กู้ซื้อรถมือสอง

อีกทางเลือกสำหรับคนอยากมีรถ อยากได้รถดี รถสวย ไม่เก่ามากในราคาเบาๆ การซื้อรถมือสองจากเจ้าของรถโดยตรงโดยไม่ผ่านเต็นท์รถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะมีเจ้าของรถจำนวนมากที่ใช้รถแค่สาม สี่ปีแล้วอยากเปลี่ยนรถใหม่ ใช้รถอย่างถนอม  เลขไมล์ไม่เยอะ เข้าศูนย์ตลอด และไม่มีประวัติอุบัติเหตุแรงๆ  เจ้าของรถจำนวนมากไม่อยากขายให้เต็นท์รถเพราะมักได้ราคาไม่ดี จึงประกาศขายรถเอง ส่วนผู้ซื้อก็อาจไม่ไว้ใจเต็นท์และราคาที่เต็นท์ขายอาจแพงกว่าซื้อกับเจ้าของโดยตรง ซึ่งถ้าเกิดเจอคู่ที่ใช่ ราคาที่ชอบทั้งสองฝ่ายและตกลงปลงใจซื้อขายกันขึ้นมา แต่ผู้ซื้อไม่มีเงินสดเพียงพอ จำเป็นต้องหาไฟแนนซ์ จากสถาบันการเงินมาซื้อรถ ซึ่งก็ต้องจัดการติดต่อธนาคารเองทั้งหมด หลายคนคงอยากรู้ว่าขั้นตอนมีอะไรบ้าง มีเอกสารอะไรต้องเตรียม และใช้เวลานานแค่ไหน วันนี้เรามีคำตอบมาให้อย่างละเอียด และบอกก่อนได้เลยว่าการติดต่อขอสินเชื่อรถยนต์จากธนาคารด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด มาดูขั้นตอนและเอกสารที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องเตรียมกันเลย


1. 
ผู้ซื้อต้องสำรวจความพร้อมทางการเงินของตัวเอง 

เมื่อตัดสินใจจะขอสินเชื่อไฟแนนซ์รถยนต์มือสอง ผู้ซื้อต้องสำรวจตัวเองก่อนว่ามีงบในการซื้อรถเท่าไร, เงินดาวน์แค่ไหน, จะยื่นกู้จากไฟแนนซ์เท่าไร ผ่อนได้เดือนละเท่าไหร่ เพราะการกู้ซื้อรถจะกลายเป็นรายจ่ายประจำที่ต้องอยู่กับเราไปอีกหลายปี นอกจากนั้นผู้ซื้อควรมีเงินสดเพียงพอทั้งการวางมัดจำซื้อรถกับผู้ซื้อ หรือเงินดาวน์ในกรณีที่กู้ได้ไม่เต็มจำนวน รวมทั้งยังต้องมีค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่นค่าธรรมเนียมการจัดไฟแนนซ์ ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ (จากเจ้าของไปเป็นของไฟแนนซ์หรือของธนาคาร) ดังนั้นผู้ซื้อจึงต้องเตรียมเงินสดสำหรับรายจ่ายต่างๆ เหล่านี้ให้เพียงพอด้วย)


2. ผู้ซื้อและผู้ขายทำสัญญามัดจำเพื่อจองรถ

โดยปกติถ้าไม่ได้ซื้อด้วยเงินสดผู้ขายจำเป็นต้องขอให้ผู้ซื้อมัดจำการจองรถด้วยเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ซื้อมีความตั้งใจที่จะซื้อรถจริงๆ เพราะขั้นตอนในการขอไฟแนนซ์อาจใช้เวลาถึงสองสัปดาห์กว่าผู้ซื้อจะได้เงินจากไฟแนนซ์ ดังนั้นการทำสัญญามัดจำจองรถเป็นส่วนช่วยการันตีว่าผู้ขายจะไม่รอเก้อและเสียโอกาสในการขายให้ ซึ่งในสัญญาแล้วแต่จะตกลงกันว่าจะต้องทำการชำระเงินส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จภายในเวลาเท่าไหร่ หรือการคืนหรือไม่คืนเงินมัดจำในกรณีที่กู้ไม่ผ่าน

 

