7 วิธี ปลุกไฟในตัวเองให้ขยันทำงานมากขึ้น

เป็นมั้ยรู้สึกเหนื่อยกาย ท้อใจ ไม่อยากลุกจากที่นอนในวันจันทร์ แล้วก็ร้องเฮ้อ!วันจันทร์อีกแล้วเหรอ? ไปทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณทำงานไปวันๆ แบบหมดไฟ  ถึงเวลาก็รีบเก็บข้าวเก็บของกลับบ้านแบบตรงเวลาเป๊ะ ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมตัวเราถึงเปลี่ยนไป ไม่เหมือนตอนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ ที่คึกคักมีแรงจูงใจ ทำงานหนักก็สนุก ตื่นเต้นในการสร้างผลงาน บางคนก็อาจจะยังรักในงานแต่ใจก็ไม่พร้อมที่ต้องลุยงานหนัก บทความนี้มีเทคนิคดีๆ มาช่วยจุดไฟในตัวคุณให้พร้อมที่จะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อเติบโตและฉายแสงในที่ทำงานอีกครั้ง

1. จูงใจตัวเองว่าคุณต้องการจะทำ

วิธีที่ง่ายที่สุดคือการบอกใจตัวเอง บอกกับตัวเองว่างานที่คุณกำลังจะทำนั้นไม่ได้ยากเกินความสามารถ อย่าให้ใจไปโฟกัสที่ความยากง่ายของงานให้โฟกัสว่าคุณจะรู้สึกภูมิใจแค่ไหน รู้สึกดีแค่ไหนถ้าทำงานชิ้นนี้สำเร็จได้ พยายามมองให้สิ่งที่ยากเป็นเรื่องที่ง่าย บอกกับตัวเองว่า “ฉันชอบงานที่ท้าทายแบบนี้ ฉันอยากเป็นคนที่สามารถทำงานชิ้นนี้ได้”

2. คิดเสมอว่าเราควบคุมได้

แน่นอนว่าในการทำงานมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่อยู่นอกเหนือความสามารถของเราที่จะควบคุม แต่ให้โฟกัสว่า ตัวเราเองสามารถควบคุมทุกการปฏิบัติของเราได้ เราเป็นเจ้าของเวลาทุกวินาทีและเราเลือกได้ว่าเราจะทุ่มเทเวลานั้นกับอะไร  คุณมีพลังที่จะควบคุมตัวคุณเอง ให้คิดว่า “ด้วยสองมือที่คุณมีอยู่คุณสามารถสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลกได้ ในทางตรงกันข้ามคุณก็ทำลายมันได้เช่นกัน”

3. เอาตัวไปอยู่กับกลุ่มคนที่ขยัน

เราไม่ใช่คนๆ เดียวที่ติดอยู่บนเกาะล้าง อีกปัจจัยที่จะช่วยจุดไฟในตัวเองให้ขยันทำงานและทำงานหนักได้อีกครั้งคือการเอาตัวไปคลุกคลีอยู่กับคนที่ขยันและทำงานหนัก หาใครบางคนในที่ทำงานเพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจ หรือทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่มุ่งมั่นในการทำงาน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้คุณมีไฟและประสบความสำเร็จในการทำงานได้มากขึ้น

4. ย่อยงานชิ้นใหญ่ให้กลายเป็นงานชิ้นเล็ก

ย่อยงานชิ้นใหญ่ ชิ้นยาก ให้เป็นส่วนๆ จะทำให้คุณเห็นภาพงานและสิ่งที่อาจเป็นอุปสรรคในงานชัดเจนขึ้นเพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือกับงานนั้นๆ การสามารถทำงานชิ้นย่อยๆ ให้สำเร็จทีละส่วนจะทำให้คุณมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น และเมื่องานที่ถูกแยกส่วนสำเร็จและนำมาประกอบกันคุณก็จะได้ผลงานชิ้นสำคัญโดยที่ไม่เครียดจนเกินไป

5. โฟกัสกับงานที่ทำ

เป็นเรื่องยากที่จะสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ถ้าคุณไม่โฟกัสในงานที่อยู่ในมือ พยายามกำหนดเวลาที่จะใช้ทำเรื่องอื่นๆ ให้น้อยที่สุดไม่ว่าจะเป็นการตอบแชท การตอบอีเมล การท่องอินเตอร์เน็ต การพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนร่วมงาน และสื่อสารให้คนรอบตัวเข้าใจว่าตอนนี้คุณต้องโฟกัสเพื่อทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย

6. ท่องให้ขึ้นใจว่า “ทำไม”

ไม่มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจได้ดีกว่าการบอกกับตัวเองว่า “ทำไม” คุณจึงทำงานนี้ตั้งแต่แรกไม่ว่าจะเพราะคุณอยากมีส่วนร่วมในการสร้างสินค้าชิ้นนั้นหรือทำเพื่อให้ครอบครัวของคุณมีเงินดำเนินชีวิตต่อไปได้ ก็เหมือนบริษัทที่ต้องมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานว่า “WHY” ตัวคุณเองก็ต้องมี “WHY” ของตัวเองเช่นกันเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน

7. คิดบวก

คนรอบตัวคุณอาจจะพร่ำบ่นถึงความล้มเหลว ความยาก  แต่การที่คุณจะจัดการกับความล้มเหลว หรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของคุณ ทำทุกอย่างที่จะทำให้เป้าหมายของคุณสำเร็จ อย่าสนใจว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร ผิดพลาดรีบแก้ไข อย่าเสียเวลาเสียใจโทษโน่นโทษนี่ ที่สำคัญอย่าเปรียบเทียบความสำเร็จของคนอื่นกับตัวเอง ให้โฟกัสที่ตัวงาน เพราะการเปรียบเทียบจะทำให้เกิดความคิดลบได้  โฟกัสในจุดแข็งของตัวเองอย่าเน้นมองที่จุดอ่อนแล้วจมปรักอยู่กับมัน เพราะการสร้างพลังบวกคือการรู้จักจุดแข็งตัวเองและพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้น

จะเห็นว่าเทคนิคทั้ง 7 ข้อหลักๆ คือการเน้นดูแลจิตใจตัวเองให้เข้มแข็ง มองโลกในมุมบวก เข้าใจตัวเองว่าเราทำงานนี้เพื่ออะไร ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่อาจจะประสบความสำเร็จมากกว่า มั่นใจในตัวเองและบอกตัวเองว่าเราทำได้ หวังว่าเทคนิคทั้ง 7 ข้อจะทำให้คุณตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้นที่จะทำงานทุกวันอย่างมีไฟ พร้อมลุยงานหนัก ซึ่งเชื่อแน่ว่าทั้งหัวหน้างานและองค์กรของคุณต้องเห็นในความพยายามและทุ่มเททำงานหนักและคุณจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างไม่ต้องสงสัย



อ้างอิง

https://www.businessinsider.com/how-to-motivate-yourself-to-work-harder-2014-10