โน้ต-อธิตพล จากนักบินสู่ไรเดอร์ผู้ใส่หัวใจในการบริการ

เด็กหนุ่มจบใหม่ ไฟแรง การศึกษาดี อนาคตไกล ถ้าในภาวะปกติ เขาคงได้ขับเครื่องบินอยู่บนท้องฟ้า แต่ชีวิตผกผันต้องมาเผชิญกับโควิด-19  ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อพอดี…“โน้ต” อธิตพล ฉันท์ธนกุล ผู้ซึ่งไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาตัดสินใจมองหางานที่ทำให้ไปต่อได้ในเวลาที่โรคระบาดยังไม่จบสิ้น และดูท่าทีแล้วน่าจะยืดเยื้อออกไปอีกนาน โน้ตเปลี่ยนมาทำงานกับมอเตอร์ไซค์คู่กาย และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นอาชีพที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน

2-uniform

วิกฤติสร้างโอกาส

โน้ตจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด วิทยาเขตพระรามเก้า คณะบริหารการบิน เมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด – 19 กำลังระบาดไปทั่วโลก หลายอาชีพไปต่อไม่ได้ หลายธุรกิจต้องปิดกิจการ เด็กจบใหม่อย่างโน้ตก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยพื้นฐานแล้วโน้ตเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ระหว่างเรียนเขาช่วยงานอาจารย์ไปด้วย เมื่อเรียนจบอาจารย์ชวนไปทำคอร์สสอนการบินที่สนามบินพิษณุโลก แต่เมื่อบินไม่ได้ โน้ตก็ลองหางานอย่างอื่นทำแทน  แม้จะมีพ่อแม่ที่สามารถช่วยเหลือด้านการเงินได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่รบกวนครอบครัว โดยถือว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ลองทำอะไรใหม่ๆ  ในอาชีพที่น่าจะเติบโตได้ดีในช่วงเวลาเช่นนี้


แม้ไรเดอร์ไม่ใช่อาชีพในฝัน แต่เมื่อโลกการทำงานต้องหมุนช้าลง ไรเดอร์กลับเป็นงานแรกๆ ที่โน้ตนึกถึง เพราะเห็นว่าอาชีพนี้อิสระ ไม่ต้องเข้างานเป็นเวลา สามารถสร้างรายได้ได้ดีในช่วงที่มีโควิด-19 ประกอบกับโน้ตเพิ่งซื้อมอเตอร์ไซค์มาใหม่ จึงถือเป็นจังหวะที่พอเหมาะพอดีกับงานที่อยากลองทำ และเขาก็ตัดสินใจใช้มอเตอร์ไซค์คันนี้ออกสตาร์ทการทำงานในบทบาทไรเดอร์อย่างเต็มตัว โดยเริ่มวิ่งรับงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่ม ช่วงแรก ไม่ได้วิ่งงานกับค่ายใดค่ายหนึ่งเท่านั้น และก็ไม่ได้รับงานเฉพาะฟู้ดเดลิเวอรี แต่ยังรับงานส่งเอกสาร รวมถึงพัสดุด้วย

ค้นพบความหมายในงานที่ทำ

หลังจากวิ่งรับงานกับมอเตอร์ไซค์คันใหม่ผ่านไปหลายเดือน โน้ตได้ข่าวการรับสมัครไรเดอร์รุ่นที่ 3 ของโรบินฮู้ด เขาไม่รีรอที่จะเข้าไปสมัคร ซึ่งการเป็นไรเดอร์ของโรบินฮู้ด จะต้องผ่านการอบรมแบบเจอตัวกัน เพื่อจะได้ซึมซับความเข้าใจในเจตนารมณ์ของโรบินฮู้ด มารยาทในการทำงาน สิ่งที่ไรเดอร์ต้องปฏิบัติ การดูแลอาหารให้ถึงมือลูกค้าในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ตลอดจนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ


“หลังจากเข้ามาอบรมกับโรบินฮู้ด ผมก็เข้าใจแก่นแท้ของอาชีพนี้มากขึ้น ไรเดอร์ไม่ใช่แค่งานขี่รถมอเตอร์ไซค์ส่งอาหาร แต่เป็นงานบริการที่สามารถส่งมอบความสุขให้ผู้อื่นได้ด้วย และถ้าใส่หัวใจลงไปในงานมากพอ ก็จะได้รับความสุขนั้นกลับมาด้วย” โน้ตกล่าว


