เปลี่ยน Mindset การทำงานยังไงในยุค New Normal?

เมื่อคลื่นเทคโนโลยีโถมสร้างแรงกระเพื่อมต่อชีวิตและการทำงานทุกตำแหน่ง ใครยังไม่คิดตื่นตัวเรียนรู้ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงถูกซัดให้จมหายจากโลกแห่งการทำงาน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว! แต่สิ่งนี้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว


ถึงเวลาเปลี่ยนวิธีคิดและการทำงานแบบตกยุค แล้วมาหัดเรียนทักษะการลอยตัวในน่านน้ำใหม่ๆ หรือว่ายน้ำให้แข็งแรงขึ้นในยุคเทคโนโลยีเชี่ยวกรากกันดีกว่า

unlearn-relearn-01

1. “สำรวจตัวเองว่าทันโลกหรือยัง” ถามตอบตัวเองให้ชัดว่า ตอนนี้เราอยู่ส่วนไหนของทีม องค์กร หรือสังคม หากรู้สึกว่าเหมือนไม่ได้อยู่โลกใบเดียวกันกับพวกเขา อย่างเช่นเวลาตั้งวงคุยกัน เรายังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่า เดี๋ยวนี้มันมีอย่างนี้ด้วย? นี่อาจเป็นตัวชี้วัดได้อย่างหนึ่งว่า เราน่าจะล้าหลังไปแล้ว


2. “สวมบทวัยละอ่อนขี้สงสัย” ลองสวมหัวใจเด็กเมื่อเจอสิ่งแปลกใหม่บนโลกนี้ แล้วยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สงสัย และคำถามมากมายว่า นี่คืออะไร เกิดขึ้นอย่างไร ทำไมทำแบบนี้ ช่วยโลกได้จริงหรือ ข้อดีหรือข้อเสียคืออะไร เราจะคิดอย่างอื่นที่ดีขึ้นไปอีกมาตอบโจทย์ได้หรือไม่ เพราะการฝึกคิดและตั้งคำถามจะเป็นตัวกระตุ้นเตือนให้เราตื่นตัว และอยากค้นหาคำตอบเสมอ


3. “โลกธุรกิจที่พร้อมดีดตัวเป็น10X” ไม่ว่าจะอุตสาหกรรมไหน มีขนาดธุรกิจเท่าไร ต่างก็พร้อมหาพันธมิตรหรือใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจให้ดีดตัวได้ไกลหรือเติบโตอีก 10 เท่า อย่างเช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ตั้ง SCB 10X (เอสซีบี เท็นเอกซ์) มาดูแลบริษัทเทคโนโลยีในเครือ และพร้อมลงทุนธุรกิจหาพันธมิตรที่จะช่วยให้ SCB เติบโตแบบก้าวกระโดดได้ทุกเมื่อ นี่ขนาดหน่วยงานใหญ่ยังพร้อมที่จะขยับให้ไว แล้วตัวเรายังจะอยู่เฉยได้อีกหรือ

4. “คนปรับตัวคือผู้อยู่รอด” ไม่ว่าโลกจะถูกเขย่าด้วยเทคโนโลยีรุนแรงขนาดไหน หรือวิกฤตจะมาเยือนกี่รอบของช่วงชีวิต สิ่งสำคัญคือต้องปรับตัวให้ไว เหมือนตอนที่ประเทศต้องปิดเพราะโควิด-19 ร้านชาบูหรือหมูกระทะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์แจกหม้อหรือให้กระทะแบบยกเซ็ทให้ลูกค้าถึงบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงนอนนับรายได้ศูนย์บาทเมื่ออยู่เฉยๆ


5. “Unlearn สิ่งที่ไม่จำเป็น” ทักษะไหนควรโยนทิ้งเพราะตกยุคแล้ว แม้จะตัดความเคยชินเดิมทิ้งได้ยากแต่ก็ต้องทำ หรือต้องละทิ้งทฤษฎี เลิกยึดติดสิ่งที่เคยรู้มาก่อน เช่น เลิกระบบงานที่ต้องรอข้างบนเคาะระฆังอนุมัติโครงการลงมาเป็นขั้นบันได ที่อาจเชื่องช้าไม่ทันใจ ปัจจุบันมีแนวคิดทำงานใหม่ Agile ที่ทีมสามารถลองคิดและปฏิบัติทีละขั้นในหลายแผนพร้อมกัน เผื่อไว้ให้การล้มและลุกใหม่ได้ไว ถ้าไอเดียไหนแจ่มจรัส ก็ปรับเพิ่มเป็นแผนงานหลักได้ทันที

6. “Relearn เปิดใจรับสิ่งใหม่” เพราะทักษะที่เคยสำเร็จในอดีตไม่ได้การันตีว่าความสำเร็จในบริบทของวันข้างหน้า การเปิดประตูใจเรียนรู้สิ่งใหม่จึงสำคัญกว่า เช่น หาทักษะทางออนไลน์ในสายงานอื่นไว้ประดับสมอง เช่น ฝ่ายการตลาดไปเรียนรู้งานระบบหลังบ้านของฝ่ายขาย หรือฝ่ายกลยุทธ์ลองหันมาดูวิธีการทำงานของฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ จะทำให้เข้าใจลักษณะงานของอีกฝ่ายมากขึ้น นำไปสู่การสอดประสานและไอเดียบรรเจิดของกลยุทธ์ร่วมระหว่างแผนก


7. “อย่ายกธงขาวให้กับปัญหา” จงหาโอกาสเอาชนะปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการ Unlearn ของเก่าเพื่อ Relearn ทักษะใหม่เติมไฟในตัว อาจไม่ง่ายสำหรับคนที่ชอบอยู่นิ่ง หรือเป็นยาขมสำหรับคนที่ไม่คล่องเทคโนโลยี แต่เมื่อเทรนด์การพัฒนาทักษะแบบดิจิทัลก้าวมายึดครองทุกบริบทแล้ว ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงานแล้ว คงยากที่จะปฏิเสธพ้น ดังนั้นควรลอยคอเรียนรู้ไปกับมันให้ได้ ถือเป็นดีที่สุด


มีคำกล่าวว่าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป แต่ยุคนี้ชีวิตอาจจบสิ้นอย่างรวดเร็ว หากยังดิ้นอยู่ในกรอบการทำงานและทักษะแบบเก่า โดยไม่รับรู้ว่าโลกหรือตลาดต้องการคนที่มีทักษะแบบไหน