คุณตาวัย 93 ผู้พิทักษ์ซากุระด้วยหัวใจ กับภารกิจที่สุดยิ่งใหญ่ในชีวิต

ความรักและความศรัทธาอย่างสุดหัวใจเป็นแรงผลักดันในการทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ ชายชราวัย 93 ปี กับภารกิจที่เขาบอกว่า “เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดในชีวิต” ในวัยไม้ใกล้ฝั่งเขาใช้พลังกายและพลังใจที่ยังเหลืออยู่เพื่อดูแลสิ่งที่เขารักสุดหัวใจ “ต้นซากุระ” อายุ 150 ปี ให้พ้นจากการถูกทำลายให้ยืนตระหง่านผลิดอกที่งดงามให้ผู้คนได้ชื่นชมอีกนานแสนนาน

Ms.Oshima Cherry ต้นซากุระขนาดใหญ่ยักษ์อายุ 150 ปี  ที่ยืนตระหง่านอย่างสง่างามบนเนินเขาที่โยโกฮามา กำลังอยู่ในอันตรายเพราะมีการวางแผนที่จะตัดต้นซากุระระดับตำนานต้นนี้ลงเพื่อสร้างอพาร์เมนต์และศูนย์การค้า เมื่อข่าวนี้แพร่ออกใจ มีเสียงของประชาชนจำนวนหนึ่งที่คัดค้านการตัดต้นซากุระเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโยโกฮามานี้ลง และหนึ่งในแรงสำคัญที่จะพยายามจะรักษาต้นซากุระอายุ 150 ปีนี้ไว้ให้อยู่คู่กับญี่ปุ่นคือ คุณตาซาโน่ (Sano Toemon) ชายชราวัย 93 ปี ที่รักซากุระอย่างสุดหัวใจ จนได้รับการขนานนามว่า “ผู้พิทักษ์ซากุระ” จากเกียวโต เขายืนกรานว่าไม่ให้ตัดต้นซากุระต้นนี้แต่ขอให้ขุดล้อมต้นและย้ายต้นไม้แทนการฆ่ามันให้ตาย การเคลื่อนย้ายต้นซากุระขนาดมหึมาแบบนี้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิดจะมีความยากลำบากขนาดไหน และปรัชญาในการเป็นผู้พิทักษ์ต้นซากุระของคุณตาซาโต้ คืออะไร และภารกิจนี้จะยากแค่ไหนเราจะมาติดตามเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจกัน

sakura4

ต้นซากุระตระกูล Oshima ที่ผลิดอกอย่างแบ่งบานสร้างความสุขและความภูมิใจให้คนโยโกฮามามานานเป็นกว่า 150 ปี ยืนตระหง่านริมทะเลโดยมีวิวภูเขาไฟฟูจิอยู่เบื้องหลัง เป็นภาพที่สวยงามและคุ้นชินตาของคนในชุมชนนี้ แต่จู่ๆ วันหนึ่งมีความคิดที่จะตัดต้นซากุระต้นนี้ลง ผู้คนในชุมชนบริเวณนั้นไม่เห็นด้วยและอยากรักษาต้นซากุระที่สวยงามนี้ให้คงอยู่ จึงติดต่อคุณตาซาโต้ผู้พิทักษ์ซากุระวัย 93 ปีที่เฝ้าดูแลต้นซากุระทั่วญี่ปุ่นมากว่า 20 ปี คุณตาอาศัยอยู่ที่เกียวโต และคอยดูแลต้นซากุระใหญ่น้อยมาตลอดระยะเวลายาวนาน  นอกจากนั้นยังช่วยชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศที่พบว่าต้นซากุระมีปัญหา  เมื่อได้รับเชิญให้ร่วมภารกิจครั้งสำคัญคุณตามีเป้าหมายที่แน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้ต้นไม้ประจำชาติญี่ปุ่นต้นนี้ต้องถูกทำลาย เพราะในความจริงต้นซากุระอายุยืนยาวกว่าอายุคนมากมาย ต้นซากุระ 150 ปีต้นนี้สามารถมีชีวิตอยู่อีกเป็นพันปี ผู้คนที่อาศัยในย่านนั้นต่างมองว่า Ms.Oshima เป็นผู้หญิงที่สวยงามเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชุมชน

