พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ควรเลือกลงทุนแบบไหนดี

ผลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคของ  McKinsey & Company ตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ช่วงล็อคดาวน์ มาจนถึงตอนนี้ที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ พบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคได้เข้าสู่ภาวะปกติใหม่ (New Normal) อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน 5 ประการ คือ
 

1. Shift to Value and Essentials

ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับมูลค่าและความจำเป็นมากขึ้น เพราะรับรู้ว่าวิกฤติ COVID-19 มีผลกระทบต่อรายได้และเศรษฐกิจทั่วโลก และยังไม่แน่ใจว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยซื้อแต่อาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภคเท่าที่จำเป็น
 

2. Flight to Digital and Omnichannel

ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น แม้ว่าหลายๆ ธุรกิจจะกลับมาเปิดตามปกติแล้วก็ตาม นอกจากนี้การให้บริการส่งสินค้าถึงบ้าน การซื้อของโดยไม่ต้องลงจากรถ รวมถึงการบริการอื่นๆ ที่เลี่ยงการสัมผัสหรือใช้ระบบดิจิทัลจะได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคในระยะยาว
 

3. Shock to Loyalty

ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแบรนด์น้อยลง และเลือกซื้อของโดยดูมูลค่า ความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้า และคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก

4. Health and “Caring” Economy

ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและมาตรฐานสุขอนามัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อจะต้องมีการทำความสะอาดและมีการรักษาระยะห่างที่ชัดเจน นอกจากนี้ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย หรือซื้อสินค้าจากบริษัทที่แสดงความใส่ใจและห่วงใยพนักงาน รวมไปถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย


5. Homebody Economy

ผู้บริโภคใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะทำงาน เรียน ซื้อของ หรือหาสิ่งบันเทิงออนไลน์ และจากผลสำรวจ 70% ของผู้บริโภคยังไม่พร้อมที่จะกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านอย่างที่เคย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงรับฟังคำแนะนำจากหน่วยงานทางการแพทย์ในเรื่องมาตรการความปลอดภัยและความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน


เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป แน่นอนว่าการเลือกลงทุนย่อมเปลี่ยนแปลงไป

 

การเลือกหุ้นลงทุนช่วง New Normal ระยะสั้น

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเติบโตขึ้นทุกวัน เนื่องจากผู้บริโภคยังคงทำกิจกรรมส่วนใหญ่ในบ้าน แต่ยังคงต้องติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมออนไลน์ การเรียนการสอนแบบ Virtual Learning การซื้อสินค้าออนไลน์ ส่งผลให้ธุรกิจนี้มีการพัฒนาและเติบโตขึ้นตามลำดับ


กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
จากการปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นยอดขายของหลายบริษัท รวมกับความต้องการของตลาดแนวราบของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้เติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะยอดขายที่มากขึ้นของบ้านจัดสรรที่สร้างเสร็จแถวกรุงเทพ ปริมณฑล และตามภูมิภาค

การเลือกหุ้นลงทุนช่วง New Normal ระยะยาว

กลุ่มธุรกิจการแพทย์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องสุขภาพกลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตต่อไปได้อีกในระยะยาว โดยกลุ่มธุรกิจนี้ครอบคลุมไปถึงการให้บริการรักษาพยาบาล การปรึกษาปัญหาสุขภาพออนไลน์ การคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และการคิดค้นวัคซีน


กลุ่มธุรกิจอี คอมเมิร์ช
การปรับตัวของผู้บริโภคที่หันมาซื้อของออนไลน์ หรือผ่านทางแอปพลิเคชันทำให้ธุรกิจอี คอมเมิร์ชทั่วโลกขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสามารถลงทุนต่อเนื่องได้ในระยะยาว เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามความสะดวกสบาย และรวมถึงการกระตุ้นการขายของผู้ประกอบการ


การเลือกหุ้นลงทุนช่วง Next Normal

สำหรับการลงทุนช่วง Next Normal เน้นให้นักลงทุนศึกษาหุ้นยั่งยืน ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ส่วน

1. Environment

บริษัทที่ใช้ทรัพยากรอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม

2.Social

บริษัทที่ดูแลพนักงานอย่างเป็นธรรม และเสมอภาค

3. Governance

บริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดี โปร่งใส ส่งเสริมการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และสร้างผลประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้น


นอกจากนี้นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการที่มีวัฒนธรรมองค์กร  เน้นย้ำในเรื่องความคล่องตัว (Agility) สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพราะนักลงทุนไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นอีกบ้างในอนาคต