ชีวิตสโลว์ไลฟ์ พักใจที่หลวงพระบาง

ว่ากันว่าการพักผ่อนที่ดีที่สุดก็คือการนอนหลับติดต่อกันให้นานถึงแปดชั่วโมง แต่ถ้าอยาก “พักใจ” ต้องทำอย่างไร สำหรับเราแล้วแค่ได้ไปเที่ยวในที่แปลกใหม่ก็เป็นการพักใจอย่างหนึ่ง ว่าแล้วอยากจะชวนไปพักใจใกล้ๆ ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กันที่หลวงพระบาง


ข้อดีของการไปเที่ยวบ้านใกล้เรือนเคียงก็คือ นั่งเครื่องบินไม่นาน แค่ 1 ชั่วโมง 30 นาทีก็ถึงหลวงพระบางแล้ว สนามบินของที่นี่ขนาดกระทัดรัดรับรองว่าไม่มีเดินหลง เข้ามาในตัวอาคารก็เจอเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองกันเลย เห็นนักท่องเที่ยวต่อแถวยาวเป็นหางว่าวไม่เสียชื่อเมืองท่องเที่ยวสุดฮิตของประเทศลาว


หลังจากผ่าน ต.ม. ก่อนเข้าเมืองก็มาแลกเงินกันหน่อยที่สนามบินมีเคาน์เตอร์แลกเงิน 2 แห่ง เพื่อนที่เคยมาเที่ยวแนะนำว่าให้แลกในเมืองจะได้เรทที่ดีกว่าเลยแลกเพียงเล็กน้อย ข้างที่แลกเงินจะเป็นเคาน์เตอร์รถตู้พาไปส่งตามที่พักในเมือง คิดราคา 3 คนต่อ 50,000 กีบ และนับจากนี้ไปเราจะใช้เงินกันวันละเป็นหมื่นเป็นแสนเลยทีเดียว แหมความรู้สึกของคนรวยมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

luang-prabang1

ย่างเนิบๆ เที่ยวหลวงพระบาง

ก่อนไปลุยเที่ยวมารู้จักกันหน่อยดีมั้ย เมืองนี้เป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของลาว เป็นเมืองเล็กที่มีแม่น้ำสองสายโอบเมืองไว้ได้แก่ แม่น้ำโขงและแม่น้ำคานทำให้ทัศนียภาพของเมืองสวยงาม มีเสน่ห์ โดยเฉพาะจุดที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน ภายในตัวเมืองมีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่มีสภาพสมบูรณ์ วัดวาอารามเก่าแก่ แถมยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีอันงดงาม ธรรมชาติบริสุทธิ์ผุดผ่อง ผู้คนเป็นมิตร จนทำให้องค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็น ”เมืองมรดกโลก” ของมวลมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ.2538 และยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองที่ดูแล ปกป้อง และรักษาสภาพบ้านเมืองแบบเดิมได้ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ย้อนเวลาหาอดีต

พอเข้ามาในเมืองเห็นอาคารบ้านเรือนสองฝั่งถนนเหมือนเรานั่งไทม์แมชชีนกลับไปหาวันวาน เมืองนี้ได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตกในยุคล่าอาณานิคมที่ในตอนนั้นฝรั่งเศสได้เข้ามาปกครอง ทำให้อาคารจึงมีการผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว อาคารแบบนี้เรียกว่า โคโลเนียลสไตล์ (Colonial Style) มีลักษณะเด่น คือ ระเบียงกว้าง มีเสาคล้ายเสาโรมันรองรับที่ชายคา ตัวบ้านจะใช้โทนสีอ่อนหรือสีพาสเทล ตกแต่งด้วยบัวปูนปั้นรอบชายคา ถ้ายังนึกไม่ออกว่าอาคารแบบนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ลองนึกภาพอาคารแถวถนนราชดำเนินหรือธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อยก็ได้

ที่พักเก๋ในเมืองเก่า

นอกจากอาคารแบบโคโลเนียลสไตล์แล้ว บ้านเรือนแบบดั้งเดิมก็มีให้เห็นมากมายเป็นบ้านไม้ สองชั้น หลังคาจั่วทรงสูง ชายคายาวหน้าต่างรอบบ้าน ลักษณะคล้ายบ้านไทยตามต่างจังหวัด บ้านแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่จะถูกดัดแปลงให้เป็นโรงแรมหรือเกสเฮ้าส์ที่เก๋ไก๋คลาสสิกมากๆ ส่วนโรงแรมที่พักแบบสมัยใหม่ไม่มีเลยเพราะยูเนสโกมีข้อห้ามมากมาย เช่น ห้ามรื้อของเก่า ถ้าจะรีโนเวทใหม่ต้องขออนุญาต รูปแบบจะต้องอนุรักษ์หรือทำให้เหมือนของเดิม ห้ามสร้างบ้านสูงเกินสองชั้น ที่สำคัญราคาไม่แพงมีให้เลือกหลายระดับ ตั้งแต่ราคาหลักร้อยบาทไปจนถึงหลักหมื่น สำหรับใครที่กลัวสิ่งที่มองไม่เห็นบรรยากาศได้ฟีลขนหัวลุกมาก ขอให้เตรียมบทสวดมนต์ไปด้วยช่วยสงบจิตใจได้เยอะ