ในวันที่ 21 มีนาคม 2021 ชาวชุมชนมารวมตัวที่ต้นซากุระเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิเพื่อให้การเคลื่อนย้ายซากุระอายุ 150 ปีราบรื่น โดยการย้ายต้นไม้ไปปลูกที่จุดใหม่ คุณตาซาโน่ กล่าวว่านี่เป็นภารกิจที่ยากมากต้องทำด้วยหัวใจเต็มร้อยเท่านั้นถึงจะสำเร็จ เพราะการเคลื่อนย้ายต้นไม้ที่ใหญ่มากขนาดนี้ทำได้ยากมาก ถึงแม้ว่าพื้นที่ที่จะนำไปปลูกใหม่ห่างไปเพียง 100 เมตร แต่ในความเป็นจริงมีความท้าทายมากมาย เพราะมีสายไฟฟ้าแรงสูงขวางระหว่างเส้นทางการขนย้าย  นอกจากนั้นอันอับแรกต้องทำความเข้าใจว่ารากของต้นไม้เป็นอย่างไร ตรวจสอบคุณภาพของดินโดยรอบต้นไม้ ดินบริเวณต้น Ms.Oshima มีสามชั้น ซึ่งพบว่าดินบริเวณนั้นมีชั้นดินที่มาจากภูเขาไฟฟูจิเป็นส่วนใหญ่ชั้นดินชั้นบนสุดอายุ 170 ปี ชั้นต่อมามีอายุกว่า 300 ปี ในขณะที่ชั้นที่ลึกลงมาอีกมีอายุกว่า 1,200 ปี ต้องมีการวัดค่า PH ของดิน เพื่อปรับสภาพดินใจจุดใหม่ให้เหมาะสมอีกด้วย


บริเวณใหม่ที่ต้นซากุระ Ms.Oshima จะย้ายไปอยู่ มีต้นซากุระต้นอื่นอยู่ด้วย ซึ่งคุณตาบอกได้ทันทีจากลักษณะของต้นว่าต้นซากุระที่อายุน้อยกว่าบริเวณนั้นเป็นลูกๆ ของ Ms.Oshima นั่นเอง ซึ่งก็คล้ายกับว่าเป็นการนำครอบครัวกลับมาอยู่ร่วมกัน  ในกระบวนการเคลื่อนย้ายต้องมีการนับจำนวนกิ่งก้านที่ต้องรวมทั้งกิ่งเล็กๆ ที่เพิ่งงอกออกมาด้วย เพื่อไม่ให้ทุกกิ่งก้านถูกทำร้ายระหว่างการเคลื่อนย้าย เนื่องจากต้นไม้มีขนาดใหญ่มากจึงต้องมีการตัดยอดออกไปเพื่อลดน้ำหนัก หลังจากนั้นต้องนำน้ำผงถ่านมาอุดรูของแต่ละยอดที่ถูกตัดเพื่อป้องกันเนื้อใน แล้วทาทับด้วย Japanese wax เพื่อป้องกันการผุกร่อนของไม้ เนื่องจากต้องเคลื่อนย้ายผ่านสายไฟแรงสูงจึงต้องทำให้ลำต้นเหลือสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นขุดดินอย่างระมัดระวังแต่จำเป็นต้องตัดรากบางส่วนออกเพื่อให้เหลือขนาดเล็กลงเพื่อยกข้ามผ่านสายไฟได้ ซึ่งการตัดยอดและการขุดรากที่บางส่วนอาจถูกตัดไปอาจทำให้ต้นไม้ตายได้แต่ถึงจะเสี่ยงแต่ก็ต้องทำ ขั้นตอนต่อมาต้องใช้ผ้าและเชือกมัดและคลุมบริเวณรากและดินที่ติดอยู่หลายชั้นอย่างแน่นหนาเพื่อปกป้องให้มันอยู่กับที่ซึ่งเป็นงานที่ยากมากคนทำต้องมีทักษะอย่างมาก

และแล้ววันแรกของการย้ายก็มาถึง คุณซาโน่ กล่าวว่าต้องระมัดระวังมากที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของต้นซากุระไว้ให้ได้ เขากล่าวว่าอยากให้ทีมงานที่จะขนย้าย นำหัวใจของตัวเองใส่ไปที่ต้นซากุระ ต้องรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ย้ายต้นไม้ให้สำเร็จและต้องไม่มีใครบาดเจ็บจากการทำงาน พวกเขาเริ่มโดยนำตะขอขนาดใหญ่มัดกับเชือกเพื่อต่อกับรถเครน น้ำหนักทั้งหมดของต้นไม้ ดินและเชือกที่ล้อมรวมอยู่ที่ 50 ตัน คุณตาขอให้ใช้ผ้าคลุมที่บริเวณรากอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรหลุดล่วงระหว่างการย้าย อาจารย์จาก University of Tokyo ก็มาร่วมในการย้ายครั้งนี้ด้วย เธอปีนขึ้นไปกอดต้นซากุระ และบอกว่าเธอได้รับพลังจากต้นไม้ เธอร้องเพลงกล่อมต้นไม้ที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “นอนเสียนะลูกนอน ดวงจันทร์สีทอง ส่องแสงอยู่ข้างบน” หลังจากนั้นเครนค่อยทำงานเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ต้นไม้หนัก 50 ตันค่อยๆ ลอยจากพื้นดินที่มันเคยฝังรากอยู่มา 150 ปี


