หนีไกลไปจอร์แดน…สู่แคว้นทะเลทราย (ตอนที่ 1)

จมูกโด่งเป็นสัน  หน้าตาคมเข้ม  ดวงตาคมโต  ผิวขาวอมชมพู  รูปร่างสูงสง่า มีเสียงเล่าลือว่าชายหนุ่มหน้าตา (บ้านๆ) แบบนี้   เราจะพบเจอพวกเขาได้ทุกตรอกซอกซอยที่จอร์แดนเมืองแห่งทะเลทราย


กว่า 9 ชั่วโมงที่ลัดฟ้าจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา  สู่แดนฟ้าจรดทราย  เรานั่งหลับๆ ตื่นๆ เมื่อยแล้วเมื่อยอีก จนในที่สุดเสียงประกาศของกัปตันก็ดังขึ้น  “ขณะนี้ได้ลดระดับสู่ท่าอากาศการนานาชาติควีนอาเลีย (Queen ALIA)  อุณหภูมิในตอนนี้  3 องศาเซลเซียส”   แม้จะรู้ตัวมาก่อนแล้วว่าต้องเจอกับสภาพอากาศในเดือนมกราที่เป็นเดือนที่หนาวที่สุดของประเทศนี้  แต่ก็อดใจไม่ได้เมื่อโชคชะตาลิขิตให้เจอตั๋วโปรโมชั่นสายการบินรอยัลจอร์แดนเนียน   การเดินทางครั้งนี้จึงเกิดขึ้นและได้พบเรื่องราวมากมาย  ทั้งศึกชิงนาง  น้องลาจอมซน  ถูกแขกหลอก และที่ใจจดใจจ่อเป็นที่สุด  คือ  เราจะได้เจอหนุ่มหน้าตา (บ้าน ๆ)  อย่างที่เขาร่ำลือกันหรือเปล่า  คงต้องเอาใจช่วยกันหน่อยเสียแล้ว

map

รู้จักจอร์แดนก่อนออกไปเปรี้ยวกัน

  • อยู่ตรงไหน :  แถบตะวันออกกลาง  มีพรมแดนติดกับซีเรีย,  อิรัก, ซาอุดีอาระเบีย, อิสราเอล  และอียิปต์
  • ขนาดประเทศ :  เทียบกับไทยแล้วไทยมีพื้นที่มากกว่าจอร์แดน 5.7 เท่า
  • ปลอดภัยมั้ย  : แม้รอบ ๆ จะมีบางประเทศที่สถานการณ์ไม่น่าวางใจนัก แต่จอร์แดนเป็นประเทศที่สงบและปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
  • เที่ยวช่วงไหนดี :  เดือนมีนาคม -  พฤษภาคม  จะเป็นช่วงไฮซีซั่น  อุณหภูมิไม่ต่างจากบ้านเรานัก  ประมาณ  32  องศา   จากประสบการณ์ขอแนะนำให้มาช่วงหน้าหนาว ในเดือน ธันวาคม-กุมภาพันธ์ จะดีกว่าเพราะอากาศเย็นสบาย  อุณหภูมิเฉลี่ย  5-15 องศา  ตามสถานที่ท่องเที่ยวคนจะไม่มาก ที่เที่ยวเกือบ 90 % จะเป็น Outdoor ถ้ามาช่วงอื่นอากาศร้อนมากคนไทยทนไม่ไหว   โรงแรมและตั๋วเครื่องบินจะถูกกว่าช่วงพีคมาก  ส่วนเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม  เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดไม่แนะนำให้มาช่วงนี้
  • เวลา :  เวลาช้ากว่าไทย   5  ชั่วโมง
  • ภาษา :  ภาษาทางการ  คือ  อารบิก  ส่วนภาษาอังกฤษในเมืองท่องเที่ยวสามารถใช้สื่อสารได้
  • ศาสนา : อิสลาม
  • สกุลเงิน : ดีน่าจอร์แดน  (JD) เทียบเงินไทย ประมาณ  45 บาท ต่อ  1 JD
  • วันหยุด :  ศุกร์-เสาร์


