ราคาซื้อมือหนึ่ง VS ราคาขายต่อ คิดให้รอบด้านก่อนตัดสินใจซื้อ

เพราะสินค้าทุกชิ้นไม่เคยราคาเท่าเดิม เพียงแค่ซื้อมา ราคาก็เปลี่ยนไป หากซื้อสินค้าที่ราคาตกไวมาเก็บไว้มากๆ โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ มีแต่จะทำให้ขาดทุนกันไปเปล่าๆ ลองมาดูสินค้า 3 อย่างที่ราคาตกลงอย่างน่าใจหายหลังซื้อเสร็จกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. สมาร์ทโฟนรุ่นตัวท้อป

แม้สมาร์ทโฟนอาจจะขึ้นชื่อว่าเป็น “ปัจจัยที่ 5” ของการดำรงชีวิต แต่รู้หรือไม่ว่าสมาร์ทโฟนตัวท้อปของแต่ละแบรนด์ หรือที่ในวงการเรียกว่า “รุ่นเรือธง” (Flagship) นั้น ถือว่า “ยืนหนึ่ง” ในเรื่องราคาตกไวจนน่าปวดใจกันเลยทีเดียว เพราะเป็นสินค้าที่ทุกค่ายต่างดาหน้าออกรุ่นใหม่มาแทนที่รุ่นเดิมทุกปี


และทันทีที่รุ่นใหม่ออกวางจำหน่ายในตลาด ราคารุ่นตัวท้อปเดิมไม่ว่าจะค่ายฝั่งตะวันตกหรือฝั่งตะวันออกก็จะลดลงจากตอนเปิดตัวฮวบฮาบถึงราว 30% บางค่ายถ้าออกรุ่นใหม่สเป็คดีกว่าเดิมมาก ตัวท้อปรุ่นเดิมราคาเคยลดลงไปถึง 55% หรือตกไปกว่าครึ่งหนึ่งจากราคาเปิดตัวกันเลยทีเดียว แน่นอนว่าถ้าอยากขายต่อ ราคาก็จะต่ำกว่านั้นไปอีก


ดังนั้นใครที่ซื้อสมาร์ทโฟนตัวท้อปรุ่นใหม่มาแล้วหรืออยากจะซื้อในอนาคต ก็ควรใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ให้คุ้มค่า ตอนที่คำนวณราคาตกลงมา จะได้ไม่รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ หัวใจ

2. รถยนต์

ว่ากันว่านี่คือสินค้าที่เพียงแค่ขับออกจากโชว์รูม ราคาก็หล่นหายไปหลายหมื่นแล้ว เพราะด้วยสภาพของตลาด ราคาขายอาจไม่มากเท่าที่คาดหวัง


กฎหลักๆ ของราคารถยนต์คือ รถเก๋งไซส์กลางถึงใหญ่จะราคาตกไวกว่ารถไซส์เล็ก และรถยุโรปจะราคาตกไวกว่ารถญี่ปุ่น ส่วนรุ่นไหนจะตกไวตกช้ากว่ากันนั้น ต้องบอกว่าแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น โดยช่วง 5 ปีแรก จะเป็นช่วงที่ราคาลดลงหนักหน่วงที่สุด เริ่มจากปีแรกลดลงไปราว 20-30% ปีที่ 2-5 จะลดลงด้วยอัตราที่ช้าลงกว่าปีแรก แต่ราคาขาย ณ ปีที่ 5 มักจะตกลงไปจากราคาตอนซื้อแล้วเฉลี่ย 40-70%


ส่วนช่วงปีที่ 6-10 นั้น ถือเป็นช่วงที่ราคาขายตลาดจะตกลงในอัตราที่ช้ามาก บางรุ่น บางยี่ห้อแทบจะขายได้ในราคาใกล้เคียงกับรถ 5 ปีเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าได้ใช้งานบ่อยๆ การถือรถไว้ยาวๆ ก็อาจคุ้มค่ากว่าการถือไว้แค่ระยะสั้น

3. โน้ตบุ๊ก

แม้ราคาโน้ตบุ๊กอาจไม่ได้ตกไวระดับเดียวกับสมาร์ทโฟน ไม่ได้มีสินค้ารุ่นตัวท้อปมาแทนที่กันทุกปี แต่โน้ตบุ๊กก็เป็นสินค้าอีกชิ้นหนึ่งที่ราคาตกไวไม่ใช่น้อย โดยราคาขายต่ออาจตกลงเฉลี่ยได้ตั้งแต่ 10-30% ต่อปี


สำหรับความยากของการขายต่อโน้ตบุ๊ก ถือว่ายากกว่าการขายต่อสมาร์ทโฟนรุ่นตัวท้อปนิดหน่อย ตรงที่บางรุ่นบางยี่ห้อนั้นเลิกผลิตเร็วมาก อะไหล่สำรองก็หายาก หาที่ขายต่อก็จะยิ่งยากเข้าไปอีก ดังนั้นการซื้อเพื่อเปลี่ยนบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องคุ้มอย่างแน่นอน

เห็นราคาสินค้าทั้ง 3 ชนิดตกไวขนาดนี้ ก็อย่าเพิ่งท้ออกท้อใจไป เพราะสิ่งสำคัญคือการซื้อมาแล้วใช้ให้คุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมามากที่สุด ถึงราคาจะตกลงไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งเสียดายทั้งเงินและความรู้สึกทีหลัง ว่าทำไมถึงไม่ใช้งานให้คุ้มกับสตางค์ที่จ่ายไปค่ะ