สำหรับการออมเพื่อการเกษียณนั้นมีหลากหลายรูปแบบ วันนี้ขอยกตัวอย่างแหล่งผลิตภัณฑ์การลงทุนเพื่อเป็นแนวทาง ดังนี้
- ประกันแบบบำนาญ ซึ่งจะช่วยให้เรามีรายได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเสียชีวิต โดยผู้เอาประกันจะต้องออมเงินด้วยการชำระเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุ และผู้เอาประกันจะได้รับเงินเป็นรายงวดนับตั้งแต่วันที่เกษียณอายุ ไปจนถึงอายุสูงสุดที่กรมธรรม์ได้กำหนดไว้ตามเงื่อนไข โดยผู้เอาประกันสามารถที่จะออกแบบได้ว่าตนเองต้องการเงินในแต่ละงวดเท่าไรเพื่อนำไปใช้ในช่วงหลังเกษียณ ทำให้ผู้เอาประกันสามารถที่จะมั่นใจได้ว่าในช่วงวัยหลังเกษียณจะมีรายได้ที่แน่นอนจำนวนหนึ่งเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ไม่ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจและสภาวะตลาด
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ทั้ง 2 ประเภทนี้มีลักษณะเหมือนกัน ต่างกันที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีนายจ้างเป็นเอกชน และสามารถเลือกสะสมได้ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน โดยนายจ้างจะสมทบให้อีกตามเงื่อนไขของนายจ้าง นอกจากนี้ หากเราย้ายไปทำงานที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือลาออกไปทำอาชีพอิสระก่อนอายุ 55 ปี ไปจนถึงกรณีที่นายจ้างเลิกกิจการ เราก็ยังสามารถออมต่อเนื่องและได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยโอนเงินไปยังกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยเฉพาะ ตามที่เรียกกันว่า RMF for PVD ส่วนกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการมีภาครัฐเป็นนายจ้าง สะสมในอัตราร้อยละ 3 ของเงินเดือน นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถเลือกสะสมส่วนเพิ่มได้ตั้งแต่ร้อยละ 1-12 ซึ่งต้องเป็นตัวเลขจำนวนเต็มไม่มีจุดทศนิยม (เมื่อรวมกับเงินสะสมปกติแล้วจะไม่เกินร้อยละ 15) โดยนายจ้างจะสมทบให้ 3% ของเงินเดือน
- กองทุนรวม ปัจจุบันมีให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้หรือหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสินทรัพย์ทางเลือก โดยนักลงทุนควรคำนึงถึงระดับความเสี่ยงที่รับได้เพื่อผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม นอกจากการเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์นั้นๆ แล้ว การทยอยลงทุน หรือที่เรียกว่า Dollar Cost Average (DCA) ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะการลงทุนได้ด้วย
- Super Saving Fund (SSF) เป็นกองทุนรวมเพื่อการออม มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว ทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และมีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (เมื่อรวมกับ RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และประกันบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท) และต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปีบริบูรณ์ นับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน) สามารถลงทุนเป็นรายปีได้ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี เหมาะสำหรับผู้เริ่มทำงานถึงอายุ 45 ปี
- Retirement Mutual Fund (RMF) มีลักษณะคล้ายกลับ SSF โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเช่นกัน มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย แต่ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้และต้องไม่เกิน 500,000 บาท (รวมกับ SSF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., กองทุนการออมแห่งชาติ, กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายของโรงเรียนเอกชน และประกันบำนาญ) ต้องถือครองจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และลงทุนมาครบ 5 ปีบริบูรณ์ โดยต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรือปีเว้นปี เหมาะสำหรับผู้มีเงินได้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ดี การวางแผนทางการเงินเพื่อชีวิตยามเกษียณควรวางแผนกันตั้งแต่เนิ่นๆ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่าปล่อยให้เวลาล่วงผ่านเลยไปจนเก็บออมหรือลงทุนไม่ทัน ซึ่งจะทำให้ไม่เพียงพอใช้จ่ายในยามเกษียณได้ ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนประเภท SSF และ RMF ทาง บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้มีโอกาสนำเสนอสินทรัพย์การลงทุนในกองทุนประเภทนี้สูงสุดถึง 50 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการทางเลือกที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกสินทรัพย์ ครบจบในที่เดียว
บทความโดย คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด
ข้อมูล ณ วันที่ 20 ธันวาคม 2564
ขอบคุณที่มา : The Standard Wealth