ชีวิตต่อนยอน บังอรท่องตลาด

ถ้าอยากเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นก็ควรไปเที่ยวตลาด ที่นี่มีตลาดนัด 2 ช่วงคือ ตอนเช้าเรียก “ตลาดเช้า” อยู่ตรงตรอกข้างวัดใหม่สุวรรณภูมาราม และตอนเย็นเรียก “ตลาดมืด” ขายอยู่ถนนหน้าพระราชวังหลวงพระบาง สำหรับเราชอบตลาดเช้ามากกว่าเพราะได้เห็นชีวิตเรียล ๆ ของคนที่นี่ ส่วนใหญ่จะขายพวกของสด ของแห้ง ผักผลไม้ ของป่า เวลาขายจะแบกะดิน เอาผ้าหรือพลาสติกปูที่พื้นแล้วเอาของวางขายเป็นกอง ที่น่าตื่นเต้นเห็นจะเป็นพวกปลาตัวโตที่จับได้จากแม่น้ำโขงตัวใหญ่เท่าขาของเราเลย


นอกจากนี้ในตลาดยังมีร้านขายอาหารเช้า เช่น บาแก็ต ขนมปังฝรั่งเศสใส่ไส้คล้ายแซนวิส , ข้าวเปียก เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นแบนหน้าตาคล้ายก๋วยจั๊บญวน , แหนมข้าว คล้ายข้าวเกรียบปากหม้อแต่ขนาดใหญ่กว่า แม่ค้าจะทำแบบสด ๆ เห็นแล้วน่ากินชะมัดเลยนั่งเรียงหน้ากระดานล้อมแม่ค้าไว้ แม่ค้าจะเอาแป้งละเลงลงบนผ้าขาวบางที่ขึงไว้บนหม้อต้มน้ำเดือด ๆ พอแป้งสุกก็จะใช้ไม้ไผ่ม้วนแป้งออกมา จากนั้นก็ใส่ไส้หมูสับแล้วม้วนเป็นโรล โรยหน้าด้วยหอมเจียว กินกับน้ำจิ้มรสเค็มหวาน บีบน้ำมะนาว พริกป่น แล้วโรยด้วยถั่วลิสงคั่วเข้ากั๊นเข้ากัน ส่วนตลาดมืดจะคล้ายถนนคนเดิน ขายพวกของที่ระลึก เช่น เสื้อยืด กางเกงผ้าฝ้าย ผ้าคลุมไหล่ งานแฮนด์เมด โคมไฟกระดาษสา แล้วก็มีอาหารพื้นเมือง น้ำผลไม้ปั่น ที่นี่สามารถจ่ายด้วยเงินบาทได้เลยแต่แม่ค้าจะทอนเป็นเงินกีบ คำนวณดูแล้วไม่คุ้มเท่าไหร่ ควรจ่ายด้วยเงินกีบจะถูกกว่า

ตักบาตรข้าวเหนียว เกี่ยวใจกันไว้

กิจกรรมยามเช้าที่นักท่องเที่ยวมักจะมาลองสัมผัสชีวิตแบบชาวหลวงพระบางนั่นก็คือการตักบาตรข้าวเหนียว ควรแต่งกายสุภาพห้ามใส่แขนกุดขาสั้น และควรมีผ้าพาดไหล่เพื่อความสุภาพเรียบร้อย การตักบาตรจะจัดระเบียบด้วยการปูเสื่อแบ่งเขตระหว่างชาวบ้านกับนักท่องเที่ยว สำหรับคนไทยการตักบาตรเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นอยู่แล้วไม่ต้องฝึกฝนอะไร แต่ตักบาตรข้าวเหนียวไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะข้าวแข็งมาก กว่าจะจกปั้นเป็นก้อนได้ต้องใช้สกีลระดับเทพ เห็นคุณยายนั่งข้างๆ จก-ปั้น-ใส่ ใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีเพราะถ้าใส่ช้าจะทำให้พระท่านเดินเสียขบวน ทำให้เรากดดันมากพอใส่หลายองค์เข้าก็เลยจกอย่างเดียวไม่ปั้นเป็นก้อนแล้วเหนื่อยจริงๆ ในที่สุดการตักบาตรที่ไวกว่าแสงก็เสร็จภายในเวลาแค่ 10 นาที