ร้านอาหารที่โน้ตไปรอรับออร์เดอร์บ่อยๆ จนเริ่มเกิดความคุ้นเคย เขาก็จะเข้าไปช่วยบรรจุของ หรือช่วยยกของออกจากเตาให้ ร้านไหนคิวเยอะ ต้องรอนาน โน้ตจะโทรแจ้งลูกค้าไว้ก่อน หากลูกค้าสั่งเค้กก็ต้องขับช้าลงและระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ถ้าประเมินสถานการณ์แล้ว ทางไปส่งเค้กเป็นลูกรัง ถนนไม่เรียบ ก็ต้องโทรบอกลูกค้าให้รับทราบปัญหาว่าหน้าเค้กอาจจะเละได้ ซึ่งความยากในการส่งอาหารส่วนมากจะมาจากบรรจุภัณฑ์ หากใส่มาไม่ดี อาหารก็จะหกเลอะเทอะ พอถึงมือลูกค้าก็จะดูไม่น่ากินและเกิดความไม่ประทับใจได้ หรือของที่มีจำนวนชิ้นมากและหนัก โน้ตจะขอให้ทางร้านช่วยซ้อนถุงให้ แต่หากร้านไม่สะดวก โน้ตก็จะเตรียมถุงเผื่อไปด้วย และเคยแม้กระทั่งช่วยสวมบทบาทเป็นเพื่อนลูกค้าไปเซอร์ไพรส์วันเกิดให้แม่ของลูกค้าที่อยู่คนละบ้านกัน พร้อมร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อส่งมอบบริการให้ลูกค้าประทับใจและมีความสุขจากสิ่งที่เขาพอจะทำได้

การเป็นไรเดอร์โรบินฮู้ดนอกจากจะทำให้รู้สึกดีกับงานแล้ว ยังช่วยให้การทำงานของโน้ตสะดวกขึ้น ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายค่าอาหารให้ลูกค้าไปก่อน ไม่ต้องเตรียมเงินทอนตั้งแต่เหรียญบาท ไปจนถึงแบงค์ย่อยสีต่างๆ กดรับงานได้แบบสบายใจขึ้น ไม่ต้องแข่งกับใคร แต่เป็นการแข่งกับตัวเอง ได้ค่าวิ่งที่โอนเข้าบัญชีทุกวันตามงานที่ทำได้จริง ไม่ต้องรอเงินออกสัปดาห์ละครั้ง ทำให้โน้ตตัดสินใจมาวิ่งงานกับโรบินฮู้ดเป็นหลักตั้งแต่นั้นมา


“คนเราต้องกินอาหารทุกวัน งานไรเดอร์จึงเป็นงานที่มีโอกาสมีรายได้ดีและเติบโตได้ บวกกับวิ่งกับโรบินฮู้ดแล้วสามารถออกแบบเวลาทำงานได้ อยากวิ่งเมื่อไรก็ได้ตามที่ต้องการ ทำให้มีอิสระ” โน้ตบอก

เอาใจเขา มาใส่ใจเรา

หากถามถึงความยากในการทำงานเป็นไรเดอร์ โน้ตมองว่าการให้บริการลูกค้าเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะต้องอาศัยความละเอียดอ่อน ความเข้าใจและใส่ใจ


“ผมเคยเป็นทั้งคนสั่งอาหาร เคยไปช่วยร้านทำอาหาร และเป็นลูกค้าเองด้วย ทำให้รู้ความต้องการและความคาดหวังของแต่ละฝ่าย ถ้าเป็นคนทำอาหารก็อยากทำเสร็จเร็ว ส่งได้เร็ว คนส่งอาหารก็อยากรับอาหารไปส่งลูกค้าได้ทันใจ ส่วนลูกค้าก็อยากได้อาหารเร็ว ครบถ้วน ในสภาพที่สมบูรณ์ ดังนั้น ไรเดอร์ซึ่งเป็นคนกลาง ถ้าเราเข้าใจร้านค้า เข้าใจลูกค้า ก็จะเข้าใจในงานของตัวเองและทำงานอย่างมีความสุข” โน้ตบอก


