เตรียมเสบียงสำรองความสุข ทำได้ในแบบไหนบ้าง

เมื่อตื่นมาเจอโลกที่วุ่นวายและข่าวสารชวนกุมขมับแต่เช้าตรู่ และจู่โจมให้อารมณ์เสียทั้งวัน บางครั้งเหมือนมีใครมาปิดตา ทำให้มองหาความสุขที่อยู่รอบตัวไม่เจอ หากเริ่มรู้สึกแบบนี้มากขึ้น อย่าปล่อยให้อารมณ์เหล่านั้นบั่นทอน ลองมาเตรียมตั้งกองกำลังความสุขแบบง่ายๆ แล้วจะรู้ว่าความจริงสิ่งดีๆ ก็อยู่รอบตัวเรานี่เอง


1. ’อาหาร’ ตัวช่วยที่สุขง่ายสุด


“อาหาร” เป็นที่พึ่งพิงเวลาที่คนเราต้องการผ่อนคลาย เพราะทุกคนเข้าถึงง่าย แค่ให้ลิ้นได้สัมผัสกับรสชาติที่อร่อย หรือแก้หิว สารเอ็นโดฟินก็ทำงานให้ร่างกายมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกนิด อาหารที่ดีไม่ใช่อาหารที่ต้องแพงเสมอไป อาจมาจากการซื้อวัตถุดิบราคาประหยัด แต่ได้ลงมือปรุงเอง หรืออุดหนุนร้านอาหารข้างทางเจ้าประจำ ก็สร้างความสุขได้ไม่แพ้กัน


2. ธรรมชาติรอบตัวช่วยแบ่งรอยยิ้มได้


การเคลื่อนย้ายของสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ แค่เพียงลองมองตาม อาจสร้างรอยยิ้มให้เราได้โดยไม่รู้ตัวในวันที่ต้องการพักสมอง เช่น มองท้องฟ้า ชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก ดูก้อนเมฆที่เคลื่อนลอย สังเกตสายฝน ยกมือถือถ่ายรูปสายรุ้งที่พาดผ่าน ฟังเสียงนกร้อง แม้จะดูเหมือนไร้จุดหมาย แต่เป็นการใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ปลดปล่อยความเครียด และถือเป็นการทำสมาธิดีท็อกซ์จิตใจได้ครู่หนึ่ง


3. สุขในการเป็นผู้ให้


การรู้จักแบ่งปันหรือเป็นผู้ให้มักสร้างความอิ่มใจให้เกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะการให้โดยปราศจากความคาดหวัง เมื่อวันใดมีโอกาสได้รับกลับมาแบบไม่ทันตั้งตัว ก็จะยิ่งสร้างความสุขและพลังใจให้กลับมาได้อีกหลายเท่า และการให้ผู้อื่น ไม่จำเป็นที่เราต้องมีทรัพย์สินเงินทองพร้อมแล้วจึงทำได้ แต่มีน้อยให้น้อย มีความรู้ให้ความรู้ โดยไม่ต้องเกี่ยวกับเงินทองก็ทำได้เช่นกัน


4. ขอพื้นที่เป็นเด็กในบางเวลา


เพราะโลกของเด็กมีแต่ความสดใส ไม่ต้องคิดมาก ได้เล่น ได้สนุก ได้เรียนรู้กับสิ่งที่เพิ่งค้นพบ ไม่ต้องคิดประโยคเชิงซ้อนหรือต้องเลือกมุมในการแสดงออกต่อสังคม หรือกังวลต่อสิ่งที่จะเกิดในภายภาคหน้ามากเกินไป นานๆ ครั้งลองปลดปล่อยตัวเองแบบนั้นบ้าง อาจเจอพลังสร้างสรรค์ใหม่ๆ ขึ้นมาก็ได้

happy-stock-for-life-01

5. เข้าใจว่าโลกเปลี่ยนแปลงเสมอ


จากเด็ก วัยรุ่น จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะเห็นวงจรการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ถ้าไม่ยึดติดกับความสุขในอดีต และไม่กังวลกับอนาคตมากเกินไป จะเห็นและเข้าใจว่าไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม และแต่ละวัยที่ก้าวเดินล้วนมีเป้าหมายชีวิตที่ต่างกันทั้งสิ้น


6. ลดการเปรียบเทียบกับคนอื่น


เพราะบริบทการเติบโต การใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน การเฝ้าดูชีวิตคนอื่นควรเป็นไปเพื่อเป็นสร้างแรงบันดาลใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมี ต้องเป็น หรือทำให้ได้เหมือนใครเขา เพราะนั้นจะกลายเป็นแรงสร้างความกดดันให้กับการใช้ชีวิต