หลังจากยกต้นไม้ออกมาได้ต้องมีพิธีกรรมเพื่อขอขมาดินในจุดเดิมที่โดนขุด โดยราดเหล้าสาเกและข้าวทอดกรอบลงในหลุมดินขนาดใหญ่เพื่อเป็นการขอโทษพื้นดินที่ต้องขุดทำให้เกิดความเลอะเทอะ  หัวหน้าช่างที่ควบคุมรถเครนบอกว่าเขาตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นการยกสิ่งที่มีชีวิตครั้งแรกในชีวิต แต่รู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ จุดที่ยากที่สุดกำลังมาถึงนั่นคือการยกต้นไม้ให้พ้นสายไฟแรงสูง คุณตาบอกทีมงานว่าให้เอาดินออกมาจากรากอีกเพื่อให้น้ำหนักเบาลง ซึ่งอาจลดน้ำหนักได้ประมาณ 3 ตัน ชาวบ้านหลายคนมาดูการเคลื่อนย้ายและบอกว่ามี “หมอต้นไม้” จากเกียวโตมาช่วย ซึ่งเขาจะไม่ปล่อยให้ต้นซากุระต้องตายไปแน่นอน และแล้ววันที่ยิ่งใหญ่อีกวันก็มาถึงคือวันที่จะนำต้นซากุระ 150 ปีไปลงดินเพื่อหยั่งรากที่บ้านใหม่ คุณตาซาโน่ กล่าวว่านี่เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต 70 ปีของการเป็นชาวสวน “วันนี้ฟูจิเผยตัวให้เราเห็น เพื่อเป็นการต้อนรับพวกเรา” ถ่านคุณภาพสูงจากเกียวโตถูกนำมาโรยไว้ในหลุมดินแห่งใหม่ ถ่านจะช่วยเพิ่มคุณภาพของดินและช่วยให้ต้นไม้เติบโตได้ดี หลังจากจุดที่ยากที่สุดคือการยกต้นไม้ข้ามสายไฟฟ้าแรงสูง คุณตาซาโน่ ทำพิธีมอบปลาหมึกแห้งให้กับต้นไม้ตามความเชื่อของเขา ซากุระ 150 ปีถูกวางลงบนบ้านใหม่ในตำแหน่งที่สวยงาม หลังจากนั้นทำพิธีราดเหล้าสาเกลงพื้นดินรอบต้นไม้เพื่อเป็นการขอบคุณพื้นดินแห่งใหม่ คุณตาซาโน่ เข้าไปกอดต้นซากุระแล้วบอกว่า “เธอเป็นต้นไม่ที่ยอดเยี่ยมและฉลาดที่สุด” ภารกิจนี้ใช้เวลากว่าสัปดาห์แต่ก็ทำให้ทุกคนในทีมหายเหนื่อยและภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วม ซากุระยักษ์จะมีชีวิตใหม่ที่นี่ ทีมงานต่างบอกว่ารู้สึกผูกพันกับซากุระต้นนี้จะกลับมาเยี่ยมเธอทุกปี

หนึ่งเดือนผ่านไปคุณตาซาโน่ และทีมกลับมาเยี่ยม Ms.Oshima  คุณตาพบหนอนบนใบไม้และบอกว่านี่เป็นสัญลักษณ์ที่ดีที่บอกว่าต้นไม้ยังมีชีวิต และนกจะบินมาเพื่อกินหนอนที่ต้นไม้ เป็นวงจรธรรมชาติ คุณตาบอกว่า Ms.Oshima  จะอยู่ไปอีกเป็นพันปี...อยากเห็นคนไทยให้ความรักและความภูมิใจในต้นไม้ประจำถิ่นของบ้านเราที่ก็มีความสวยงามมีเอกลักษณ์ไม่ต่างจากต้นซากุระของญี่ปุ่น ทั้งต้นคูน หรือต้นราชพฤกษ์ที่ออกดอกเป็นพวกเหลืองอร่ามในช่วงเดือนเมษายน หรือต้นพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งทางเหนือของประเทศไทย ต้นจามจุรี ต้นหางนกยูง ถ้าเราช่วยกันปลูกช่วยกันดูแล เราก็จะมีต้นไม้สวยๆ ที่ออกดอกดอกบานสะพรั่งตามฤดูกาลงดงามไม่ต่างจากต้นซากุระของญี่ปุ่นเช่นกัน

อ้างอิง

https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/ondemand/video/3004747/