เราถึงท่าอากาศยานนานาชาติควีนอาเลีย  ประมาณตี  5 ตามเวลาท้องถิ่น  ที่สนามบินว่างเปล่าไม่มีผู้คน  เดินออกจากเครื่องพร้อมคนกลุ่มใหญ่   พวกเขาจะต่อเครื่องไปยุโรป   มีเพียงแค่เรากับเพื่อนและคนอื่น ๆ อีก  4-5 คนเท่านั้น  ที่เดินมายังจุดตรวจคนเข้าเมือง (ต.ม.) ไม่มีคนเข้าคิว เลยไม่นานนักก็ผ่าน ต.ม. รับกระเป๋า  แล้วไปแลกเงิน  ซื้อซิมโทรศัพท์   ขึ้นรถที่ทัวร์ท้องถิ่นมารับไปส่งโรงแรม   วันศุกร์ที่นี่เป็นวันหยุดจึงไม่มีรถราและผู้คนมากนัก  เหมือนเราเดินเที่ยวในเมืองร้าง พอถึงโรงแรมแว้บแรกที่เห็นเหมือนโดนยาสั่ง  Reception หน้าบ้าน ๆ รอต้อนรับ จมูกโด่งเป็นสัน  หน้าตาคมเข้ม   ดวงตาคม   ขนตาดกหนา  ริมฝีปากอมชมพู อายุอานามนักศึกษาปี  4  อากาศที่หนาวเจี๊ยบ อบอุ่นขึ้นมาทันทีเหมือนอยู่ในไมโครเวฟ   เราแอบยิ้มในใจ ทะเลทรายนี้ดีงามเกรดพรีเมี่ยม สมคำร่ำลือจริง ๆ  เกือบหลุดปากพูดออกไปว่า “I love Jordan & You  too”

ทริกง่ายๆ  เที่ยวสบายที่จอร์แดน

  • จอร์แดนพาส  (Jordan Pass) ซื้อไว้เถอะคุ้มสุด ๆ  เพราะเป็นบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในจอร์แดน  40 แห่ง ทั้งเพตรา, วาดิรัม, เจอราช,  เครัค,  ซิตาเดล, โรมันเธียเตอร์ ฯลฯ   ซึ่งประหยัดกว่าการซื้อตั๋วทีละครั้ง  มีให้เลือก  3  ราคา คือ  70-75-80 JD ตามจำนวนวันที่เข้าชมเพตรา สามารถซื้อออนไลน์ล่วงหน้าได้ที่นี่ https://www.jordanpass.jo/ ที่สำคัญใครซื้อ Jordan Pass ไม่ต้องเสียค่าทำวีซ่า On Arrival  แต่อย่างใดยิ่งกว่าคุ้ม

  • ซิมอินเทอร์เน็ต : สำหรับขาแชทมีให้เลือก  3  เจ้า คือ Orange,  Zain,  Umniah   เราเลือกใช้  Orange แพ็คเกจ Internet 7 วันราคา  20 JD แม้อยู่กลางทะเลทรายความแรงไม่มีสะดุดขอแนะนำเจ้านี้เลย

  • Uber App : เวลาเดินทางในเมืองหลวง  สามารถใช้อูเบอร์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ  ได้ในราคามาตรฐานและสะดวกสุด ๆ

  • อุปกรณ์กันแดด & กันลม :  แว่นตากันแดด , หมวก,  ผ้าคลุมหน้า, ครีมกันแดด ของพวกนี้ต้องพกติดตัวไว้   เพราะที่นี่แดดแรงกว่าบ้านเรามาก แม้จะเป็นฤดูหนาวก็ตามได้ใช้ทุกอย่างคอนเฟิร์ม

  • อาหารแห้ง :  สำหรับคนที่ทานอาหารยาก  ควรพกอาหารกระป๋องของแห้งไปด้วยช่วยได้เยอะ และห้ามนำอาหารที่มีเนื้อหมูเป็นส่วนประกอบเข้าประเทศโดยเด็ดขาด

  • ทัวร์ท้องถิ่น : ทริปเดินทางของเราสะดวกมาก เพราะใช้บริการทัวร์ท้องถิ่นจัดหาที่พักและรถเดินทางให้  ทำให้ไม่ต้องแบกกระเป๋าหาที่พักและขึ้นรถโดยสาร   ราคาทัวร์ท้องถิ่นแล้วแต่มาตรฐานโรงแรมที่เลือก  เราเลือก  2-3 ดาว แต่พอไปจริง ๆ กลับได้อัพเกรดโรงแรมเป็น  3-4-5 ดาว  ถ้าจองที่พักเองอาจไม่ได้โรงแรมแบบนี้

