ย่าติง: ขอบฟ้าที่เลือนหายในวันฝนโปรย

เรื่องโดย: ภู  เมฆพิพัฒน์

“ป.ล. เที่ยวคนเดียวง่ายมากค่ะจีน สวยมากด้วยช่วงที่จะไป เที่ยวให้สนุกนะคะ”

ข้อความหลังไมค์ส่งมาให้กำลังใจ หลังจากที่ผม Inbox ขอคำแนะนำไปยังสาวนักเดินทางคนหนึ่งทาง Facebook ถึงเรื่องการเดินทางแบบ “ลุยเดี่ยว” ไปเที่ยวดินแดนในห้วงหุบลึกของจีน นามว่า.... ย่าติง

แม้จะเคยมีประสบการณ์ลุยเดี่ยว แบกเป้เที่ยวต้าลี่ ลี่เจียง จงเตี้ยน ในมณฑลยูนนานของจีนมาบ้างแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน  แต่งวดนี้ มันช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นอยากจะตอบน้องสาวนักเดินทางเป็นเพลงกลับไปว่า “อ้าว เฮ้ย ! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า....” :)

อันที่จริงแล้ว ทริปนี้  ผมซึ่งพูดจีนได้แค่ หว่อ อ๊าย หนี่  มีแผนจะเดินทางไปเที่ยวอุทยานสวรรค์จิ่ว ไจ้ โกว อันเลื่องชื่อ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีปลายเดือนตุลาคม  จองตั๋วเครื่องบินไปลงมหานครฉงชิ่ง มณฑลเสฉวนเรียบร้อยแล้ว  แต่มารู้ภายหลังว่า จิ่ว ไจ้ โกว ปิดทำการชั่วคราวอันเนื่องมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2560  ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน  เวลาเดินทางก็งวดเข้ามาทุกที  กระทั่งเหลือบไปเห็นภาพการเดินทางของสาวน้อยนางหนึ่งที่แบกเป้ไปเที่ยวคนเดียว ถ่ายรูปคนเดียว ณ ดินแดนชื่อไม่คุ้นหูนามว่า “ย่าติง”  ความงดงาม (....ของทิวทัศน์นะครับ ไม่ใช่สาวนักเดินทาง) ที่ตรึงตาปักใจทำให้ผมปักหมุดการเดินทางแทบจะในวินาทีเดียวกันนั้นเลย

ทริปนี้เป็นการเดินทางโดยลำพัง  ในดินแดนที่แทบจะไร้ภาษาอังกฤษ  ผมขอสรุปประสบการณ์จริงที่เจอเป็นข้อๆ ได้ตามนี้ครับ

  • การเดินทางไปประเทศจีน จะต้องขอวีซ่าที่ Chinese Visa Application Service Center ตั้งอยู่ที่ชัน 5  อาคารธนภูมิ  ถนนเพชรบุรีตัดใหม่  กรุงเทพฯ  สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มมากรอกก่อนได้ ค่าใช้จ่าย 1,500 บาท
  • ย่าติงเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองเต้าเฉิง ซึ่งห่างจากมหานครเฉิงตู เมืองเอกแห่งมณฑลเสฉวนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณเกือบ 900 กิโลเมตร
  • ผมไปย่าติงด้วยการนั่งเครื่องบินไปลงเมืองฉงชิ่ง ต่อรถไฟความเร็วสูงไปเฉิงตู ขึ้นเครื่องอีกรอบไปเมืองเต้าเฉิง แล้วนั่งรถบัสต่ออีก 2 ทอด กว่าจะถึงย่าติง
  • จากเฉิงตูไปย่าติง จะนั่งรถบัสไปก็ได้ แต่ต้องใช้เวลา 2 วันเต็มๆ โดยพักค้างคืนที่เมืองคังติ้ง
  • อีกเส้นทาง สามารถบินไปลงเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน  ต่อรถบัส 2 วัน ผ่านต้าหลี่, ลี่เจียง แวะพักจงเตี้ยน 1 คืน แล้วค่อยตัดเข้ามณฑลเสฉวนที่เมืองเต้าเฉิง ก่อนมุ่งสู่ย่าติงอีกที

