เชื้อเพลิงแห่งความมั่งคั่ง กับสถานการณ์โลกที่ไม่เหมือนเดิม

ในอดีต “น้ำมัน” คือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงไม่ต่างจากทองคำ จนได้รับการขนานนามว่า “Black Gold” และถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนทางเลือกที่นักลงทุนจะต้องมีไว้เพื่อกระจายความเสี่ยง แต่จากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้โรงกลั่นน้ำมันทั่วโลกได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการเดินทางระหว่างประเทศที่ต้องหยุดชะงัก เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ราคาน้ำมันลดลงอย่างหนักหน่วง คุณชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้คร่ำหวอดในวงการน้ำมันมากว่า 40 ปี ได้วิเคราะห์สถานการณ์การลงทุนในน้ำมันในช่วงที่ผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 พร้อมให้มุมมองทิศทางราคาน้ำมัน และการปรับตัวของธุรกิจสถานีบริการน้ำมันไว้อย่างน่าสนใจ ใน SCB Wealth Webinar ตอน Fuel of Wealth เชื้อเพลิงแห่งความมั่งคั่ง ร่วมเสวนาโดย คุณศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด

fuel-537756385

รู้จักกับซัสโก้ ธุรกิจน้ำมันที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 40 ปี

ซัสโก้ แรกเริ่มเดิมทีทำธุรกิจภายใต้ชื่อ บริษัท สยามสหบริการ จำกัด โดยให้บริการการขนส่งน้ำมันทางน้ำแก่ผู้ค้าน้ามันรายใหญ่ของประเทศในขณะนั้น ต่อมา ปลายปี 2553 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันธุรกิจหลักของซัสโก้ แบ่งได้ 3 ประเภท คือ ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดของซัสโก้ โดยอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 % รองลงมาคือธุรกิจส่งออกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หรืออาเซียน สัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 30 % และธุรกิจน้ำมันเครื่องบิน ที่แม้สัดส่วนจะไม่มากเท่าธุรกิจประเภทอื่น แต่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 มากที่สุด


ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ซัสโก้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วหลายหน ตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540  ซึ่งคุณชัยฤทธิ์เล่าให้ฟังว่า ซัสโก้ได้เครดิตในการซื้อน้ำมันจากต่างประเทศเป็นระยะเวลา 6 เดือน ในช่วงนั้นอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 27 บาทต่อดอลล่าร์ แต่พอถึงเวลาต้องชำระหนี้ ค่าเงินกลายเป็น 50 บาทต่อดอลล่าร์ เท่ากับว่าซัสโก้ขายน้ำมันไปแล้วในราคาที่ต่ำกว่าทุน ผลกระทบจากค่าเงินในการสั่งซื้อน้ำมันล่วงหน้าเป็นจำนวนมากในวันนั้น เป็นบทเรียนสำคัญให้ทุกวันนี้ ซัสโก้ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เน้นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่มั่นคง ประกอบกับจุดแข็งของซัสโก้ที่เป็นบริษัทของคนไทย มีปั๊มน้ำมันกว่า 60 – 70 % แห่ง ตั้งอยู่บนที่ดินของซัสโก้เอง ต้นทุนในการดำเนินงานต่างๆ จึงต่ำกว่าบริษัทน้ำมันต่างชาติที่เป็นคู่แข่ง อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยบริหารต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทำให้ซัสโก้สามารถฝ่าคลื่นมรสุมต่างๆ มาได้จนถึงปัจจุบัน และสามารถจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ปีละ 2 ครั้งต่อเนื่องมาตลอดทุกปี