  • ประกันการเดินทาง :  สถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นแนวแอดเวนเจอร์  ทั้งปีนเขา  ขี่ม้า  ขี่ลา  ตะลุยทะเลทราย  แต่ละที่เสี่ยงๆ ทั้งนั้น  ถ้าได้ทำประกันเดินทางช่วยให้อุ่นใจขึ้นเยอะ   ที่สำคัญเดี๋ยวนี้ซื้อง่ายมาก ๆ  ผ่าน  SCB  Easy  App  ซื้อก่อนขึ้นเครื่องคุ้มครองทันที  หรือ อยากจะศึกษารายละเอียด   ก่อนดูได้ ที่นี่เลย

หลังพบ  Reception หนุ่มหน้าบ้านๆ  รู้สึกกระชุ่มกระชวยใจไม่น้อย   บ่ายแก่ ๆ  เลยออกไปเดินเล่นที่  Carrefour  ซุปเปอร์มาเก็ต   ระหว่างทางร้านรวงปิดหมด  ถนนว่างเปล่า  มีเพียงพวกเราที่เดินโต๋เต๋ในเมืองที่เงียบเหงา   ที่ซุปเปอร์ยังเจอคนอยู่บ้าง  ส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว   ไม่ค่อยมีใครฉายเดี่ยวหรือมาเฉพาะสาวๆ   พวกเราเลยกลายเป็นดูโอ้ตัวประหลาด  ซุปเปอร์ของที่นี่ขายของไม่ต่างจากบ้านเรานัก  แต่ที่สะดุดตาก็คือ  มีผักผลไม้ขนาดใหญ่มากมาย  ดูอุดมสมบูรณ์กว่าที่เราคาดไว้   ที่พราวสุด ๆ ก็ตอนที่เห็นเครื่องปรุงของไทยวางขายอยู่ที่นี่ล่ะ   มีทั้งซอสพริกศรีราชา  พันท้ายนรสิงห์  ซอสผัดไทย   หลังจากสำรวจเสร็จก็หาอะไรเติมท้องหน่อยที่ร้านแมคโดนัล  ไม่รอช้าสั่งเบอร์เกอร์ไก่พร้อมโค้ก  ราคา  3.90 JD  คิดเป็นเงินไทยประมาณ 180  บาท  ถือว่าราคาพอรับได้


คนจอร์แดนเป็นยังไง ?

เท่าที่เจอเหมือนชาวอาหรับทั่วไป   ผิวขาว  ตาคมโต  คิ้วเข้ม  จมูกโด่ง  ตอนวัยรุ่นผู้ชายหล่อ  ผู้หญิงสวย  เดินไปตามท้องถนนถ้าเจอคนหนุ่มสาว  10 คน  จะเจอคนหน้าตาดีเหมือนพระเอกนางเอกหนังถึง   8 คน   ที่นี่ถึงแม้จะเป็นประเทศมุสลิม  แต่ผู้คนก็ดูทันสมัยไม่ค่อยอนุรักษ์นิยมเหมือนอย่างประเทศตะวันออกกลางอื่นๆ

ผู้ชายส่วนใหญ่ใส่ชุดสากล  ไม่ค่อยเห็นใครใส่ชุดขาวยาว  โพกหัวด้วยผ้าตารางหมากรุกสักเท่าไหร่  วัยรุ่นชายจะใส่กางเกงยีนส์กันเป็นปกติ   ทรงผมด้านข้างจะไถเกรียน  ด้านบนปล่อยยาวแล้วเสยผมขึ้นตีโป่ง  เหมือนทรงผมของพระเอกหนังยุค 60  ถ้าสูงวัยหน่อยจะตัดรองทรง ไว้หนวดเคราเฟิ้ม   แถมหัวล้านอีกต่างหาก  เลยไม่แน่ใจว่าที่เค้าไว้หนวดเคราเยอะขนาดนั้น  เพื่อทดแทนบางสิ่งที่หายไปหรือเปล่า  ส่วนผู้หญิงสูงวัยหน่อยจะค่อนข้างอวบ  ไม่ค่อยเห็นคนหุ่นสเลนเดอร์สักเท่าไหร่    ใส่เสื้อแขนยาวกระโปรงยาวถึงตาตุ่ม  สวมผ้าคลุมผมแต่ไม่ปิดหน้าปิดตา  ส่วนสาวๆ  มีใส่กางเกง  บางคนก็นุ่งยีนส์ใส่ท็อปบู๊ท   บางคนไม่ใส่ผ้าคลุมผมเลยก็มี นอกจากนี้ เมื่อก่อนเราจะเข้าใจว่าประเทศมุสลิมจะค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจะไปไหนมาไหนกันไม่ได้   แต่ที่นี่มีให้เห็นบ้าง   เราเห็นหนุ่มสาวพลอดรักกันแต่ไม่ใช่การจู๋จี๋นัวเนียอย่างที่คิดกันนะ   แค่เดินควงไม่มีจับมือถือแขน  บางคู่ก็นั่งตัวติดชิดกันก็มีให้เห็นบ้าง