  • ย่าติง ตั้งอยู่บนที่สูง 4,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย (ในขณะที่ยอดดอยอินทนนท์บ้านเราสูง 2,565 เมตร) อากาศเบาบาง มีคนเป็นโรคแพ้ความสูง (Altitude Sickness) ไม่น้อย  อาการคือ เหนื่อยง่าย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ไปถึงใหม่ๆ ต้องค่อยๆ เดิน ค่อยๆ หายใจ ให้ร่างกายปรับตัวซักวันสองวัน  อย่าซ่า เดี๋ยวเดี้ยงตั้งแต่ยังไม่ได้เที่ยว
  • สนามบินเต้าเฉิง เป็นสนามบินที่สูงที่สุดในโลก 4,411 เมตรจากระดับน้ำทะเล
  • ก่อนถึงย่าติงประมาณ 30 กิโลเมตร มีเมืองเล็กๆ ชื่อ รือว่า หรืออีกชื่อคือ แชงกรีล่า โรงแรมเพียบ Holiday Inn ก็มี หลายคนเลือกพักที่นี่  แต่ผมไม่แนะนำ เพราะต้องนั่งรถต่ออีกร่วมชั่วโมงกว่าจะเข้าถึงย่าติง
  • ย่าติงมีที่พักเยอะแยะ แต่แทบไม่เห็นใน agoda, Booking.com, Traveloga หรือแม้กระทั่ง Airbnb แต่พอ walk in ไป  ก็สามารถหาที่ซุกหัวนอนได้ไม่ยาก ราคาอยู่ระหว่าง 100-300 หยวนต่อคืน ขึ้นอยู่กับสภาพห้องและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
  • ถ้าอยากเห็นหิมะ ต้องมาเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม  แต่ถ้าอยากละลานตากับป่ายามเปลี่ยนสีก็ต้องเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน (แต่ผมดันเจอพายุหิมะกับฟ้าฉ่ำฝนในปลายเดือนตุลาคม)
  • แหล่งท่องเที่ยวหลักคือ อุทยานแห่งชาติย่าติง  เดินไป-กลับ 3 กิโลเมตร เพื่อชื่นชมทะเลสาบไข่มุก  อีกวันเดินไป-กลับ 11 กิโลเมตร  เที่ยวทะเลสาบน้ำนมกับทะเลสาบ 5 สี    ทั้ง 2 วัน ต้องเดินขึ้นเขาเป็นลูกๆ จุดสูงสุดเกือบ 4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล  อากาศเบาบางชนิดที่แทบต้องหยุดพักหายใจทุก 10 เมตรกันเลยทีเดียว