ผลกระทบโควิด-19 กับธุรกิจน้ำมันในประเทศ

ราคาน้ำมันดิบไตรมาสแรกของปี 2563 ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 หลายประเทศประกาศล็อกดาวน์ และงดการเดินทางทั่วโลก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงไปอย่างมาก อีกทั้งสงครามราคาน้ำมันระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันหดตัวรุนแรงจนถึงขั้นติดลบอย่างหนัก กระทบกับผู้ค้าปลีกน้ำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กลายเป็นว่า ซื้อน้ำมันมาวันนี้ พรุ่งนี้น้ำมันราคาลง แถมยังขายไม่หมดอีกต่างหาก เกิดการขาดทุนสต็อกขึ้นทันที คุณชัยฤทธิ์ ได้แชร์ข้อมูลให้ฟังว่า ธุรกิจน้ำมันของซัสโก้จากเดิมขยายปีละ 8 - 10 %  แต่มาในช่วงเดือนมีนาคม และเมษายน ที่โควิด-19 ระบาดหนักในประเทศ ยอดขายน้ำมันหายไปกว่า 20 % จากที่ขายได้เดือนละกว่า 40 ล้านลิตร ลดลงไปต่ำสุดเหลือเพียง 6 แสนลิตรในเดือนเมษายน แต่ปัจจุบัน สถานการณ์เริ่มคลายตัวแล้วจากการกลับมาของเที่ยวบินภายในประเทศ ทำให้ยอดขายขยับขึ้นมาอยู่ที่เดือนละประมาณ 7 ล้านลิตร แต่ก็ยังมีแรงกดดันเรื่องราคา และความผันผวนตามเศรษฐกิจโลกอยู่ด้วย


น้ำมันดีเซลในประเทศต่างๆ นั้นจะมีราคาแพงกว่าเบนซิน และถูกนำไปใช้กับภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และการขนส่งที่ใช้รถบรรทุก ส่วนเบนซินจะใช้ไปกับการเดินทางต่างๆ เช่น เครื่องบิน และรถยนต์ สำหรับประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้ดีเซลที่มากกว่าเบนซิน โดยอยู่ที่ประมาณหกสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากน้ำมันดีเซลในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมได้ใช้น้ำมันในราคาถูก เมื่อผู้ใช้รถยนต์ในประเทศเห็นว่าดีเซลมีราคาถูกกว่าเบนซิน จึงเปลี่ยนมาใช้ดีเซลกันมากขึ้นตามไปด้วย การกลั่นน้ำมันเองก็ต้องมีการลดเกรดน้ำมันเครื่องบินไปเป็นดีเซลมากขึ้น


นอกจากนี้ คุณชัยฤทธิ์ยังให้ความรู้เกี่ยวน้ำมันดีเซลในประเทศไว้ด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยต้องการให้คนไทยหันมาใช้ดีเซล B10 กันมากขึ้น จึงประกาศให้ดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐานของประเทศ และเปลี่ยนชื่อดีเซล B10 เป็น ดีเซลธรรมดา ส่วนดีเซลธรรมดาเดิม เปลี่ยนชื่อเป็นดีเซล B7 ทำให้หลายคนเกิดการสับสนเรื่องชื่อเดิมและชื่อใหม่ที่สลับกัน ฉะนั้นใครที่ใช้รถยุโรปและรถยนต์รุ่นเก่า คุณชัยฤทธิ์เน้นย้ำว่าจะต้องเติมดีเซล B7 ตามชื่อใหม่ (ห้ามเติมดีเซลธรรมดา) ไม่เช่นน้ันเครื่องยนต์อาจมีปัญหาได้ ส่วนรถยนต์ทั่วไปสามารถใช้ดีเซล B10 ได้โดยไม่มีผลกระทบกับเครื่องยนต์ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ได้รับรองการใช้งานไว้เรียบร้อยแล้ว

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน

น้ำมันเป็นสิ่งที่คาดการณ์ราคาได้ยาก เนื่องจากไม่ได้ขึ้นอยู่กับดีมานและซัพพลายเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยจากภายนอกอื่นๆ มาเกี่ยวข้องด้วย เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนความต้องการใช้พลังงานในแต่ละสถานการณ์ นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ คุณชัยฤทธิ์จึงได้วิเคราะห์ไว้ว่า ราคาน้ำมันในช่วงปีถึงสองปีนี้ น่าจะอยู่ที่ราวๆ 40 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล เพราะซัพพลายมีมาก อีกทั้งการกลั่นน้ำมันไม่สามารถชัดดาวน์ได้ จึงต้องพยายามลดการกลั่นน้ำมันลงให้น้อยที่สุด และผลจากน้ำมันเครื่องบินที่ล้นตลาด ยังกดดันราคาน้ำมันในภาพรวมให้ต่ำลงไปด้วย แต่หากการบินระหว่างประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็ว น้ำมันก็จะกระจายตัวออกไปได้ไวเช่นกัน


สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศ คุณชัยฤทธิ์มองว่ามีผลต่อราคาน้ำมันบ้าง โดย ณ ราคาน้ำมันที่ 40 กว่าเหรียญต่อบาร์เรลในปัจจุบัน หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1 บาท ราคาน้ำมันจะถูกลง 25 สตางค์ต่อบาร์เรล แต่ถ้าราคาน้ำมันขยับขึ้นไปที่ 100 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาก็จะเขยิบเป็น 50 สตางค์ต่อบาร์เรล และถ้ามองในมุมของราคาน้ำมันดิบ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้ต่างจากปัจจุบันนี้มากนัก หากน้ำมันลง 1 เหรียญ ราคาน้ำมันจะถูกลง 20 สตางค์ต่อบาร์เรล เป็นต้น  (1 บาร์เรล เท่ากับ 159 ลิตร)

ในแง่ของเทคโนโลยีการขุดเจาะ สมัยก่อนการขุดเจาะน้ำมันดิบจะขุดเจาะจากแหล่งฟอสซิลที่ทับถมกันในพื้นดิน แต่ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Shale Oil สามารถสกัดน้ำมันดิบที่อยู่ในช้ันหินต่างๆ ออกมาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งการขุดเจาะน้ำมันแบบเดิมไม่สามารถทำได้  ทำให้สหรัฐอเมริกาเปลี่ยนตัวเองจากประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำมัน มาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบอันดับหนึ่งของโลก นำหน้าซาอุดิอาระเบียและรัสเซียไปแล้ว แต่ Shale Oil มีต้นทุนในการขุดเจาะที่สูง โดยอยู่ที่ประมาณ 50 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล ทำให้ OPEC ได้เปรียบในเรื่องต้นทุนที่ถูกกว่าเป็นเท่าตัว และพยายามผลิตน้ำมันออกมาเพื่อกดดันราคาน้ำมันของอเมริกาให้ต่ำลง ยิ่งโควิด-19 เข้ามากระทบทั้งภาคขนส่ง การบิน การเดินทางต่างๆ จนน้ำมันล้นตลาด ก็ยิ่งส่งผลลบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมากขึ้น


สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) ในยุโรป และอเมริกาเริ่มใช้กันแล้ว ส่วนประเทศไทยยังขาด Infrastructure หลายอย่าง เช่น เครื่องชาร์จไฟที่ยังมีไม่ครอบคลุม กำลังการผลิตไฟฟ้าของไทยจะสามารถรองรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้มากน้อยเพียงใดถ้ารถทุกคันเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเทคโนโลยีเรื่องแบตเตอรี่ ปัจจุบันการชาร์จไฟกับรถแต่ละคันยังใช้เวลานาน คือตั้งแต่ครึ่งชั่วโมง ไปจนถึงสี่ชั่วโมง และหากราคาน้ำมันลงมาต่ำมากๆ ก็อาจจะต้องกลับมาดูว่า การเติมน้ำมันจะคุ้มกว่าหรือไม่ เพราะการชาร์จไฟก็สิ้นเปลืองค่าไฟเช่นกัน ทุกอย่างมีต้นทุนแฝงอยู่ อีกทั้งหากเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ก็จะกระทบต่อการจ้างงานตามไปด้วย ทำให้แม้เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจะมาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนได้เร็วนัก ดังนั้นปัจจัยของรถยนต์ไฟฟ้าต่อราคาน้ำมัน คุณชัยฤทธิ์มองว่าจะมีผลในระยะยาวมากกว่า

