กลุ่มที่ไม่ควรพลาดการลงทุนหลังเปิดเมือง

จากการแพร่ระบาดของโควิดอย่างรุนแรงตั้งแต่ต้นปี 2020 ส่งผลให้รัฐบาลในแต่ละประเทศออกมาตรการคุมเข้มเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดด้วยการปิดสถานประกอบการบางแห่งชั่วคราวหรือจำกัดจำนวนคนในแต่ละพื้นที่ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงักอย่างเฉียบพลัน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยข้อมูล World Economic Forum รายงานว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปี 2020 เสียหายกว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหดตัวกว่า 50% ในปี 2020 ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลกที่หดตัว 3.7% โดยกลุ่มธุรกิจที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คือกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบิน


อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ปลายปี 2020 มีบริษัทผลิตวัคซีนหลายแห่งเปิดเผยข้อมูลผลการทดสอบวัคซีนพบว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อในระดับสูง โดยล่าสุดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วฝั่งตะวันตก เช่น สหรัฐฯ และยุโรปมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนถึง 52.85% และ 38.15% (ข้อมูล ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2021) ของจำนวนประชากรทั้งหมดตามลำดับ โดยคาดว่าสหรัฐฯ และยุโรปจะได้รับภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งมากกว่า 60% ของประชากรในประเทศได้รับวัคซีนภายในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ ส่งผลให้กลุ่มประเทศดังกล่าวเริ่มส่งสัญญาณการเปิดประเทศ และมีแผนการทำ Travel Bubble นำโดยสหรัฐฯ ที่เริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีน Pfizer, Johnson & Johnson และ Moderna ครบจำนวน 2 โดสแล้ว ขณะที่ยุโรปจะเริ่มใช้ EU Digital COVID Certificate ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งจะอนุญาตให้ประชาชนที่ได้รับการรับรองสามารถเดินทางได้อิสระและปลอดภัยมากขึ้น


โดยปัจจุบันธุรกิจการท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวมากขึ้น สังเกตได้จากตัวเลขอัตราการเข้าพักโรงแรมในสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 22.2% ในเดือนเมษายน 2020 สู่ระดับ 61.9% ในเดือนมิถุนายน 2021 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดที่ 65% ขณะที่อัตราการเข้าพักโรงแรมในยุโรปส่งสัญญาณการฟื้นตัวเช่นเดียวกัน โดยฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ประมาณ 10% ในเดือนเมษายน 2020 สู่ระดับ 20% ในเดือนมิถุนายน 2021 แต่ก็ยังคงล้าหลังเมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดที่ 60% เนื่องจากยุโรปได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดหลายระลอก อย่างไรก็ดี คาดว่าหลังจากนี้ตัวเลขอัตราการเข้าพักโรงแรมในยุโรปจะฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการแจกจ่ายวัคซีนที่รวดเร็วและการกลับมาเปิดประเทศ

investment-group-after-country-open-banner

สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะถัดไปคาดว่า จะมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องตามการแจกจ่ายวัคซีนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ประกอบกับแผนการกลับมาเปิดประเทศและการทำ Travel Bubble เป็นสำคัญ โดยมาตรการการควบคุมนักท่องเที่ยวหลังจากนี้จะมีแนวโน้มที่ผ่อนคลายมากขึ้น สะท้อนได้จากจำนวนวันกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติในแต่ละประเทศลดลง ประกอบกับมาตรการคุมเข้มตามสถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงการใช้บริการขนส่งสาธารณะมีความผ่อนคลายมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ยังคงไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกในระยะข้างหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสายการบิน และโรงแรมที่ผลตอบแทนยังต่ำกว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกอยู่มาก แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าในระยะยาวธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาขยายตัวได้ดีกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด เนื่องจากหลายบริษัทเริ่มหันมาปรับเปลี่ยนให้พนักงาน Work from Anywhere มากขึ้น นั่นหมายถึงพนักงานสามารถทำงานให้กับบริษัทที่ไหนก็ได้ ซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของธุรกิจการท่องเที่ยวในอนาคต


สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนกลุ่มท่องเที่ยวนั้น บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้นำเสนอกองทุนประเภทนี้เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Travel and Leisure ( SCB Travel and Leisure: SCBTRAVEL ) ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยกองทุนจะกระจายการลงทุนในหลากหลายกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและสันทนาการทั่วโลก ประกอบด้วย Booking Platform, Entertainment, Airlines, Cruises และ Hotels and Resorts หรือที่เรียกว่า BEACH Stock โดยกองทุนจะกระจายน้ำหนักการลงทุนในแต่ละ Sub-theme เท่ากัน เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนจากกลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการเปิดเมืองหลังโควิด


บทความโดยคุณยุทธพล วิทยพาณิชกร Executive Director, กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์ และกองทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด


ที่มา : The Standard Wealth