วางกลยุทธ์ลงทุน ยุคดอกเบี้ยขาลง

ทันทีที่มีกระแสข่าวว่า ธนาคารกลางเตรียมประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไม่ว่าจะปรับขึ้นหรือปรับลง ทำให้นักลงทุนต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงหากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับจริง โดยเฉพาะการปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ย


อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นนโยบายทางด้านการเงิน โดยมีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำหน้าที่พิจารณาตัดสินว่าจะปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยใช้ข้อมูลล่าสุดทั้งด้านการเงิน การคลัง การต่างประเทศ การใช้จ่ายของภาคเอกชน และการผลิต รวมถึงปัจจัยต่างๆ ​ที่จะกระทบราคาสินค้าและบริการ เช่น ราคาน้ำมันโลกหรือราคาสินค้าเกษตรโลก ตลอดจนความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน และยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเพื่อปรับขึ้นหรือปรับลง เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ดุลการค้า ดุลการคลัง กระแสเงินทุนไหลเข้าออก สถานการณ์ทางการเมือง เป็นต้น จากนั้น กนง. จะพิจารณาประมาณการแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ และตัดสินนโยบายการเงินว่าจะปรับขึ้นคงที่หรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย       

 

โดยหลักแล้วหากมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แสดงว่าช่วงนั้นเศรษฐกิจเติบโต ราคาสินค้าปรับสูงขึ้นทำให้อัตราเงินเฟ้อขยับขึ้น แต่กำลังซื้อของประชาชนเริ่มลดลง (เงินเท่าเดิม แต่ซื้อของได้น้อยลง เพราะราคาสินค้าปรับขึ้น) กนง. จึงพยายามลดอัตราเงินเฟ้อให้ปรับลดลง ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย


หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย) แสดงว่าในช่วงนั้นภาวะเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ประชาชนไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย กนง. จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว


เมื่อไหรที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะปรับขึ้นหรือปรับลงย่อมกระเทือนต่อสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องปรับแผนการลงทุนเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ และจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีโอกาสที่ กนง. จะพิจารณาตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ดังนั้น มาดูกันว่าสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอะไรที่เหมาะกับยุคดอกเบี้ยขาลง

1. ตราสารหนี้

ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยและมูลค่าของตราสารหนี้ จะมีลักษณะแปรผกผันต่อกัน คือ เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น มูลค่าของตราสารหนี้จะลดลง ในทางกลับกันเมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลง มูลค่าของตราสารหนี้จะสูงขึ้น ดังนั้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนตราสารหนี้ นักลงทุนต้องปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์


ดังนั้น ในช่วงแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น จึงควรลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือสั้นเพื่อลดโอกาสที่จะขาดทุนจากราคาตราสารหนี้ที่ต่ำลง และในทางกลับกันช่วงแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงก็ควรเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวๆ เพื่อรับผลประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่สูงขึ้น


อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการลดลงของราคาเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง จะไม่มีผลกับผู้ที่ถือตราสารหนี้จนครบกำหนด เพราะจะได้รับเงินต้นคืนครบตามมูลค่าหน้าตั๋ว แม้ว่าราคาตลาดระหว่างทางของพันธบัตรอาจเคลื่อนไหวขึ้นลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยก็ตาม

 

2. กองทุนรวมอสังหาฯ และ REITs

ในช่วงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นขาลง กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) จะได้รับความนิยมจากนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากลักษณะธุรกิจที่เป็นการปล่อยเช่า ทำให้รายได้หลักจากทั้งสองกองทุน คือ ค่าเช่า จากนั้นกองทุนก็จะนำค่าเช่ามาจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนในรูปเงินปันผล


และตามกฎกติกา นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลอย่างน้อย 90% ของกำไรสุทธิ ที่สำคัญมักจ่ายเงินปันผลไตรมาสละ 1 ครั้ง เช่น ถ้ากองทุนมีกำไรสุทธิ 100 บาท จะต้องนำมาจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนอย่างน้อย 90 บาท ดังนั้น กองทุนรวมอสังหาฯ และ REITs จึงเหมาะกับยุคดอกเบี้ยขาลง เพราะนักลงทุนยังได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

 

3. หุ้นและกองทุนรวมหุ้น

เมื่ออัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง ตลาดหุ้นจะคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนโยกเงินเข้ามาลงทุนมากขึ้น เพราะมีต้นทุนทางการเงินต่ำจากระดับอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นจะอยู่ในระดับสูง แต่ความเสี่ยงก็สูงขึ้นตามไปด้วย


ดังนั้น หากนักลงทุนสนใจลงทุนหุ้นแต่รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมากนัก ทางออก คือ ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนคอยดูแลเงินลงทุน ช่วยกรองความเสี่ยงอีกขั้นหนึ่ง เป็นการลดการขาดทุนจากราคาหุ้นตกได้ส่วนหนึ่ง


ถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเป็นขาลง รวมถึงเศรษฐกิจชะลอตัว หากจัดพอร์ตลงทุนได้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะลดความเสี่ยงได้ ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าประทับใจ แต่หลายๆ คนอาจยังไม่มั่นใจในการเลือกลงทุน หรืออาจจะไม่มีเวลาพอที่จะเปิดพอร์ตลงทุนในกองทุนที่ตัวเองสนใจกับหลายๆ สถาบันการเงิน ก็หายห่วงได้ เพราะวันนี้เรื่องการลงทุนจะง่ายขึ้นด้วยแอป EASY INVEST จากบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ซึ่งมีกองทุนรวมแนะนำที่คัดสรรมาแล้วจากหลากหลาย บลจ. โดยผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้คุณเลือกกองทุนรวมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสียเวลาไปเปิดบัญชีกับทุก บลจ. เพียงมีแอป EASY INVEST เปิดแค่บัญชีเดียว ก็สามารถเลือกซื้อกองทุนรวมได้มากกว่า 17 บลจ.และมีกองทุนรวมให้เลือกกว่า 1,200 กองทุน แค่นี้โลกการลงทุนก็เปิดกว้างและง่ายดายขึ้น

หรือถ้ายังไม่มั่นใจที่จะลงทุนด้วยตัวเอง แอป EASY INVEST ก็ยังมีบริการ ROBO ADVISOR ที่จะช่วยออกแบบและบริหารพอร์ตกองทุนรวมให้อัตโนมัติ เพื่อสร้างพอร์ตลงทุนที่เหมาะกับผู้ลงทุน ภาวะตลาด และความเสี่ยงของผู้ลงทุน อีกทั้งยังช่วยปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมอยู่เสมอ ทำให้เงินของคุณงอกเงยในภาวะดอกเบี้ยขาลงเช่นนี้


สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมแอป EASY INVEST ได้จาก http://www.scbs.com/easyinvest  หรือดาวน์โหลดแอป EASY INVEST เพื่อเปิดกว้างโลกการลงทุนให้เป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว