กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF (Retirement Mutual Fund) เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ มาทำความรู้จักกับกองทุน RMF เงื่อนไข  และเคล็ดลับการลงทุน ใครที่กำลังตัดสินใจไม่ได้ว่า ลงทุน rmf กองไหนดี บทความนี้ รวบรวม 5 กองทุน rmf ยอดนิยม 2568 ไว้ประกอบการตัดสินใจให้แล้ว

ทำความรู้จักกองทุน RMF เบื้องต้น

กองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว และเพื่อความมั่นคงในชีวิตวัยเกษียณ โดยการลงทุนในกองทุน RMF สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ แต่จะต้องทำตามเงื่อนไขการลงทุน และก่อนเลือกลงทุน RMF กองไหนดี ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ถี่ถ้วน

สิทธิประโยชน์ทางภาษี

หากปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังต่อไปนี้ 

1. ค่าซื้อหน่วยลงทุน RMF สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่เมื่อรวมกับเงินสะสมกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ กบข. กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี
2. ได้รับยกเว้นภาษีในส่วนกําไรจากการขายหน่วยลงทุน RMF

เงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

1. กรณีซื้อหน่วยลงทุน RMF
   • ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และเมื่อรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาทในปีภาษีนั้น
   • ไม่กําหนดจํานวนเงินขั้นต่ำในการลงทุน แต่จะต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี และต้องไม่ระงับการซื้อหน่วยลงทุน RMF เกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน (สามารถซื้อปีเว้นปีได้)
   • ต้องถือหน่วยลงทุน RMF ไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก และไถ่ถอนเมื่อมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ 
2. กรณีขายหน่วยลงทุน RMF
   • ต้องซื้อและถือครองหน่วยลงทุน RMF อย่างน้อย 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก โดยนับเฉพาะปีที่ซื้อจริง
   • ต้องไม่ระงับการซื้อหน่วยลงทุน RMF เกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน (สามารถซื้อปีเว้นปีได้)

ผลกระทบกรณีทำผิดเงื่อนไข

สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปดูรายละเอียดการลงทุน RMF กองไหนดี คือ ผลกระทบกรณีทำผิดเงื่อนไขการลงทุนมีอะไรบ้าง โดยสามารถแบ่งเป็น 2 กรณีหลัก ๆ ได้แก่ กรณีลงทุนไม่ครบ 5 ปี และขายก่อนกำหนด และกรณีลงทุนครบ 5 ปี แต่ขายก่อนอายุครบ 55 ปี

• กรณีทำผิดเงื่อนไข ลงทุนไม่ถึง 5 ปี และขายก่อนกำหนด จะต้องคืนเงินภาษีสำหรับค่าซื้อ RMF ทุกปีที่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี  โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ผิดเงื่อนไข และนำกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (ถ้ามี) ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้โดยถือเป็นเงินได้พึงประเมินของปีที่ขาย 
• กรณีทำผิดเงื่อนไข ลงทุนครบ 5 ปี แต่ขายก่อนอายุครบ 55 ปี ต้องคืนเงินภาษีสำหรับค่าซื้อ RMF ที่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในช่วง 5 ปีล่าสุด  โดยต้องยื่นเสียภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ผิดเงื่อนไข แต่กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

การคืนเงินภาษีทั้ง 2 กรณี ถ้ายื่นแบบช้ากว่าเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ผิดเงื่อนไข จะต้องเสียเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือน โดยเริ่มนับจากเดือนเมษายนของปีถัดจากปีที่ผิดเงื่อนไขการลงทุนจนกว่าจะชำระภาษีครบถ้วน

เคล็ดลับการเลือกซื้อกองทุน RMF

สุดท้ายก่อนจะไปดูว่า เลือกซื้อกองทุน RMF ตัวไหนดี มาดูเคล็ดลับการเลือกซื้อกองทุน RMF เพื่อที่จะสามารถวางแผน และเลือกลงทุนได้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองมากที่สุด

1. พิจารณาระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และอายุของผู้ลงทุน

หากลงทุนในช่วงอายุยังน้อย สามารถเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าได้ เช่น กองทุนหุ้น ส่วนผู้ลงทุนที่มีอายุมาก อาจเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น กองทุนตราสารหนี้ 

2. กระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหลายสินทรัพย์

เมื่อมีคำถามว่า กองทุน RMF ตัวไหนดี ? สามารถเลือกลงทุนหลากหลายกองทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยสามารถลงทุนได้ทั้งในตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และทองคำ

3. ตรวจสอบเงื่อนไขการลงทุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี

สามารถลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี เมื่อรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ 

4. เลือกบริษัทจัดการกองทุนที่มีความน่าเชื่อถือ

พิจารณาความน่าเชื่อถือ และประสบการณ์ของผู้จัดการกองทุน

กองทุน RMF ยอดนิยม 2568 ของ SCB

หากเกิดคำถามว่า เลือกกองทุน RMF ตัวไหนดี ? วันนี้ SCB รวบรวม 5 กองทุนยอดนิยม และเป็นที่น่าสนใจมาให้แล้ว

1. SCBRM1

กองทุนนี้เป็นกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ไทย โดยเน้นลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น โดยลงทุนทั้งตราสารภาครัฐและบริษัทเอกชนที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง โดยพอร์ตการลงทุนจะมี อายุตราสารเฉลี่ย หรือ Duration ไม่เกิน 1 ปี เพื่อลดความผันผวนจากตลาด ระดับความเสี่ยงกองทุน 4 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)

2. SCBRMS&P500

กองทุนนี้เป็นกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ iShares Core S&P 500 ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี S&P 500  ระดับความเสี่ยงกองทุน 6 (ความเสี่ยงสูง)

3. SCBRM2

กองทุนนี้เป็นกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ไทย โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 50% และส่วนที่เหลือจะลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน ระดับความเสี่ยงกองทุน 4 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)

4. SCBRMS50

กองทุนนี้เป็นกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยในดัชนี SET50 โดยเป็นกองทุนประเภท Passive ที่จะลงทุนให้มีผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET50 ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบไปด้วยหุ้นไทยขนาดใหญ่ ที่มีสภาพคล่องสูงและมีพื้นฐานกิจการแข็งแกร่ง เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเติบโตควบคู่ไปกับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ระดับความเสี่ยงกองทุน 6 (ความเสี่ยงสูง) 

5. SCBRM4

กองทุนนี้เป็นกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย โดยเป็นกอง Active ที่มีเป้าหมายให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับดัชนี SET50 หรือสูงกว่า โดยเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีพื้นฐานดี และมีสภาพคล่องสูง ระดับความเสี่ยงกองทุน 6 (ความเสี่ยงสูง)

ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจลงทุนกองทุน RMF ตัวไหนดี ? ควรศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน ทำความเข้าใจ และพิจารณากองทุนที่เหมาะกับเรามากที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์กองทุน RMF

การลงทุนในกองทุน RMF เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับใครที่วางแผนออมเงินระยะยาว เพื่อวัยเกษียณ ช่วยสร้างความอุ่นใจทางการเงิน และยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อีกด้วย หากใครยังไม่รู้ว่า ควรลงทุน RMF กองไหนดี ? SCB มีกองทุน RMF ให้เลือกหลากหลายการลงทุน สามารถเลือกได้ตามสถานการณ์การเงิน และความเสี่ยงที่รับได้

หมายเหตุ:

• ข้อมูลกองทุนยอดนิยมจาก SCB ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
• ข้อมูลผลิตภัณฑ์ โดย Investment Product Selection ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
• ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
• เงื่อนไขการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีต้องเป็นไปตามกฎหมายและประกาศที่กรมสรรพากรกำหนด กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามที่กฎหมายกำหนด
• โปรดศึกษาข้อมูลกองทุนรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน ที่เปิดเผยไว้ในแหล่งต่าง ๆ หรือขอข้อมูลจากบุคคลที่ขายหน่วยลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
• กองทุนบางกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันทั้งด้าน สินทรัพย์ / ภูมิภาค / ประเทศ / กลุ่มธุรกิจ ราคาของหลักทรัพย์จึงมีความผันผวนตามปัจจัยที่กระทบ กองทุนที่ลงทุนในภูมิภาค / ประเทศ / กลุ่มธุรกิจเดียว จะมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนที่มีการกระจายการลงทุนมากกว่า
• ศึกษาข้อมูลกองทุนหลักและหนังสือชี้ชวนได้จาก website ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม www.scbam.com และสามารถศึกษารายละเอียดกองทุนรวมเพิ่มเติมผ่าน SCB EASY App
• ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
• สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center โทร. 02-777-7777