การจัดพอร์ตลงทุนแบบ All Terrain Portfolio

ต้องยอมรับว่าความผันผวนจะยังคงคอยรบกวนการลงทุนเป็นระยะ ๆ ดังนั้น เพื่อรักษาผลตอบแทนและพยายามลดความเสี่ยง นักลงทุนต้องหากลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะบางจังหวะจะราบรื่นและง่ายต่อการประเมิน แต่บางครั้งก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ส่งผลลบต่อพอร์ตลงทุน ดังนั้น จึงควรวางแผนการจัดสรรเงินลงทุนไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง


สำหรับกลยุทธ์ลงทุนสำคัญประการหนึ่งภายใต้ตลาดผันผวน คือ การจัดพอร์ตในสินทรัพย์การลงทุนหลากหลายและกระจายลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หรือเรียกว่า All Terrain Portfolio โดยเหตุผลสำคัญที่ควรจัดพอร์ตแบบนี้ เนื่องจากสินทรัพย์การลงทุนแต่ละประเภทจะให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันในแต่ละสถานการณ์ เช่น ในช่วงเศรษฐกิจดี ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ A จะดีกว่าสินทรัพย์ B หรือในช่วงเศรษฐกิจหดตัว ผลตอบแทนสินทรัพย์ B และ C จะดีกว่าสินทรัพย์ A เป็นต้น เช่นเดียวกันผลตอบแทนจากการลงทุนของแต่ละภูมิภาคหรือแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกันอีกด้วย


ดังนั้น หากจัดพอร์ตการลงทุน All Terrain Portfolio ทำให้มีการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายตามไปด้วย จึงมีโอกาสให้เกิดการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี ขณะเดียวกันสามารถลดความผันผวนภายใต้สถานการณ์แตกต่างกัน


ตัวอย่าง ผลตอบแทนแต่ละสินทรัพย์

ที่มา : www.novelinvestor.com

หมายเหตุ

  • YTD คือ ผลตอบแทนการลงทุนปี 2564 ณ 30 มิถุนายน ปี 2564
  • Lg Cap คือ หุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ของดัชนี S&P500
  • Sm Cap คือ หุ้นกลุ่มขนาดเล็กของดัชนี Russell 2000
  • Int’l Stk คือ ดัชนี MSCI EAFE เป็นตลาดหุ้นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
  • EM คือ ดัชนี MSCI Emerging Market เป็นตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่
  • REIT คือ ดัชนี FTSE NAREIT All Equity เป็นดัชนีของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่รวมถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)
  • HG Bnd คือ ดัชนี Bloomberg Barclays U.S. Agg เพื่อวัดผลตอบแทนตราสารหนี้ที่ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือระดับสูง
  • HY Bnd คือ ดัชนี ICE BofA US High Yield เพื่อวัดผลตอบแทนตราสารหนี้ที่ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับน่าลงทุน
  • Cash คือ ดัชนี S&P U.S. Treasury Bill 0 – 3 Mth เพื่อวัดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุสั้น

จากภาพ แสดงถึงผลตอบแทนและการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มของสินทรัพย์การลงทุนหลายประเภทในช่วง 15 ปีย้อนหลัง (ปี 2549 – 2563 และ ณ 30 มิถุนายน ปี 2564) พบว่าสินทรัพย์ประเภทเดียวกันจะสร้างผลตอบแทนไม่สม่ำเสมอ เช่น ปี 2549 REIT ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่ปีถัดมากลับสร้างผลตอบแทนต่ำสุด หรือในปี 2560 – 2563 หุ้นกลุ่มขนาดเล็ก ผลตอบแทนไม่โดดเด่น แต่ปี 2563 - ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้โดดเด่นอย่างมาก เป็นต้น


สำหรับขั้นตอนการจัดพอร์ต All Terrain Portfolio เริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมาย โดยหากต้องการเน้นความปลอดภัยและผลตอบแทนระดับต่ำ ควรเน้นลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินสด พันธบัตรรัฐบาล เราอาจเลือกพอร์ตที่ลงทุนแต่ในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ที่ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือระดับสูง


หากต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ควรเน้นลงทุนตราสารหนี้ที่ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือระดับสูง, REITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงหุ้นที่มีนโยบายลงทุนหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ


หากต้องการผลตอบแทนสูง ควรเน้นลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตราสารหนี้ที่ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับน่าลงทุน หุ้นขนาดเล็ก ทองคำ


เมื่อกำหนดสินทรัพย์การลงทุนแล้ว ก็ต้องเลือกประเทศด้วยการลงทุนในตลาดที่ยังคงให้ผลตอบแทนระดับน่าสนใจ ซึ่งต้องศึกษาข้อมูลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความหลากหลายของสินทรัพย์ลงทุนประกอบการตัดสินใจ


อย่างไรก็ตามนักลงทุนรายย่อยอาจมีข้อจำกัดในการจัดพอร์ต All Terrain Portfolio เนื่องจากต้องอาศัยข้อมูลและความเชี่ยวชาญทั้งการเลือกสินทรัพย์และเลือกประเทศลงทุน ดังนั้น อาจเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ในแต่ละประเทศตามที่ต้องการ


การวางแผนจัดสรรเงินลงทุนไปในสินทรัพย์และหลากหลายประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง ตามคำกล่าวที่ว่า “อย่าใส่ไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียว” เพราะเมื่อเกิดความเสียหายจะได้ไม่สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ดังนั้น การรู้ถึงความสามารถในการรับความเสี่ยง สินทรัพย์และประเทศที่ลงทุน รวมถึงลักษณะการจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก