ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
28-05-2568
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ‘Fintech’ หรือ Financial Technology ได้กลายเป็นคำที่เราได้ยินบ่อยครั้ง และมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า Fintech คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร พร้อมบอกสาเหตุว่า ทำไมถึงสำคัญกับคนในยุคนี้
Financial Technology หรือ Fintech คือ การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี และบริการทางการเงิน เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายในการทําธุรกรรมทางการเงินมากยิ่งขึ้นสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างง่ายดาย โดยครอบคลุมบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการชําระเงินออนไลน์หรือ Mobile Banking การโอนเงิน การให้สินเชื่อ การลงทุน การวิเคราะห์หุ้น และการประกันภัย
Fintech มีบทบาทสำคัญมากในชีวิตประจำวันของคนธรรมดาอย่างเรา ๆ เพราะ Fintech ช่วยให้การจัดการเงิน และการทำธุรกรรมต่าง ๆ สะดวก และรวดเร็วขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การใช้แอปธนาคารบนโทรศัพท์ เพื่อทำธุรกรรมอย่างโอนเงิน ชำระบิลหรือเช็กยอดเงินในบัญชีได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องไปธนาคาร ซึ่งช่วยให้ชีวิตทางการเงินของคนธรรมดาสะดวกสบาย และสามารถจัดการหรือวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ประโยชน์ของ Fintech มีอะไรบ้าง ? Fintech มีประโยชน์มากมายที่ช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายจากการทำธุรกรรมทางการเงินบนโทรศัพท์ ไม่ว่าจะโอนเงิน ชำระบิลหรือซื้อของออนไลน์ ช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา นอกจากนี้ Fintech ยังมีบริการใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ เช่น แอปวางแผนการเงินหรือการลงทุนออนไลน์ที่ช่วยให้เราจัดการเงินของตัวเองได้ดีขึ้นในระยะยาว
แล้วประเภทของ Fintech มีอะไรบ้าง? มารู้จัก 4 ประเภทของ Fintech ได้แก่ Mobile Banking, Mobile Payments, Blockchain และ Crowdfunding ไปพร้อม ๆ กัน
Fintech ประเภทแรก หลายคนคงใช้กันอยู่เป็นประจำอย่าง Mobile banking หรือบริการทางการเงินออนไลน์ที่สามารถทำธุรกรรมผ่านอุปกรณ์มือถือ เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต โดยใช้แอปพลิเคชันของธนาคาร สามารถเช็กยอดเงิน ดูประวัติการทำรายการ โอนเงิน จ่ายบิล และทำธุรกรรมอื่น ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องไปธนาคาร เพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา ลดต้นทุนในการทำธุรกรรม และมีความปลอดภัยสูง
Fintech ประเภทต่อมา คือ Mobile payments หรือ E-wallet (กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์) เป็นระบบการชำระเงินที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์พกพาอื่น ๆ โดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือบัตรเครดิต และสามารถบันทึกข้อมูลบัตรเครดิต บัตรเดบิตหรือบัญชีธนาคารไว้ในแอปพลิเคชันหรือสแกน QR Code E-wallet อีกทั้งยังสามารถใช้โอนเงินระหว่างบุคคล เติมเงินมือถือ และจ่ายบิลต่าง ๆ ได้อีกด้วย
Blockchain คือ เทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย และโปร่งใสสูง สามารถทำธุรกรรมการเงินได้แบบไม่พึ่งตัวกลาง โดยข้อมูลจะถูกเก็บในรูปแบบของ "บล็อก" ที่เชื่อมต่อกัน และต้องเข้ารหัสทางคริปโตกราฟี ทำให้ข้อมูลไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้โดยง่าย ทำงานผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมากที่ช่วยกันตรวจสอบ และยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ส่งผลให้ Fintech ประเภทนี้ มีความน่าเชื่อถือสูง
Crowdfunding เป็นวิธีระดมทุนสมัยใหม่ที่เชื่อมโยงผู้ต้องการเงินทุนกับนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก โดยผลตอบแทนที่ได้รับจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างผู้ระดมทุนกับผู้ลงทุน ซึ่ง Fintech ประเภทนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการ นักสร้างสรรค์ และองค์กรการกุศลสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากทำสตาร์ทอัป แต่ยังมีทุนไม่มากพอ
Fintech อยู่ใกล้ตัว และมีบทบาทสำคัญกับชีวิตประจำวันของเราทุกคนอย่างมาก สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่นแอป SCB EASY ที่แอปเดียวตอบโจทย์ทั้งการโอนเงิน จ่ายบิล เติมเงิน ซื้อประกัน ไปจนถึงเรื่องการลงทุน แบบครบจบในที่เดียว