ลัดเลาะรอบวัด & วัง

ในหลวงพระบางมีวัดมากกว่า 30 แห่งที่เป็นวัดสำคัญ วัดของที่นี่จะอยู่ร่วมกับชุมชน คล้ายกับอยุธยาที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะเจอแต่วัด ถนนบางเส้นมีวัดที่รั้วติดกันถึง 4 แห่ง ไม่แน่ใจว่าญาติโยมจะเลือกทำบุญกันยังไง สำหรับวัดที่ทุกคนต้องไป ถ้าไม่ไปถือว่ามาไม่ถึงหลวงพระบางคือ วัดเชียงทอง เป็นวัดที่งามที่สุดแห่งหนึ่งของลาวได้รับการยกย่องว่าเหมือนอัญมณีของสถาปัตยกรรมลาว มีศิลปะล้านช้างที่สมบูรณ์แบบ

วัดใหม่สุวรรณภูมาราม วัดนี้มีความพิเศษอยู่ที่ผนังของพระวิหาร จะเป็นการแกะลวดลายนูนสูงปิดด้วยแผ่นทอง เล่าเรื่องรามายณะ และพระเวสสันดรชาดก เสาด้านหน้าพระวิหารมีลวดลายศิลปะลาวลงรักปิดทองที่งดงามและไม่ควรพลาดเช่นกัน

ไปเที่ยววัดแล้วก็แวะไปวังกันบ้าง ที่พระราชวังหลวงพระบาง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในอดีตเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลได้เปลี่ยนพระราชวังหลวงมาเป็น “หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ” ในปี พ.ศ. 2519 ที่นี่ยังคงเก็บรักษาสมบัติของชาติไว้อย่างดี มีทั้งโบราณวัตถุและของมีค่า เช่น บัลลังก์ ธรรมาสน์ เครื่องสูงและเครื่องราชูปโภค พระพุทธรูป และวัตถุโบราณ เป็นต้น พิพิธภัณฑ์มีห้องเด่น ๆ มากมาย เช่น ห้องรับแขกของเจ้ามหาชีวิต ห้องนี้จะมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวลาว ทิวทัศน์และงานประเพณี, ห้องบรรทมของเจ้ามหาชีวิตและพระมเหสี, ห้องทรงงาน ห้องนี้มีเรื่องตื่นเต้น คือ เราเหลือบไปเห็นพระไตรปิฎกที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมอบให้เจ้ามหาชีวิต เห็นแล้วดีใจกันใหญ่เหมือนได้เจอของขวัญสุดวิเศษตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ส่วนห้องที่เราชอบมากที่สุด คือ ห้องท้องพระโรง ห้องนี้ตกแต่งสวยงามวิจิตรตระการตาสีทองอร่ามประดับด้วยกระจกโมเสกสีแดงดูอลังมาก น่าเสียดายที่พิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด และไม่อนุญาตให้พกมือถือหรือกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปต้องฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ทำให้ไม่มีรูปมาอวดใคร หลังจากดูพิพิธภัณฑ์เสร็จอย่าลืมแวะไปนมัสการ “พระบาง” พระคู่บ้านคู่เมืองที่อยู่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนออกจากพิพิธภัณฑ์

ชีวิตไม่สโลว์ไลฟ์ พาหัวใจไปลุยกัน

หลวงพระบางใช่จะมีแต่ชีวิตสโลว์ไลฟ์ แนวแอดเวนเจอร์ก็มีให้แก้เมื่อย ถ้าอยากขึ้นเขาชมวิวแบบ 360 องศา ต้องเตรียมกำลังขาให้พร้อมขึ้นบันได 328 ขั้นที่ “พระธาตุพูสี” นอกจากทัศนียภาพงดงามแล้ว ยังได้ไหว้พระธาตุสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวหลวงพระบางที่ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของเมืองนี้ หากแหงนหน้าขึ้นฟ้าคุณจะพบพระธาตุนี้เป็นสิ่งแรก แนะนำว่าให้เดินขึ้นตอนเย็นประมาณ 5 โมงกำลังดีเพราะอากาศไม่ร้อน แถมยังได้ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ข้อเสีย คือ นักท่องเที่ยวเยอะมากจนแทบจะหามุมถ่ายรูปไม่ได้

