ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
โกอินเตอร์! เปิดประตูสู่การลงทุนต่างประเทศกับ Index Fund ทำไมจึงน่าสนใจ
โดยทั่วไปแล้วกองทุนดัชนี หรือ Index Fund หรือ Passive Fund ก็คือกองทุนที่ถูกออกแบบมาโดยให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนีตลาดที่ต้องการลอกเลียนแบบ ซึ่งปกติการลงทุนของกองทุนรวมดัชนีจะประกอบไปด้วยสินทรัพย์ทุกตัวในตลาดนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศไทยเรามีกองทุน SET50 Index จะประกอบไปด้วยการลงทุนในหุ้นทั้ง 50 ตัวทั้งหน้าหุ้น และน้ำหนักการลงทุนที่ประกอบขึ้นเป็นดัชนี SET50 Index นั่นเอง โดยผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการให้ราคาของกองทุนดัชนีเคลื่อนไหวในทิศทางใกล้เคียงกับดัชนีให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น หากดัชนี SET50 Index ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง +/- 5% กองทุนดัชนีก็ควรเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงในระดับเดียวกัน ก็จะถือว่าการบริหารจัดการกองทุนมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามกองทุนประเภทดัชนีไม่ได้มีเพียง SET Index หรือ SET50 แต่ยังมีกองทุนรวมดัชนีหุ้นในต่างประเทศอยู่ด้วย อีกทั้งยังมีการเติบโตอย่างมาก อย่างเช่นในตลาดสหรัฐฯ จากรายงานของ Fed พบว่ากองทุนประเภท Passive ในเดือนมีนาคม 2020 มีสัดส่วนถึง 41% ของตลาดกองทุนรวมสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 1995 และ 14% ในปี 2005
สิ่งที่ทำให้การลงทุนในดัชนีต่างประเทศมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือ โอกาสการเติบโตของผลกำไร โดยจะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ปี 2518 เป็นต้นมา ดัชนีตลาดต่างประเทศอย่างสหรัฐฯ จีน หรือยุโรป เช่น S&P 500, STOXX 600 หรือ CSI 300 มูลค่าตลาดยังคงปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 40-60% ทั้งๆ ที่ประสบกับปัญหาวิกฤตโควิด-19 ซึ่งหลังจากการระบาดของโควิด-19 ผ่านพ้นไป มีโอกาสที่พฤติกรรมการบริโภคอาจถูกปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นอย่างถาวร ทำให้การลงทุนใน SET Index เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์โครงสร้างเศรษฐกิจที่จะปรับเปลี่ยนไป จึงควรกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศด้วย
สำหรับแนวโน้มตลาดในอนาคตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ในขณะที่จีนยังได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชากรอย่างรวดเร็ว ในส่วนของตลาดยุโรปนั้น ก็นับว่าเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
ซึ่งปัจจุบันโอกาสในการลงทุนหุ้นต่างประเทศมีมากขึ้นสำหรับนักลงทุนชาวไทยเมื่อเทียบกับในอดีตที่นักลงทุนซื้อกองทุนได้เพียงแค่กอง SET เท่านั้น แต่ปัจจุบันได้มีบริษัทจัดการ (บลจ.) นำเสนอกองทุนที่ลงทุนในตลาดต่างประเทศ โดยเทียบวัดกับดัชนีหลากหลายตลาดกันอย่างแพร่หลายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ดัชนีตลาดสหรัฐฯ เช่น S&P 500, Dow Jones หรือ Nasdaq ดัชนีตลาดยุโรป เช่น STOXX 600 หรือ STOXX 50 และดัชนีตลาดจีน เช่น A-Share, H-Share และ CSI 300 เป็นต้น สำหรับนักลงทุนที่ต้องการให้พอร์ตเติบโต อาจพิจารณากองทุนดัชนีต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น และควรถือครองระยะยาวเพื่อโอกาสทำกำไรที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรประเมินความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองก่อนลงทุนด้วย
ทั้งนี้ การลงทุนผ่านกองทุนรวมดัชนีจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการเริ่มลงทุน รวมถึงนักลงทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนอยู่แล้ว และต้องการกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นต่างประเทศที่เราไม่คุ้นเคย และไม่สามารถติดตามผลประกอบการของหุ้นรายตัวได้อย่างทั่วถึง โดยกองทุนรวมดัชนีต่างประเทศ หรือ Index Fund ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งในทางเลือกลงทุนที่ดีเช่นกัน
บทความโดย คุณยุทธพล วิทยพาณิชกร Executive Director, กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์ และกองทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด
ที่มา : The Standard Wealth