เปลี่ยนมุมมองชีวิต ท่ามกลางวิกฤติ COVID-19

ช่วงนี้หลายๆ คนกำลังหวาดวิตกอยู่กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวคงหนีไม่พ้น “เราจะติดโรคนี้มั้ย” หรือ “เราติดมันไปแล้วหรือยัง” ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ยิ่งต้องมาขาดรายได้ด้วยแล้ว ยิ่งกังวลหนัก แต่ทุกวิกฤติ ย่อมมีโอกาสเสมอ เราลองมาหาแง่งามของมหันตภัยครั้งนี้กันดีกว่า ลองคิดในแง่บวก มองโลกให้สวย เผื่อจะดึงอะไรดีๆ เข้ามาในชีวิตบ้าง ขอยกตัวอย่างมุมมองดีๆ ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์นี้ ไม่แน่ว่าเราอาจพบโอกาส หรือช่องทางที่ดีจากวิกฤตินี้ก็เป็นได้

covid-attitude-01

แต่เดิมทางรัฐบาล และธนาคารต่างๆ ออกแคมเปญมากมายเพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นสังคมไร้เงินสด แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่ากับเงินที่ลงทุนไป โดยประชาชนส่วนใหญ่ยังรู้สึกว่า เป็นเรื่องไม่จำเป็น ใช้เงินสดนั้นสะดวกดีอยู่แล้วจะเปลี่ยนทำไม แต่พอมีวิกฤติการณ์ COVID-19 เกิดขึ้น เราต้องยอมรับว่า ธนบัตร และเหรียญนั้น เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่ใกล้ตัวเรามากๆ และหลีกเลี่ยงได้ยาก ทุกวันนี้หลายคนจึงหันกลับมาเลือกใช้การสแกนจ่ายค่าสินค้ากันมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเงินสด และเชื้อโรคโดยตรง ทางร้านค้าเองก็มีการรับมือกับสถานการณ์อย่างทันท่วงที โดยการนำ QR Code กลับออกมาตั้ง อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเอง เมื่อผู้บริโภคถูกบังคับให้คุ้นเคยกับการใช้งาน หลังโรคร้ายนี้หายไปความสะดวกและความเคยชินก็จะทำให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างแท้จริง

ตามนโยบายของรัฐที่ต้องการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส โดยการสั่งให้ปิดห้างสรรพสินค้า และพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน จึงเป็นโอกาสเหมาะของบรรดาร้านค้าที่จะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และเรียกความมั่นใจเรื่องความสะอาด ปลอดเชื้อให้เกิดขึ้น โดยการปิดร้านทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ไม่ว่าจะมีลูกค้าที่เข้าข่ายติดเชื้อหรือมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงจะเข้ามาใช้บริการหรือไม่ก็ตาม


หลายๆ ธุรกิจ ปกติอยู่ได้ด้วยหน้าร้าน ตอนนี้ก็หันมาศึกษา เรียนรู้ และพัฒนา หาวิธีการขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์กันเพิ่มมากขึ้น ตัวผู้บริโภคเองก็ปรับตัว และเรียนรู้การใช้งานจนคุ้นเคย สำหรับธุรกิจการรับส่งของก็เข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้นด้วยเช่นกัน จนทำให้สามารถเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับคนว่างงานหลายๆ คน

หลังจากที่มีกระแสการขาดแคลนหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นของจำเป็นในช่วงวิกฤตินี้ ทำให้หลายคนมีไอเดียการผลิตหน้ากากผ้า และเจลล้างมือ ออกมาทดแทน พร้อมทั้งแสดงน้ำใจแจกจ่ายให้กับผู้ที่ขาดแคลน หรือบางคนก็ทำขายสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ซึ่งแม้แต่แบรนด์ดังต่างชาติก็ยังมีการออกแบบแฟชั่นหน้ากากจนเป็นที่สนใจในวงกว้างด้วย


บนโลกออนไลน์ ก็มีการโพสต์รูปภาพอุปกรณ์ รวมถึงเสนอวิธีคิดใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้รับมือป้องกันการติดเชื้อไวรัส เช่น หมวกบังใบหน้า, เสื้อคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า, แผงกันการติดเชื้อให้กับผู้ขับรถแท็กซี่ และอีกหลากหลายไอเดียที่ผุดขึ้นมาในช่วงวิกฤตินี้อยู่เรื่อยๆ

มาถึงเรื่องของเทคโนโลยีไฮเทคที่ปรากฏให้เห็นกันแพร่หลายขึ้นมากในช่วงนี้ ทั้งที่ถูกนำมาใช้เพื่อเสริมมาตรการเฝ้าระวังและดูแลผู้ป่วย ตั้งแต่ เทอร์โมสแกนตรวจจับอุณหภูมิเพื่อป้องกันกลุ่มเสี่ยงเข้ามาในพื้นที่ การใช้โรบอทดูแลผู้ป่วยแทนคนจริงๆ การใช้แอปพลิเคชั่นติดตามตัว หรือจดบันทึกการเดินทางเพื่อที่จะได้ทราบความเคลื่อนไหว ว่าเชื้อมีโอกาสแพร่กระจายไปที่ใดบ้าง การใช้โดรนในการส่งเวชภัณฑ์ หรือลาดตระเวนตรวจตราความเรียบร้อย


สำหรับธุรกิจธนาคาร และธุรกิจประกันภัย ก็ผุดไอเดียช่วยเหลือลูกค้า คิดผลิตภัณฑ์ประกันภัยคุ้มครองการติดเชื้อ COVID-19 เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน ซึ่งทันทีที่เปิดขายก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นของจำเป็นในยุคนี้ไป ถึงกับมีคำถามเวลาเจอหน้าคนรู้จักว่า “มีประกัน COVID-19 แล้วหรือยัง” เลยทีเดียว


นอกจากที่กล่าวมานี้ เรายังสามารถมองเห็นโอกาสอื่นๆ เพื่อต่อยอดจากวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้อีก เช่น การผลิตอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายให้กับผู้คนในสังคม การใช้โอกาสในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร หรือแม้แต่การเก็บตัวอยู่ในบ้านและใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น

ท้ายที่สุด วิกฤติการณ์ไวรัส COVID-19  นอกจากจะช่วยให้เรารู้จักป้องกันตัวเองจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ยังช่วยให้เราค้นพบว่า ในสังคมนี้ มีผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวม และมีความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่อีกมาก ทั้งยังทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของคนรอบข้างอันเป็นที่รัก มองเห็นความห่วงใยที่อาจไม่เคยแสดงออกมาก่อน และยังเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันภายใต้ความไม่ประมาทในวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้ ขอส่งกำลังใจให้ทุกคน อยู่รอด และปลอดภัยจาก COVID-19 กลับมามีชีวิตที่ปกติสุขในเร็ววัน