ลงทุนกองทุนรวมอย่างไรให้รวยกว่า เร็วกว่า

“เคยคิดหรือเปล่าว่า ถ้าอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ต้องมีเงินเก็บก้อนแรกเท่าไหร่” “เคยคิดหรือเปล่าว่า ตอนเกษียณจะต้องมีเงินเท่าไหร่และจะเอาเงินจากที่ไหนมาใช้จ่าย” หรือจะนำเงินออมไปต่อยอดลงทุนแบบไหนให้เงินงอกเงย


ข้อดีของการออมเงิน คือ มีไว้เป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือเพื่อเป้าหมายของชีวิต เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ แต่งงาน และนำไปลงทุนเพื่อให้ออกดอกออกผลเตรียมไว้ใช้ยามเกษียณ ดังนั้น ถ้าเริ่มต้นออมเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ จะมีโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว


อาจมีคำถามตามมาว่า ผู้ที่มีเงินเดือนไม่มาก ขณะเดียวกันยังมีภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนรวมถึงภาระหนี้สิน คงจะไม่มีเงินเหลือเก็บออม ถึงจะมีเหลือก็อาจจะมีไม่มาก แล้วจะฝันถึงชีวิตที่มีอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไร คำตอบ คือ ทำฝันให้เป็นจริงได้แน่นอน  ด้วยการเริ่มเก็บออมทีละน้อย ๆ ด้วยวิธีทยอยลงทุนแบบ DCA คือการทยอยลงทุนเป็นประจำทุกเดือนในจำนวนเงินที่เท่า ๆ กัน

สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นนำเงินออมไปต่อยอดลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับที่ไม่สูง


ในกองทุนรวมมากนัก ทางออกที่น่าสนใจ คือ การลงทุนกับกองทุนรวม ถือเป็นช่องทางการลงทุนที่เหมาะกับการลงทุนแบบ DCA  ซึ่งเหมาะกับผู้ลงทุนที่ยังไม่กล้าลงทุน  ครั้งละมาก ๆ และค่อนข้างระมัดระวังในการลงทุน อีกทั้ง เนื่องจากกองทุนรวมมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายจึงเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี ดังนั้น เมื่อเกิดความเสียหายก็จะลดความสูญเสียเงินลงทุนไปทั้งหมด


ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม คือ มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลบริหารเงินลงทุนให้งอกเงย ไม่ว่าจะมีเงินมาก หรือมีเงินน้อยก็ลงทุนได้ และยิ่งมีวินัยในการลงทุน  รวมถึงมีการเลือกกองทุนที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนในระยะยาว กองทุนรวมจะสามารถทำให้รวยเร็วและรวยกว่าได้


นอกจากความสม่ำเสมอในการลงทุนแล้ว การเลือกกองทุนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้มูลค่าเงินลงทุนงอกเงยยิ่งขึ้น ซึ่งต้องพิจารณาทั้งนโยบายการลงทุนที่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและตลาดการลงทุนในขณะนั้น  หากผู้ลงทุนไม่มั่นใจในการเลือกกองทุนด้วยตนเอง ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะปัจจุบันนี้ SCB EASY App มีฟีเจอร์ใหม่ WEALTH4U เข้ามาช่วยวิเคราะห์และแนะนำกองทุนที่เหมาะกับเราให้ ซึ่งผ่านการคิด วิเคราะห์ตามหลักเกณฑ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ประกอบกับการประมวลข้อมูลจาก AI จนได้เป็นกองทุนแนะนำสำหรับแต่ละคน เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกลงทุนได้อย่างมั่นใจ ง่าย และสะดวกกว่าที่เคย

สรุปเทคนิคการลงทุนเพื่อให้ “รวยเร็ว รวยกว่า” มีดังนี้

  • เลือกกองทุนที่มีผลตอบแทนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง (ระยะเวลา 1-3 ปี โดยเฉลี่ย)
  • ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ กระจายความเสี่ยง สร้างวินัยการลงทุนให้เป็นนิสัย
  • พิจารณาเปรียบเทียบผลตอบแทน และศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

ตัวอย่างการลงทุนที่มีระยะเวลาลงทุนแตกต่างกัน

ทั้ง 5 กรณี เป็นตัวอย่างการลงทุนในกองทุนรวม โดยลงทุนทุกเดือน เดือนละ 2,000 บาท ตลอดระยะเวลาการลงทุน และได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี

ตัวอย่าง ระยะเวลาลงทุน เงินที่จะได้เมื่อหยุดลงทุน เงินที่จะได้เมื่ออายุ 60 ปี
กรณีที่ 1
เริ่มลงทุนอายุ 25 ปี
หยุดลงทุนอายุ 34 ปี
10 ปี
(120 เดือน)
310,565 บาท 1,051,683 บาท
กรณีที่ 2
เริ่มลงทุนอายุ 25 ปี
หยุดลงทุนอายุ 60 ปี
36 ปี
(432 เดือน)
2,412,992 บาท 2,412,992 บาท
กรณีที่ 3
เริ่มลงทุนอายุ 35 ปี
หยุดลงทุนอายุ 44 ปี
10 ปี
(120 เดือน)
310,565 บาท 677,924 บาท
กรณีที่ 4
เริ่มลงทุนอายุ 35 ปี
หยุดลงทุนอายุ 60 ปี
26 ปี
(312 เดือน)
1,276,512 บาท 1,276,512 บาท
กรณีที่ 5
เริ่มลงทุนอายุ 45 ปี
หยุดลงทุนอายุ 60 ปี
16 ปี
(192 เดือน)
586,486 บาท 586,486 บาท


(วิธีการคำนวณ : ใช้เครื่องคำนวณ EZ Financial Calculators ในฟังก์ชั่น TVM calculator เพื่อคำนวณมูลค่าเงินลงทุนในอนาคต ด้วยการใส่เงินลงทุนที่กำหนดเอาไว้ เช่น รายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส รายปี จากนั้นใส่อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ และระยะเวลาที่ต้องการลงทุน (เช่น รายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส รายปี) ก็จะได้ผลลัพธ์มูลค่าเงินลงทุนในอนาคต)

กรณีที่ 1 และ 3 ถึงแม้จะหยุดลงทุนตอนอายุ 34 ปี และ 44 ปี ตามลำดับ แต่ยังคงเก็บเงินไว้ในกองทุนรวมนี้ต่อโดยไม่ถอนออกมา เงินก็ยังคงงอกเงยขึ้นตามผลตอบแทน


กรณีที่ 2, 4 และ 5

เริ่มลงทุนในกองทุนรวมด้วยอายุที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสามกรณี ลงทุนต่อเนื่องจนถึงอายุ 60 ปี

โดยกรณีที่ 2 ที่เริ่มต้นลงทุนเร็ว และทำต่อเนื่องสม่ำเสมอ จะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด และคำตอบคือ ความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น โดยเงินต้นจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อเงินต้นเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนที่ได้รับจะเพิ่มตามระยะเวลาที่ลงทุนด้วย


จะเห็นว่า กุญแจสำคัญมี 3 ดอก คือ อัตราดอกเบี้ย เวลา และการลงทุนอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ถอนออกมาใช้ ทำให้ยิ่งเวลาผ่านไปยาวนานเท่าไหร่ ผลตอบแทนจะยิ่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลายเป็นพลังของดอกเบี้ยทบต้น ทำให้ประโยค “เริ่มก่อน รวยก่อน และรวยเร็วกว่า” ยังใช้ได้เสมอ