  • การเดิน 11 กิโลเมตรเที่ยวชม 2 ทะเลสาบ ควรเตรียมเสบียงไปให้พร้อม ตลอดทางไม่มีร้านอาหารหรือเครื่องดื่มใดๆ ให้บริการ  ถ้าจะให้ดีก็น่าจะติดของขบเคี้ยวเล็กๆ น้อยๆ ที่ให้พลังงานอย่างช็อกโกแล็ต, อินทผาลัม, บิสกิตติดไปด้วย
  • จุดท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ คือ ทุ่งหญ้าชงกู่, ฟาร์มวัวลั่วหลง, เขาไห่จื่อซาน
  • อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งที่ย่าติง, เต้าเฉิง, คังติ้ง จัดว่าเย็นถึงหนาว  กลางวันสิบกว่าๆ กลางคืนใกล้จุดเยือกแข็ง เตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อม (ที่พักส่วนใหญ่จะมีแผ่นกระจายความร้อนใต้เบาะนอนให้)
  • คนจีนทั่วไปไม่ใช้ภาษาอังกฤษ ไม่มีป้ายบอกทาง, เมนูอาหาร, สัญลักษณ์ต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ  แต่จะชอบพูดภาษาจีนใส่เรา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราฟังไม่รู้เรื่อง
  • หนุ่มจีนที่เจอไม่น่าจะน้อยกว่าครึ่งสูบบุหรี่อย่างเมามัน บนรถบัสใต้ป้ายห้ามสูบบุหรี่ก็ไม่เว้น
  • สาวจีนเสฉวนว่ากันว่าสวยที่สุด เพราะเป็นดินแดนในหุบเขา แสงแดดส่องไม่ค่อยถึง ผิวขาวดุจหยวก บวกกับการเดินขึ้นลงเนินบ่อยๆ ทำให้หุ่นดี (อันนี้คอนเฟิร์ม ^ ^)
  • อาหารการกินที่นี่รสชาติร้อนแรง มี “หม่าล่า” เครื่องเทศที่มีรสเผ็ดและทำให้ลิ้นชา  แถมกลิ่นฉุนอีกต่างหาก  เชื่อกันว่าให้ความอบอุ่น แถมยังมันย่องด้วย
  • เนื้อจามรี เหนียวและกลิ่นฉุนกว่าเนื้อวัว.... มากกกกกก
  • ถนนเส้นหลักระหว่างเมืองในจีน (ที่ไม่ใช่ทางด่วน) ส่วนใหญ่ยังเป็น 2 เลนสวนกัน รถบัสโดยสารก็ถูกจีพีเอสจำกัดความเร็ว นั่งรถไปไหนแต่ละที นานอะไรเบอร์นั้น  ระยะทาง 400 กิโลเมตรจากเต้าเฉิงไปคังติ้ง  ใช้เวลา 9 ชั่วโมง!!
  • นมเปรี้ยวกับโยเกิร์ตที่นี่ อร่อยกว่าเมืองไทย  โดยเฉพาะนมเปรี้ยว มีเนื้อผลไม้กรุบๆ ให้เคี้ยวด้วย ^ ^
  • ในหมู่บ้านเล็กๆ อย่างย่าติง อย่าหวังว่าเงินอิเล็กทรอนิกส์จะใช้ได้  แต่หากล่วงมายังเมืองใหญ่ขึ้นหน่อย อย่างคังติ้ง หรือเฉิงตู  หลายๆ ร้านติดป้ายยินดีรับบัตรเครดิตอยู่หน้าร้านครับ

  • ใครบอกไปจีนคนเดียวง่ายมาก อย่าไปเชื่อ ยกเว้นคุณจะสามารถสื่อสารภาษาจีนได้  แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าจะใส่ความพยายามไปเพื่อให้พบความงดงามที่รออยู่
  • ประกันการเดินทางเป็นเรื่องสำคัญ และ “จำเป็น” เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้นบ้าง  ซื้อเถอะครับ  จ่ายเพิ่มเพียงน้อยนิด แลกกับความคุ้มค่าหากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นกับคุณ

    ไม่ได้ขู่ให้ฝ่อก่อนเดินทางนะครับ  เพราะประเทศใหญ่ขนาดนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแบบ และมากมายนับไม่ถ้วน  ผมเดินทางไปคนเดียวก็มีปัญหาหลายอย่างให้ต้องแก้ ณ ตอนนั้น  หลายอย่างไม่เป็นไปตามแผนหรือรีวิวที่เคยอ่านมา ก็ต้องหาทางแก้กันไป  เราไปเที่ยวหาความรื่นรมย์และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตัวเอง  อย่าเอาปัญหาหรือเรื่องหงุดหงิดเล็กๆ น้อยๆ มาทำให้การเดินทางไม่สนุกเลยครับ  จบทริปกลับมานึกย้อนกลับไปยังอดยิ้มกับอุปสรรคต่างๆ ที่เจอได้อยู่เลย


ทริปนี้ สิริรวม 8 วัน 7 คืน  ใช้งบประมาณไปทั้งหมดประมาณ 18,000 กว่าบาท (ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินจากเมืองไทย)  ถ้าคุณมีเพื่อนไปด้วยก็น่าจะประหยัดได้มากกว่านี้ครับ