สำรวจ 5 จุดหมายยอดฮิต เรียนภาษาอังกฤษ-พิชิตแหล่งท่องเที่ยว

เมื่อการท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเฟ้นหาจุดขายใหม่เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยว หนึ่งในแม่เหล็กที่น่าดึงดูดใจสำหรับเหล่านักเดินทางรุ่นใหม่ คงหนีไม่พ้นการได้ออกไปสัมผัสประสบการณ์การเดินทาง ควบคู่กับการได้เรียนภาษาฝึกทักษะการพูด ฟัง อ่าน เขียนอังกฤษ และได้เกียรติบัตรติดมือมาด้วย ให้ตัวเองและคนทางบ้านปลื้มใจ


คิดถึงการเรียนภาษาอังกฤษ หลายคนอาจมุ่งตรงไปที่เมืองใหญ่ในอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกา อย่างลอนดอนหรือนิวยอร์ก แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกหลายเมืองในประเทศเหล่านั้นและอีกหลายประเทศในโลกที่พร้อมให้คุณท่องโลกพร้อมเก็บเกี่ยวความรู้ด้านภาษาไปในตัว

1. บริสตอล, อังกฤษ (Bristol, England)

ลืมชื่อของลอนดอนแล้วเก็บเข้าลิ้นชักไปได้เลย หากได้ขยับการเดินทางมายังทางตะวันตกของเมืองหลวงอีกสักนิดสู่ “บริสตอล” อีกหนึ่งแหล่งรวมของสถาบันภาษาที่ได้รับการรับรองจำนวนมาก และมีคอร์สให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกปรือเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หรือการเตรียมสอบทักษะภาษาเพื่อสอบวัดระดับนำผลไปศึกษาต่อหรือเข้าทำงาน เช่นเดียวกับรูปแบบการอยู่อาศัยที่หลากหลาย และมีโปรแกรมให้เลือกพักโฮมสเตย์กับอาจารย์สอนภาษาอังกฤษเพื่อเรียนรู้แบบเข้มข้น


สิ่งที่ทำให้บริสตอลมีชื่อเสียงติดลมบน นอกจากราคาที่เป็นมิตรกว่า และทำเลที่ตั้งไม่ไกลจากลอนดอนแล้ว ยังมีสิ่งแวดล้อมตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ผู้หลงใหลการเดินทางและวัฒนธรรม เพราะเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลนับไม่ถ้วนในแต่ละปี และยังมีชื่อเสียงในด้านเทศกาลดนตรีช่วงฤดูร้อนที่ขึ้นชื่อ หลังจากปิดภาคการเรียนภาษาแล้ว ยังสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองบาธและคาร์ดิฟฟ์ต่อไปได้อย่างสะดวกอีกด้วย

2. โอ๊คแลนด์, นิวซีแลนด์ (Auckland, New Zealand)

 

จุดหมายที่ไม่ใกล้ไม่ไกลประเทศไทยอย่างนิวซีแลนด์ เป็นอีกแหล่งที่เข้าคุณสมบัติ “ถูกทุกข้อ” ของการแสวงหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษและเดินทางท่องเที่ยวไปด้วย นอกจากพื้นฐานเรื่องความปลอดภัยไร้กังวลสำหรับผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานไปแสวงหาประสบการณ์ต่างแดนแล้ว สิ่งสำคัญคือแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงามรายรอบ เป็นใจให้เรียนภาษาอังกฤษได้อย่างเพลิดเพลิน


อีกทั้งยังมีจุดเด่นเรื่องคุณภาพของที่พักอาศัย สาธารณูปโภคพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม เต็มไปด้วยร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และหากผู้ปกครองจะติดสอยห้อยตามมาด้วย ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวรองรับจำนวนมาก เพียงเดินทางต่อจากตัวเมืองไปไม่นาน ก็สามารถเที่ยวชมเกาะ, อ่าว, หาดทราย และทางเดินทอดยาวสำหรับชื่นชมทัศนียภาพของสองทะเลอย่างแปซิฟิกและทะเลแทสมาน หรือจะชมยอดภูเขาไฟที่มีให้เลือกในบริเวณไม่ไกลกันถึง 53 ลูก


