CLASS Cafe’ กาแฟขวัญใจอีสาน ผู้สร้างสรรค์ Coffee Technology

ในยุคที่คนเปิดร้านกาแฟ  อยากประสบความสำเร็จเหมือนสตาร์บัคส์  เดินแบบเดียวกันทำเหมือนกัน  อะไรทำให้สตาร์บัคส์อีสาน อย่าง CLASS Cafe’ ร้านกาแฟแบรนด์ไทยจากโคราชของ มารุต  ชุ่มขุนทด CEO ผู้ก่อตั้ง CLASS Cafe’ กลับได้ความนิยมและเติบโตจนปัจจุบันมีสาขาให้บริการมากถึง  30  สาขา

มีที่ยืนเพราะคิดต่าง

คิดต่าง  ทำต่าง  เข้าใจผู้บริโภค  คือ  หัวใจที่ช่วยฝ่าวงล้อมร้านกาแฟแบรนด์ชื่อดังเข้ามายึดหัวหาดแถบอีสานได้สำเร็จ  มารุตกล่าวว่า  “ทุกคนอยากเป็นร้านกาแฟที่สําเร็จ  แต่เราเล่าเรื่องใหม่   ทํากาแฟใหม่ ตามหากาแฟที่ดีที่สุดตั้งแต่การเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ   สร้างรสชาติไม่เหมือนใคร   รู้สึกทันทีตั้งแต่จิบแรก  และขายในราคาต่ำกว่า 100 บาท”   เพราะความใส่ใจ  เข้าใจ  จึงทำให้ CLASS เติบโตและขยายสาขาไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้สำเร็จ

ร้านกาแฟธรรมดา Change สู่ Co-Working Space

จากจุดเริ่มต้นที่คิดจะทำแค่ร้านกาแฟ หลังจากทำธุรกิจได้ 3 ปี  ด้วยความเอาใจใส่  รู้จักสังเกตพฤติกรรมของลูกค้า  มีการเก็บข้อมูล  แล้วเอาข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ ก็เข้าใจในตัวลูกค้ามากขึ้น  เพราะมีการใช้ Big Data ให้มีประสิทธิภาพ  ทำให้มารุตมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ  “จากกระแส Co-Working Space  เราเห็นคนมานั่งเอา Device มา 3  เครื่อง คนเข้ามาออนไลน์ในร้านของเราเป็นหลักร้อย  ทำให้เห็นว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านของคน Digital คนทำ Start Up เราเลย Shift ตัวเอง Transform มาเป็นบ้านของคนไฮเทค”

ข้อมูลเล็กสร้าง impact ที่ยิ่งใหญ่ ด้วยศาสตร์แห่ง Data

มากกว่าการให้ประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า  คือ การเข้าใจลูกค้าว่าเค้าต้องการอะไร  เช่น  ลูกค้ามาที่ CLASS Cafe' ต้องการที่มาทำงานสร้างสรรค์  จึงทำ C0-Working Space มี Ecosystem ของ Start Up ให้บริการครบวงจร 24X7  คุณมารุตเล่าถึงความสำคัญของการเก็บข้อมูลว่า   “คนกินกาแฟเวลาเข้าร้านก็อยากให้ Barista จดจำได้ว่าชอบกินอะไร  เราตั้งใจให้บริการลูกค้าของเราอย่างดีที่สุด  จดจำลูกค้าให้มากที่สุด  เช่น  มีผู้หญิงมากินกาแฟกับเรา  1 ปีเต็ม อยู่มาวันหนึ่งสั่งนมร้อน  เราจะตั้งข้อสันณิฐานว่าเกิดอะไรขึ้น  วันที่สองก็สั่งนมร้อนอีก  วันที่สามเราแสดงความยินดีกับลูกค้าที่คุณตั้งท้อง  อันนี้เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นว่าเราเก็บข้อมูลของลูกค้าอย่างจริงจัง  หรือ  ที่นั่งตรงนี้ทำไมคนถึงไม่นั่ง  เรามีกระบวรการเก็บข้อมูล  เช่น อุณหภูมิ,  แสงสว่าง   เพื่อได้คำตอบว่าเหตุใดลูกค้าไม่นั่งตรงนั้น เราก็นำมาปรับปรุง”   อีกสิ่งที่ CLASS อยากสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าทุกคน  ไม่ว่าจะไปใช้บริการที่สาขาอะไรก็ตาม  จะต้องได้รับบริการที่ดีและเหมือนกันหมด  “การที่มี Big Data ทำให้ CLASS ก้าวไปอีกระดับ ด้วยการนำข้อมูลจากอดีต  ปัจจุบัน  จนสามารถทำนายอนาคตว่าอีก 7 วันเราจะมีลูกค้าเข้ามาที่ร้านกี่คน”

เทคโนโลยี  คือ  อาวุธเข้าถึงแหล่งเงินทุน

การขยายสาขาต้องใช้เงินทุน  การระดมทุนจากนักลงทุนเป็นจุดแข็งให้ CLASS เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด  “ทุกวันนี้เราเปิดร้านกาแฟได้  1  สาขาต่อ  1 สัปดาห์  ที่เราทำได้เร็วขนาดนี้เพราะมีเราการระดมทุน  เรามีการใช้ Technology มี Software หลังบ้านทำให้สามารถ  Set Up ระบบร้านทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว  มีการใช้ Machine Learning  เก็บข้อมูลลูกค้า” นี่คือหมัดเด็ดในการสร้างความสำเร็จของ CLASS

สร้าง Ecosystem Start Up  ผนึกกำลังต่อยอดด้วย  Coffee Platform

นอกจาก Technology ที่เป็นเคล็ดลับให้ CLASS ก้าวไกลเหนือกว่าการเป็นแค่ร้านกาแฟธรรมดา นั่นคือ  การจับมือกับพันธมิตรธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่กลุ่ม Start Up  อสังหาริมทรัพย์   ธนาคารพาณิชย์  มหาวิทยาลัย  ล้วนแล้วแต่ร่วมกันสร้างสรรค์  Model  ธุรกิจใหม่ๆ  ภายในร้านแห่งนี้   “ตอนนี้เราเป็นมากกว่า  Co-Working Space  เรา Shift ตัวเองอีกครั้งให้เป็น Open Coffee Platform ทำงานร่วมกับธุรกิจต่างๆ   อย่างธนาคารไทยพาณิชย์  เรามีร้านกาแฟที่มีธนาคารในร้าน , มี Project ร่วมกับแสนสิริสร้างสรรค์พื้นที่ในโครงการ, มี Double A Cloud Printing ในร้านกาแฟ , มี Kerry  ให้บริการสำหรับแม่ค้าออนไลน์ที่มานั่งที่ร้าน  และอีกหลาย Project ร่วม  ล่าสุดกำลังจะเปิดตัวคือ  มีเครื่องซักผ้าในร้านกาแฟ”   จากการกล้าคิด  กล้าทำ  กล้าล้มเหลว   ทำสิ่งที่แปลกใหม่เพื่อให้ได้  New Business Model  อยู่เสมอจึงช่วยต่อยอดให้ CLASS พุ่งทะยานก้าวกระโดดได้ต่อไปในอนาคต

ที่มา : งานสัมมนา Beyond Experience พลิกประสบการณ์ พลิกเกมธุรกิจ จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์