถทํา Promotion เพิ่มเมนูใหม่ๆ อัปเดทรูปภาพ แก้ไข ข้อมูลร้าน ได้แบบ Real-Time ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น รวมทั้งการบริหารจัดการภายในร้านได้อย่างมีสิทธิภาพ

การเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินเอื้อม ถ้าทำการบ้านมาดีศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน เข้าใจกระแสการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจร้านอาหาร เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคและสามารถตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ได้ทันท่วงที ซึ่งสามารถสรุปได้ด้วยคีย์หลัก 3 คำคือ รับรู้ ตื่นตัว เปลี่ยนแปลง ถ้าทำได้ 3 อย่างนี้ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลแน่นอน

อ้างอิง

https://www.wongnai.com

https://www.chillpainai.com/scoop/10936/