อาหารทานได้มั้ย?

เมื่อพูดถึงอาหารอาหรับ  หลายคนคงนึกถึงกลิ่นของเครื่องเทศ ที่นี่ก็ไม่แตกต่าง  อาหารพื้นเมืองจะใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร   มีเครื่องเทศ  , สมุนไพร, กระเทียม, หัวหอม, มะเขือเทศและมะนาว เป็นเครื่องปรุงหลัก   และมักเสิร์ฟโยเกิร์ตแห้งมาพร้อมกับอาหาร    นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะลองทานพวกข้าวหมกเนื้อสัตว์   มีทั้งเนื้อแกะ  เนื้อลูกวัว  เนื้อไก่  ราดหน้าด้วยนมแพะสดๆ   โดยส่วนตัวชอบข้าวหมกไก่เป็นพิเศษเพราะเนื้อนุ่มละมุน  ตัวข้าวหอมกลิ่นเครื่องเทศแต่ถ้าทานมาก ๆ จะรู้สึกเลี่ยน  อีกเมนูที่ชอบคือ ฟาลาเฟล ( Falafel)  ทำจากถั่วชิกพี (Chick Pea) บดผสมหอมใหญ่  กระเทียม  ซาลารี่  เครื่องเทศ  ปั้นเป็นก้อนเอาไปทอด  หอมกรอบอร่อย  ถ้ามื้อไหนมี  “ฟาลาเฟล”  จะดีต่อใจมาก   ส่วนพวกซุปถั่ว, ซุปหัวหอม, มะกอกดอง  หรือ  โยเกิร์ตแห้ง  ก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่   ทำให้มีปัญหาเรื่องอาหาร    โชคดีที่พกพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, อาหารกระป๋อง,  น้ำพริก , น้ำสลัดงา  จากไทยไปด้วย  ช่วยต่อชีวิตได้    ถ้าหากขี้เกียจพกของ  แนะนำให้หาร้านอาหารฟาสฟู้ด หรือ ร้านอาหารยุโรปที่มีอยู่ตามเมืองท่องเที่ยว  จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ทานอาหารยาก

ช้อปอะไรดี? ที่จอร์แดน

ไปเที่ยวทั้งทีต้องมีของฝาก   ก่อนไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะซื้อของฝากอะไร   ไปถึงจึงพบว่าของที่ระลึกพวกภาพทำจากโมเสก   ขวดทรายสี   เครื่องประดับผสมหินและลูกปัด   ดูจะไม่ใช่ทางของเพื่อน ๆ  เราสักเท่าไหร่   ส่วนพวกโคลนจากทะเลเดดซีก็ดีนะ  แต่ก็หนักมากถ้าแบกกลับเยอะ น้ำหนักกระเป๋าเกินแน่นอน เลยตัดสินใจไป  ช้อปขนมในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะดีกว่ามีทั้งช็อกโกแลต, ถั่วทอด , มาร์ชแมลโลว์, อินทผาลัม, ลูกฟิกซ์ที่รสชาติดี  ราคาไม่แพง แถมถูกปากคนไทย  ต้องลองซื้อกันดู

คงจะพอคุ้นเคยกับประเทศจอร์แดนกันบ้างแล้ว   ก็ถึงเวลาขึ้นรถไปตะลุยทะเลทรายกัน จะสนุกตื่นเต้น  สะบักสะบอมขนาดไหน ต้องติดตามตอนต่อไป หนีไกลไปจอร์แดน…สู่แคว้นทะเลทราย  (ตอนที่  2)