งานไรเดอร์กลายเป็นงานที่หล่อหลอมให้โน้ตได้เรียนรู้ที่จะอดทนมากขึ้น ทั้งจากการไปรออาหารแทนลูกค้า การอดทนต่ออารมณ์ของร้านอาหาร และลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ไม่ได้อยู่หน้างานกับไรเดอร์ จะไม่รู้ว่าคิวสั่งอาหารร้านไหนมาก ร้านไหนน้อย บางครั้งลูกค้ารอนาน ไรเดอร์ก็อาจจะถูกตำหนิได้ โน้ตจึงใช้วิธีการโทรไปแจ้งลูกค้าตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าคิวนาน เมื่อลูกค้าเข้าใจก็จะไม่มีปัญหา หรือแม้แต่กฎระเบียบของไรเดอร์ ซึ่งลูกค้าไม่รู้ เช่น การห้ามขึ้นไปส่งอาหารบนอาคาร หากอาคารไม่ได้เข้มงวดนัก โน้ตก็จะดูตามความจำเป็นของลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยเหลือลูกค้าที่อาจจะไม่สะดวกจริงๆ


“ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ ผมจะขอโทษไว้ก่อน และบอกเหตุผลด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่สุภาพ ถ้าลูกค้าเห็นว่าเราฟังเขา ใส่ใจเขา ลูกค้าก็พร้อมจะให้อภัย และพูดกับเราดีๆ”


โน้ตเล่าว่า ได้รับการปลูกฝังมาแบบนี้ทั้งจากครอบครัว ครูที่สอนการบิน และการอบรมของโรบินฮู้ด ทำให้ใจเย็นลง พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องคน เพราะการอยู่ในบทบาทไรเดอร์ ต้องยอมรับปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นหน้างานในเรื่องต่างๆ นี้ให้ได้


สิ่งที่โน้ตอยากจะแชร์ก็คือ “เวลาเจอคนอารมณ์ร้อน เราต้องใจเย็นก่อน รับฟังเขา ค่อยๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป พยายามเข้าใจในงานของเขา ช่วยเหลือในสิ่งที่เราทำได้ เมื่อแก้ปัญหาได้ ทุกคนก็จะไม่โกรธกันแล้ว”

แง่มุมที่สวยงามของอาชีพนอกฝัน

โน้ตเป็นคนรุ่นใหม่ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ขยันขันแข็ง และเรียนรู้ที่จะผูกมิตรภาพกับคนรอบข้าง ในช่วงแรกๆ ที่โรบินฮู้ดยังสั่งอาหารได้ครั้งละออร์เดอร์ โน้ตบังเอิญได้เข้าไปคุยกับเพื่อนไรเดอร์ที่รออาหารอยู่ร้านติดกัน คุยไปคุยมาพบว่าทั้งคู่กดรับออร์เดอร์จากลูกค้าคนเดียวกัน ก็เลยได้เพื่อนร่วมทางขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งอาหารด้วยกัน ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกคน หรือร้านอาหารที่เห็นโน้ตไปรอรับออร์เดอร์บ่อยๆ ก็มักจะเรียกให้เขามาช่วยงานช่วงเย็น และเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน ในส่วนของลูกค้าก็มีแง่มุมที่น่ารักเช่นกัน บางรายตั้งใจสั่งอาหารเผื่อให้ หรือขาประจำที่โน้ตกดรับงานได้บ่อยๆ ก็กลายเป็นเพื่อนกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาถึงทุกวันนี้ ถือเป็นความประทับใจที่โน้ตได้พบเจอจากอาชีพที่ตัวเองไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ทำมาก่อนในชีวิต


แม้ตอนนี้รัฐบาลจะเปิดประเทศแล้ว และโน้ตก็จะต้องกลับไปทำอาชีพในฝันของตัวเอง ด้วยการเปิดคอร์สสอนบินกับครูอีก 2 ท่านที่สนามบินพิษณุโลก เวลาวิ่งงานไรเดอร์อาจจะน้อยลง แต่ถ้ามีเวลา โน้ตก็จะพยายามกลับมาวิ่ง เพราะเป็นกิจกรรมที่โน้ตทำแล้วมีความสุข


“คิดว่าตัวเองคิดถูกที่มาเป็นไรเดอร์ เพราะได้ประสบการณ์ ได้รู้เส้นทางใหม่ๆ รู้จักร้านอาหาร รู้จักคนเยอะขึ้น อาชีพนี้ให้เพื่อนดีๆ สังคมใหม่ๆ และสามารถเลือกเวลาทำงานของตัวเองได้อีกด้วย”