กิจกรรมแก้เมื่อยอีกอย่างต้องไปเล่นน้ำที่ “น้ำตกตาดกวางสี” เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของหลวงพระบาง น้ำตกหินปูน สูงประมาณ 70 เมตร สีของน้ำเป็นสีฟ้ากระจ่างใสไหลเย็นเห็นตัวปลา (จริงๆ ไม่ได้โม้) ท่ามกลางป่าร่มรื่น มีจุดให้นักท่องเที่ยวสามารถลงไปเล่นน้ำได้ เห็นน้ำใสๆ อย่างนี้อดใจไม่ไหวเลยต้องลงไปเล่นกันหน่อยน้ำตกมีกี่ชั้นลงเล่นทุกชั้น แนะนำว่าควรเล่นชั้นบนน้ำจะสะอาดและควรมาแต่เช้าช่วงสายคนจะเยอะมากทำให้เล่นน้ำไม่สนุก

ชิม-แชะ-ชิล วิถีสโลว์ไลฟ์

ที่นี่มีร้านคาเฟ่ให้นั่งชิลอยู่มากมาย ขอแนะนำร้านที่ลองมาแล้วและทุกคนคอนเฟิร์มว่าอร่อย ร้านแรกสำหรับคอกาแฟชื่อว่า Saffron Coffee อาจไม่ดังเท่าร้านโจมา แต่ขอยืนยันว่าร้านนี้เด็ดกว่า กาแฟของที่นี่ใช้กาแฟลาวเกรดพรีเมี่ยมรสชาติเข้มข้นหอมกรุ่น สำหรับคนรักเบเกอร์รี่ต้องไปร้าน Zurich Bread ชีสเค้กของที่นี่เนื้อนุ่มละมุนลิ้น หอมกลิ่นเนยสดแท้ กินชิ้นเดียวคงไม่พอ นอกจากนี้หากอยากกินอาหารพื้นเมืองขอให้ไปลองที่ ร้าน Joy’s Restaurant ร้านอาหารแบบโฮมเมดที่ซ่อนตัวอยู่บนถนนสายไปแม่น้ำโขง รสชาติถูกปากคนไทย เมนูเด็ดห้ามพลาดปลาทอดกระเทียม ลาบทอด ลาบหมู อ่อมไก่ ให้ปริมาณเยอะราคาไม่แพงอย่างที่คิด หรือถ้าอยากกินชาบูสไตล์หลวงพระบาง แนะไปที่ร้านเย็นสบาย ที่นี่ใช้เตาถ่าน น้ำจิ้มรสจี๊ดจ๊าด อร่อยเด็ดถูกใจ นอกจากนี้ยังมีร้านพิชซ่าเตาถ่านแป้งบางกรุบกรอบที่ไม่ควรพลาดอย่างร้าน Chang Kham มีเมนูพิชซ่าหน้าฟิวชั่นให้เลือกมากมาย ซุปเห็ดทรัฟเฟิล สปาเก็ตตี้เส้นดำ ที่ลองแล้วจะติดใจ

ดูแลผู้มาเยือนดุจญาติมิตร

มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประทับใจมากคือ ชาวลาวมีความเป็นมิตร ตั้งแต่ Reception โรงแรม พ่อค้าแม่ค้าตามตลาด พนักงานร้านอาหาร พอรู้ว่าเป็นคนไทยก็จะพูดคุยเป็นกันเอง ส่วนหนึ่งอาจเพราะภาษาที่สื่อสารกันได้ และที่ลืมไม่ได้สำหรับเรามีอยู่วันหนี่งปวดท้องมาก พยายามหาร้านเพื่อขอเข้าห้องน้ำแต่ก็ไม่มี ทันใดนั้นเกิดปวดท้องหนักมากจนหน้ามืดเป็นลมกลางถนน เพื่อนเลยพยุงไปในร้านขายของชำ เจ้าของร้านใจดีหาน้ำหายาดมมาให้ แล้วยังอาสาพาไปส่งที่โรงแรมอีกด้วยรู้สึกซาบซึ้งใจในความใจดีของพวกเขาเป็นอย่างมาก ยังคิดอยู่เลยว่าดีที่ทำประกันเดินทางไว้หากเกิดเหตุต้องเข้าโรงพยาบาลจะได้ไม่ลำบาก โชคดีที่ครั้งนี้ไม่เป็นอะไรมาก ฉะนั้นไม่ว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศใกล้หรือไกลทำประกันเดินทางไว้อุ่นใจเสมอ


การมีเวลาไป “พักใจ” ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่หลวงพระบาง นอกจากจะช่วยรีเฟรชความเหนื่อยล้า ยังทำให้เราได้ฟังเสียงของหัวใจให้กระจ่างใสและชัดเจน เพื่อกลับมามีพลังสู่เมืองใหญ่ที่สับสนวุ่นวายกันต่อไป