การปรับตัวของซัสโก้ต่ออนาคตธุรกิจน้ำมัน

หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย ซัสโก้ได้เริ่มเดินหน้าขยายสาขาอีกครั้ง โดยตั้งธงไว้ว่าจะขยายสาขาให้ได้ปีละประมาณ 20 แห่ง จากปัจจุบันมีปั๊มน้ำมันซัสโก้อยู่ประมาณ 240 สาขาทั่วประเทศ ในปลายปี 2563 นี้ จะมีปั๊มน้ำมันซัสโก้กว่า 250 สาขา และเพิ่มเป็นประมาณ 300 สาขา ภายใน 3 ปี โดยเน้นขยายสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก เพราะจากสถิติพบว่ากรุงเทพฯ มียอดรถจดทะเบียนกว่า 10 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าหัวเมืองใหญ่ๆ ตามต่างจังหวัดรวมกัน ทำให้เห็นว่าผู้ใช้รถส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ  รวมถึงการทำธุรกิจในทุกวันนี้ จะมุ่งเน้นการขยายสาขาอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำให้ครบวงจรด้วย สาขาใหม่ๆ ของซัสโก้ที่เปิดในเขตกรุงเทพฯ และปริมลฑลจะเหมาะกับการขยายสาขาแบบใหม่ที่เป็น One Stop Service มากกว่า ทำให้แม้ราคาที่ดินจะสูง แต่ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเทียบกับรายได้ถือว่าคุ้มค่า ซึ่งภายในปั๊มจะมีทั้งร้านกาแฟ Starbucks, ร้านสะดวกซื้อ LAWSON ที่เป็น Exclusive License จากญี่ปุ่น, ร้านแซนด์วิชและเครื่องดื่ม Subway นอกจากนี้ยังมีอู่ซ่อมรถ บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ล้างรถ และไปรษณีย์ เป็นต้น ถือว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนในยุคปัจจุบันได้อย่างครบถ้วน


นอกจากนี้ในสถานีบริการน้ำมันของซัสโก้ยังมีจุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยคิดค่าบริการเป็นค่าที่จอดรถแทน เนื่องจากการไฟฟ้ายังไม่อนุญาตให้เอกชนจำหน่ายไฟฟ้าเอง และในอนาคตข้างหน้าหากไม่มีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้ว ทางซัสโก้ก็จะแปลงพื้นที่บริการน้ำมันมาเป็นพื้นที่ให้บริการลูกค้าในรูปแบบอื่นแทน


ปัจจุบันซัสโก้ยังได้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน และการให้บริการลูกค้าด้วย เช่น มีการทำ CRM ผ่าน SUSCO Smart Member ลูกค้าสามารถเก็บคะแนนจากการเติมน้ำมัน และแลกของผ่านทาง LINE ได้โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติม มีทางเลือกในการจ่ายเงินผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด ซึ่งนอกจากช่วยลดการสัมผัสบัตรและเงินสดแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการถือเงินสดในปั๊มน้ำมันลงได้อีกด้วย

ทิศทางการลงทุนในน้ำมันช่วงสถานการณ์โควิด-19

วิกฤตโควิด-19 กระทบกับราคาน้ำมันมากเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังมีความกังวลของผู้บริโภคต่อสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศต่างๆ คุณชัยฤทธิ์จึงได้ประเมินทิศทางของราคาน้ำมันในช่วงปีสองปีนี้ไว้ว่า ราคาน้ำมันจะไม่ขึ้นไปหวือหวาเหมือนแต่ก่อน และเป็นไปได้มากที่ราคาน้ำมันจะไปไม่ถึงระดับ 60 – 70 เหรียญดอลล่าร์ต่อบาร์เรล  ส่วนการลงทุนในน้ำมันที่ผ่านกองทุนต่างๆ ก็จะมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้แม้ราคาน้ำมันจะขึ้นมาบ้างในช่วงนี้ ผลตอบแทนก็อาจจะไม่ได้ขึ้นตามมากนัก


ดีมานของน้ำมันมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีหรือไม่ดีโดยตรง โดยดีมานน้ำมันเครื่องบินในปี 2563 คุณชัยฤทธิ์มองว่ายังไม่ดีเช่นกัน อาจจะต้องรอถึงกลางปี 2564 และกว่าจะกลับมาเป็นปกติต้องใช้เวลาอีกพอสมควร เพราะมีเรื่องของความรู้สึก และความกังวลของผู้บริโภคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นการลงทุนในน้ำมันระยะกลางถือว่ายังไม่น่าสนใจนัก และอาจได้ผลตอบแทนที่ไม่ดีเท่าที่ควร สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย รวมถึงต้องคอยติดตามข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกาก็มีผลต่อราคาน้ำมันเช่นกัน ซึ่งคุณชัยฤทธิ์ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องพิจารณาทางเลือกต่างๆ ให้ดี Asset ที่เคยได้ผลตอบแทนดีในช่วงหนึ่ง วันนี้อาจเปลี่ยนไป จึงต้องติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อให้การลงุทนได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด"


ที่มา: SCB TV Treasure Your Passion EP 2: Fuel of Wealth เชื้อเพลิงแห่งความมั่งคั่ง โดย คุณชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) วันที่ 22 ต.ค.63