7. หาข้อดีและชื่นชมตัวเอง


ทุกคนย่อมมีด้านดีและด้านร้ายในตัวเอง มากน้อยต่างกันไป นอกจากพยายามขจัดมุมร้ายๆ ในตัวเองลงแล้ว พยายามให้กำลังใจสิ่งที่เป็นเรื่องดีของตัวเอง ลองมองตัวเองให้ลึกและชื่นชมสิ่งเหล่านั้น หรือบางครั้งลองให้รางวัลตอบแทนตัวเองบ้าง หัวใจจะได้รู้สึกอบอุ่น และมีกำลังใจในการทำดีกลบความคิดร้ายให้น้อยลง


8. กายสัมผัสก็รับรู้ถึงหัวใจ


พื้นฐานคนเราต้องการกำลังใจและความอบอุ่นจากผู้อื่น เมื่อรู้สึกอ่อนแอแค่เพียงหาคนโอบบ่า ให้พิงไหล่ หรือให้อ้อมกอด โดยไม่ต้องพูดออกมา ภาษากายจะทำหน้าที่อย่างแรงกล้า สร้างกำลังใจได้มหาศาล ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์เสมอไป เราอาจหากำลังใจเหล่านี้จากสัตว์เลี้ยงที่เรารัก ให้การดูแลอยู่ประจำ มันอาจจะทำให้เราอบอุ่นใจในวันเหนื่อยล้าได้เช่นกัน

9.เลือกสร้างสุขภาพที่ดีให้ตัวเอง


ไม่ว่าจะเป็นจากการรับประทานอาหารที่ดีและปลอดภัย หรือสร้างร่างกายให้แข็งแรง เช่น การออกกำลังกาย หรือใช้แรงทำงานบ้าน ปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ ทุกครั้งที่เหงื่อได้ออก ร่างกายและจิตใจเหมือนได้รีเฟรชอีกครั้งหนึ่ง


10. เติมเต็มด้วยการท่องเที่ยว


การเดินทางมักทำให้เราพูดคุยหรือเห็นตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะแบกเป้ไปคนเดียว หรือจะไปกับครอบครัวที่รัก หรือเพื่อนเกลอ ต่างทำให้เกิดความสุขระหว่างทางได้ไม่น้อย แม้กลับมาแล้ว อารมณ์เหล่านั้นก็จะเป็นความทรงจำมีค่า ทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่แสนดีในวันที่ต้องการกำลังใจ


11. สร้างคุณค่าให้ตัวเอง


ยิ่งคนวัยเกษียณยิ่งต้องเตรียมเสบียงความสุขให้มากขึ้น ในเมื่อชีวิตไม่เคยอยู่นิ่งตลอดหลายสิบปี แล้วจะยอมให้ตัวเองไร้คุณค่าไปทำไม ลองหากิจกรรมเพื่อสร้างความสุขแบบเหมาะกับตัวเอง และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ เช่น เป็นวิทยากร เป็นจิตอาสา ถ่ายทอดประสบการณ์ให้คนรุ่นหลัง หรือใช้เวลาที่ต้องอยู่บ้านมาทำโฮมสเตย์ สร้างกิจกรรมท้องถิ่น คอยรับคนรุ่นใหม่เสียเลย


12.ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว


ทุกคนย่อมกลัวตาย เพราะการจากลาเป็นเรื่องของความอาลัยและโศกเศร้า แต่ถ้าลองปรับมุมมองและเข้าใจชีวิตว่าทุกคนต้องจากคนที่รัก ชีวิตที่เหลืออยู่ ควรใช้ให้มีความสุขเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเต็มที่ เราอาจจะไม่ต้องเสียดายที่วันหนึ่งต้องหมดลมหายใจไป


ชีวิตหนึ่งเกิดมาล้วนมีความหมาย ปล่อยตัวเองจมกับความทุกข์ไปก็เหมือนนั่งอยู่กับชีวิตที่กำลังมอดดับ แต่หากหาความสุขให้ตัวเองได้แบบไม่กระทบต่อผู้อื่น และแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับคนรอบตัว เสบียงความสุขเราอาจไม่ได้มีคุณค่าแต่ในโลกแคบของเราคนเดียว

ที่มา
https://adaybulletin.com/life-lesson-lessonlearned-meaningful-life/45452
https://goodlifeupdate.com/healthy-body/210655.html
https://www.facebook.com/kendekthai/posts/1001014003271119/
https://becommon.co/life/happiness-is-all-around/