และที่พลาดไม่ได้คือการเป็นทำเลถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ที่สามารถเลือกไปได้แบบวันเดียวจบ หรือหากพักผ่อนในเมืองก็มีแหล่งกินดื่มหลากหลายวัฒนธรรมกับร้านกาแฟให้เลือกนั่งมากมายอีกด้วย

3. บริสเบน, ออสเตรเลีย (Brisbane, Australia)

 

ตั้งอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแคว้นแห่งแสงแดดในออสเตรเลีย เพราะรับแสงพระอาทิตย์มากกว่า 300 วันต่อปี อุณหภูมิที่หนาวที่สุดคือต่ำกว่ายี่สิบองศาลงมาเล็กน้อยเท่านั้น การเดินทางมาที่นี่จึงไม่ต้องกลัวความหนาวและหม่นเหงาแต่อย่างใด อีกทั้งยังเหมาะกับการตระเตรียมลุยกิจกรรมกลางแจ้งทางบกและทางทะเลครบครัน โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมคือปิดเทอมเดือนตุลาคมที่จะตรงกับช่วงฤดูใบไม้ผลิ เต็มไปด้วยดอกของต้นศรีตรังสีม่วงพราวทั่วเมือง เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง


บริสเบนยังมีบ้านพักสำหรับนักเรียนที่มีมาตรฐานและราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในออสเตรเลีย โดยสถาบันภาษามักจะนำเสนอโปรแกรมการเรียนพร้อมที่พักที่สร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ ขณะที่การเดินทางก็ยังประหยัดกว่า เพราะสามารถใช้สิทธิของนักเรียนโดยสารระบบขนส่งสาธารณะลดได้ถึง 50% และลดค่าเช่าจักรยาน “ซิตี้ ไซเคิล” ให้ปั่นทั่วเมืองถึง 25% และเมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแม่เหล็กของประเทศ ก็มี “เกรท แบริเออร์ รีฟ” แนวปะการังขนาดใหญ่ของโลกอีกด้วย

4. ซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา (San Francisco, USA)

 

เมืองขอบชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา เป็นอีกสีสันที่ต่างจากฟากตะวันออกอย่างสิ้นเชิง และให้บรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการเรียนการศึกษา เนื่องจากเป็นดินแดนแห่งเจ้าของภาษา จึงไม่ต้องห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อมที่จะเอื้ออำนวยต่อการลับคมฝึกฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษในสำเนียงอเมริกันได้อย่างเต็มที่


นอกจากนั้นซานฟรานซิสโกยังถือเป็นจุดหมายที่มีคุณภาพชีวิตยอดเยี่ยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกา เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันของกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมให้ฝึกทักษะภาษา เช่น เทศกาลดนตรี, เทศกาลศิลปะ แหล่งอาหารหลากหลายวัฒนธรรม และยังเป็นแหล่งเกษตรกรรมออร์แกนิคที่สามารถสรรหาอาหารสดใหม่เสิร์ฟถึงโต๊ะได้ไม่ยาก

นอกจากสะพานโกลเด้นเกตสีแดงโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์แล้ว ยังมีจุดพักผ่อนทั่วไปที่ช่วยเติมพลังชีวิตอย่างสวนสาธารณะจำนวนมาก เหมาะสำหรับการขี่จักรยานหรือเดินเล่นด้วยความรู้สึกผ่อนคลายให้เบาสมอง หรือลองเปลี่ยนตัวเองเป็นนักท่องเที่ยวเดินทอดน่องที่เพียร์ 39 ก็ดีไม่ใช่เล่น


