เทคนิคการบริหารธุรกิจโรงแรม – มุมมองจากธนาคารและนักบัญชี

ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงซึ่งเป็นผลมาจากสงครามทางการค้าและภาวะเศรษฐกิจโลกทำให้ภาคการท่องเที่ยวในบ้านเราได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวในบางตลาดปรับตัวลดลง หรือบางตลาดปรับกลุ่มการเดินทางท่องเที่ยว เช่น จากตลาดจีนจากการเดินทางท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่มีผู้นำทัวร์เปลี่ยนเป็นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองหรือที่เรียกว่า F.I.T (Free Individual Traveler) มากขึ้น ทำให้เราเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนลดลง นอกจากภาพรวมเศรษฐกิจที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น ทำให้ประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอื่นในรอบบ้านเราจึงดูมีราคาสูงขึ้นเนื่องจากค่าเงินที่เปลี่ยนแปลง

แล้วถ้าหากธุรกิจโรงแรมจะผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ จะมีปัจจัยอะไรบ้างในมุมมองของธนาคารผ่านผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม โดยคุณกองแก้ว บุญประสิทธิ์ และคุณราชิต ไชยรัตน์ นักบัญชีเจ้าของแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง AccRevo จะให้คำแนะนำเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมอย่างไรกันบ้าง เรามาดูกันทีละประเด็นกัน


สำหรับธนาคารแล้วปัจจัยที่สำคัญในการทำธุรกิจให้สำเร็จประกอบด้วย


1. การวางแผนการลงทุนที่รัดกุมสำหรับโครงการที่เริ่มใหม่

  • การวางแผนที่รัดกุมเริ่มตั้งแต่ความถูกต้องของที่ดินที่จะใช้ทำโครงการ เอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ถูกต้องครบถ้วน ตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินไม่มีกฎหมายห้ามในการสร้างและประกอบธุรกิจประเภทโรงแรม ไม่รุกล้ำที่ดินตามประกาศกระทรวงทรัพยากรแห่งชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

  • แหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้ทำโครงการ สำหรับธนาคารแล้วเรามองว่าการที่ธนาคารเข้าไปสนับสนุนในโครงการใดโครงการหนึ่งคือการที่เราเข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมลงทุนในธุรกิจกับลูกค้า เมื่อเราร่วมลงทุนกับลูกค้าแน่นอนว่าเราต้องช่วยกันดูแลโครงการอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มลงทุนจนถึงเปิดให้บริการและตลอดระยะเวลาที่ธุรกิจเปิดให้บริการ

  • การวิเคราะห์สินเชื่อของธนาคารนับเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญในการพิจารณาผ่านหลักเกณฑ์ต่าง ๆเพื่อให้มั่นใจว่าโครงการนั้น ๆ จะสามารถดำเนินไปได้ตามที่ลูกค้าตั้งเป้าหมาย เช่น การพิจารณาโดยใช้หลัก 5C ซึ่งประกอบไปด้วย Character, Capacity, Capital, Collateral, Condition ซึ่งแต่ละปัจจัยล้วนมีความสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อ และลูกค้าควรให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมในแต่ละปัจจัยให้ครบถ้วนและแข็งแกร่งเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับโครงการ

     

2. ช่วงระหว่างการก่อสร้าง  ในช่วงนี้สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้โครงการก่อสร้างออกมาถูกต้องตามแบบแปลนและอยู่ภายใต้กรอบเวลาที่วางแผนไว้ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้บานปลาย  และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็สามารถขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งใบอนุญาตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน การที่โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ไม่สามารถขอใบอนุญาตได้ เท่ากับว่าโครงการนั้นไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามกฎหมายนั่นเอง


3. ช่วงการเปิดดำเนินการ ในขั้นตอนนี้ธนาคารก็จะให้ความสำคัญกับแผนการตลาดและการขายของโรงแรมว่าจะมีแผนการดำเนินงานอย่างไรบ้าง จะสามารถพัฒนาและสร้างให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงได้ตามเป้าหมายที่ร่วมกันวางระหว่างธนาคารและลูกค้าหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ในระยะเปิดให้บริการนี้ตัวชี้วัดอีกตัวที่สำคัญที่จะสะท้อนคุณภาพของธุรกิจคือ การบริหารขารับ และขาจ่าย ซึ่งในที่สุดก็คือ “สภาพคล่อง” ของธุรกิจผ่านตัวเลขกระแสเงินสดที่จะทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่นและมั่นคง 


จากมุมมอง 3 ข้อข้างต้นนั้นธนาคารมีผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถสนับสนุนผู้สนใจลงทุนในธุรกิจโรงแรมได้ตลอดทุกช่วงการพัฒนาโครงการไปจนถึงเมื่อเปิดให้บริการแล้วเราก็มีแพลตฟอร์มดี ๆ ที่จะช่วยคุณในการบริหารสภาพคล่อง และระบบจัดการขารับและขาจ่ายที่สะดวกและประหยัด



คราวนี้หันมาดูมุมมองของนักบัญชีเจ้าของแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง AccRevo กันบ้างว่าปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจโรงแรมเติบโตอย่างมั่นคงนั้นมีอะไรบ้าง

คุณราชิต ไชยรัตน์ได้ให้ความเห็นว่า “การทำบัญชีให้เป็นระบบระเบียบนั้น แม้หลายๆ คนจะมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำให้ธุรกิจให้มีความรัดกุมและลดความเสี่ยงต่าง ๆ ในการบริหารงาน” ซึ่งหากผู้ประกอบมีระบบบัญชีที่ดี ไม่ว่าจะใช้ผ่านแพลตฟอร์มหรือผ่านเครื่องมืออื่น ๆ ประโยชน์ของการมีระบบบัญชีที่ดี จะทำให้ลดปัญหาการจัดการข้อมูลหรือเอกสาร ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายด้านเอกสาร และยังเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อวางแผนธุรกิจและที่สำคัญคือสร้างความน่าเชื่อถือในการติดต่อกับสถาบันการเงิน และเพื่อการลดหย่อนภาษีอย่างเป็นรูปธรรมด้วยเอกสารที่ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบ


สุดท้ายคุณราชิตยังให้คำแนะนำในเรื่องการทำ “บัญชีเดียว” (Single Account) เพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการจัดทำบัญชีอย่างเป็นระบบแล้ว การที่ผู้ประกอบการทำธุรกิจแบบ “บัญชีเดียว” หรือการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพของธุรกิจเพียงชุดเดียวนั้น จะทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ส่งผลให้การบริหารจัดการธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนับว่าผู้ประกอบการรายนั้น ๆ เป็นส่วนหนึ่งในการสนับธุรกิจ SME ให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแรงต่อไป


จะเห็นได้ว่าที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้ประกอบการแต่อย่างใด เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาในการวางโครงสร้างในเรื่องต่าง ๆ ให้รอบคอบมากขึ้น แต่เมื่อมีโครงสร้างการลงทุน โครงสร้างการบริหารงาน โครงการการจัดการบริหารการเงินที่ชัดเจน การดำเนินธุรกิจก็สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังแต่อย่างใด และที่สำคัญ SCB พร้อมร่วมเดินทางกับทุกผู้ประกอบการในการเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมลงทุนและผู้ให้คำปรึกษาที่ดีตลอดเส้นทาง