3. ผู้ซื้อติดต่อธนาคารเพื่อขอกู้และเตรียมเอกสารแสดงความสามารถในการผ่อนชำระ 

ขั้นตอนต่อมาผู้ซื้อต้องติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อยื่นขอกู้ ซึ่งผู้ซื้อควรศึกษาเปรียบเทียบเงื่อนไขต่างๆ อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการผ่อน ค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้ดีเสียก่อนเพื่อเลือกสถาบันการเงินที่มีข้อเสนอที่ตรงใจที่สุด เมื่อเลือกได้แล้ว ก็ต้องเตรียมสารเพื่อยื่นส่งให้กับทางธนาคารพิจารณา เอกสารที่เป็นเครื่องช่วยบอกความสามารถในการชำระหนี้คืนได้รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ในการแสดงตัวตนได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา / ทะเบียนบ้านฉบับจริง พร้อมสำเนา / สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ฉบับล่าสุด หรือย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน / สำเนาบัญชีเงินฝากออมทรัพย์, ประจำ, กระแสรายวันย้อนหลัง 6 เดือน / แผนที่ที่ตั้งที่อยู่อาศัย และที่ทำงาน รวมทั้งเอกสารของรถที่จะซื้อคือสำเนาเล่มสมุดการจดทะเบียนรถ เพราะทางธนาคารจะมีราคากลางของรถแต่ละรุ่นอยู่แล้ว
 

4. รอการประเมินผล 

เมื่อยื่นเอกสารครบเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายประเมินสินเชื่อจะประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของคุณ ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาอนุมัติอยู่ที่ 3-7 วันทำการ และในระหว่างรอคำตอบทางไฟแนนซ์จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้ซื้อในด้านการเงินเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งเช็คราคากลางของรถรุ่นที่จะซื้อ เพราะถ้าราคากลางต่ำกว่าราคาซื้อขาย ผู้ซื้ออาจจะต้องจ่ายส่วนต่างที่เหลือเอง และที่สำคัญคือประวัติทางด้านการเงินของผู้ซื้อต้อง “ดีพอ” ไม่มีการค้างผ่อนชำระสินเชื่อใดๆ อยู่ ไม่ติดเครดิตบูโร ถ้าคุณสมบัติดีพร้อมสินเชื่อที่ขอก็ไม่ยากที่จะได้รับการอนุมัติ

 


5. 
ธนาคารติดต่อผู้ขาย เพื่อเช็ครถ

เมื่อผู้ซื้อทำเรื่องยื่นกู้กับธนาคารพร้อมส่งเอกสารต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมา ไฟแนนซ์จะนัดผู้ขายเพื่อตรวจสอบสภาพรถ ถ่ายรูปรถ และส่งมอบเอกสารได้แก่สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาทะเบียนบ้าน สมุดจดทะเบียนรถ เพื่อนำไปประเมินราคา และอนุมัติสินเชื่อว่าผ่านหรือไม่ อาจใช้เวลาประมาณ 3-7 วันในการพิจารณา หลังจากนั้นจะนัดผู้ซื้อผู้ขายมาทำสัญญาซื้อขายกัน และโอนรถกับกรมขนส่งทางบก ซึ่งผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถก็คือไฟแนนซ์นั่นเอง โดยผู้ซื้อเป็นผู้ครอบครองรถ ทั้งนี้ผู้ซื้อหรือผู้ขาย แล้วแต่ตกลงกัน  แต่ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายที่ทางราชการเรียกเก็บเช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ภาษี หรืออากรแสตมป์ ประมาณหลักพันทั้งนี้แล้วแต่ขนาด CC รถที่ซื้อ

6. รับรถ 

เมื่อขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยก็มาถึงวันที่ทั้งสองฝ่ายรอคอยนั่นคือ “วันรับรถ” โดยทางผู้ขายจะได้รับเงินและจะให้เล่มทะเบียนไว้กับทางไฟแนนซ์พร้อมกับเปลี่ยนชื่อกรรมสิทธิ์ของตัวรถเป็นชื่อไฟแนนซ์ และชื่อผู้ครอบครองจะเป็นชื่อของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจะได้สำเนาทะเบียนรถกลับมาพร้อมกับรถ ส่วนเล่มจริงจะได้รับก็ต่อเมื่อผ่อนค่างวดครบหรือไปปิดไฟแนนซ์เรียบร้อย
 

 

เห็นมั้ยว่าการขอกู้เพื่อซื้อรถบ้านมือสองไม่ได้ยุ่งยากหรือต้องเตรียมเอกสารมากมายแต่อย่างใด ถ้าผู้ซื้อมีความสามารถในการผ่อนและรถที่ซื้อมีราคากลางไม่ต่ำกว่าราคาซื้อขายทุกอย่างก็เรียบร้อยในเวลาไม่นาน สนใจขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถมือสอง SCB มีข้อเสนอดีๆ ให้ อนุมัติไว ดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนได้นานสูงสุดถึง 72 เดือน

 


อ้างอิง

https://carmana.com/blog/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD2/