และถ้าหากต้องการสร้างแรงบันดาลใจเรื่องอาชีพในอนาคต ซานฟรานซิสโกยังเป็นแหล่งรวมของสำนักงานใหญ่ธุรกิจสมัยใหม่จำนวนมาก อาทิ เฟซบุ๊ก, แอร์บีแอนด์บี, กูเกิล, ทวิตเตอร์, ยาฮู, ยูทูป ไปจนถึงบริษัทด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี อาทิ เทสล่า มอเตอร์ โดยบางแห่งมีโปรแกรมเปิดให้เยี่ยมชมสำนักงานและพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมด้วย


5. เซบู, ฟิลิปปินส์ (Cebu, Philippines)


นี่คือจุดหมายที่อยู่ใกล้ไทยที่สุด แต่มักถูกมองข้าม โดยฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เริ่มชูจุดขายเรื่องโปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษคู่กับการท่องเที่ยว จนเริ่มเป็นที่นิยมของชาวเอเชียที่ต้องการประหยัดงบประมาณ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น หลังในปี 2560 เดินทางเข้าฟิลิปปินส์กว่า 5.84 แสนคน และหนึ่งในตลาดสำคัญคือการเข้าไปเพื่อเรียนภาษาอังกฤษ เตรียมพร้อมรับกฎการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ของญี่ปุ่นที่จะเน้นเรื่องทักษะการพูดมากขึ้น เพื่อให้ชาวญี่ปุ่นพร้อมรับการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ 2020

ถือเป็นการบ่งชี้ถึงคุณภาพการศึกษาด้านภาษาอังกฤษในฟิลิปปินส์ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร แถมพ่วงด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า โดยเมืองที่ชูจุดขายด้านการเรียนภาษาควบคู่กับแพ็กเกจท่องเที่ยวคือ “เซบู” มีสถาบันการศึกษาได้มาตรฐานไม่ต่ำกว่า 15 แห่ง เช่นเดียวกับ “โบราคาย” แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลขึ้นชื่อของฟิลิปปินส์ที่กำลังสร้างชื่อเสียงตีคู่ขึ้นมาในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากเอเชียแปซิฟิกให้มาเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม และคว้าเกียรติบัตรกลับบ้านไปพร้อมกับรูปถ่ายแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ


แม้ว่าบางคนอาจจะไม่มีเวลามากพอสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนภาษาไปด้วย แต่หากมีใจฝึกปรือภาษาให้คล่อง แม้ว่าจะเป็นเพียงการท่องเที่ยวระยะสั้น หรือเดินทางในประเทศแล้วพบเจอนักท่องเที่ยวในไทย ลองอาสาเป็นเจ้าบ้านที่ดี ขยันแลกเปลี่ยนบทสนทนากับชาวต่างชาติ หรือฝึกฝนผ่านการดูหนังฟังเพลงบ่อยๆ เพื่อวันหนึ่งจะได้ใช้งานอย่างคล่องแคล่ว ก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเช่นกัน


ส่วนเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่จะไปใช้ในต่างแดน แนะนำสมัครบัตร SCB PLANET ใช้จ่ายสะดวกสบายและปลอดภัยกว่าการพกเงินสดติดตัวเยอะๆ แถมยังแลกเงินเรทพิเศษเทียบเท่าร้านแลกเงิน แลกเงินง่าย ทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน SCB EASY App แถมยังกดเงินผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศ สูงสุดเทียบเท่า 100,000 บาทต่อวัน สามารถจ่ายซื้อของที่ร้านค้า หรือซื้อทางออนไลน์ที่รับ VISA สูงสุดเทียบเท่า 500,000 บาทต่อวัน ได้ทั่วโลก  ปลอดภัย ไม่ต้องพกเงินสดเยอะขณะเดินทาง หากบัตรหาย สามารถอายัดบัตรได้ด้วยตัวเอง ผ่าน SCB EASY App  ที่สำคัญฟรี! ค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ สนใจสมัครบัตร ดูรายละเอียด -ที่นี่-