ทำไมนักลงทุนไทยต้องรู้จักดัชนีหุ้นต่างประเทศ

ในการตัดสินใจลงทุนในหุ้น นอกจากการวิเคราะห์ในตัวหุ้นที่เราต้องการลงทุนแล้ว สิ่งที่นักลงทุนควรจะต้องพิจารณาเพิ่ม คือ การมององค์ประกอบโดยรวม ณ ช่วงเวลานั้น ว่ามีบรรยากาศเอื้ออำนวยหรือส่งผลบวกต่อโอกาสในการลงทุนหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นองค์ประกอบจากปัจจัยทางมหภาค เช่น ทิศทางของตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศ กระแสเคลื่อนไหวของเงินทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) สภาพคล่องภายในประเทศ สภาวะเศรษฐกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นในการลงทุน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และองค์ประกอบทางด้านจิตวิทยาทางการลงทุนว่าช่วงเวลานั้นนักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นในบทความนี้จะมาแนะนำตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่นักลงทุนควรทำความรู้จัก  เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงลทุน ได้แก่

  • ตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาหุ้นที่สำคัญชื่อ ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones) เป็นดัชนีที่คิดคำนวณจาก หุ้นบลูชิพ โดยเป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานมั่นคง เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ จำนวน 30 ตัวที่ซื้อขายใน New York Stock Exchange และ Nasdaq ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัททั้ง 30 แห่งนั้นเป็นที่รู้จักอย่างดี เป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมและมีขนาดใหญ่มาก ดัชนีดาวโจนส์ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในดัชนีที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและได้รับการยอมรับให้เป็นตัวชี้วัดภาพรวมของตลาดและเศรษฐกิจ เพราะทั้ง 30 บริษัทล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของอเมริกา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมหุ้นทั้ง 30 ตัวได้ที่ https://www.investing.com/indices/investing.com-united-states-30-components

  • ตลาดหลักทรัพย์ของอังกฤษ ดัชนีราคาหุ้นที่สำคัญชื่อ ดัชนีไฟแนนเชียลไทม์ (Financial Times) ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าตามราคาตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและ Nasdaq ของสหรัฐฯ

  • ตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่น ดัชนีราคาหุ้นที่สำคัญชื่อ ดัชนีนิกเกอิ (Nikkei) เป็นตลาดที่มีมูลค่าตามราคาตลาดเป็นอันดับ 4 ของโลกและเป็นดัชนีที่เก่าแก่ที่สุดของเอเชีย สามารถใช้เป็นตัวสะท้อนภาพเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้

  • ตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกง ดัชนีราคาหุ้นที่สำคัญชื่อ ดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng) โดยดัชนีฮั่งเส็งนั้นนับได้ว่ามีความใกล้ชิดกับนักลงทุนไทยเป็นพิเศษ ด้วยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ในเอเซียที่สำคัญ อีกทั้งยังมีระยะเวลาเปิดซื้อขายก่อนประเทศไทยอยู่ประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งพอที่นักลงทุนไทยจะนำมาเป็นแนวทางการเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์ในบ้านเราได้บ้าง นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเป็นช่องทางในการระดมเงินทุนจากต่างประเทศเพื่อนำไปลงทุนในประเทศจีน โดยหุ้นของบริษัทในประเทศจีนจะจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในรูปแบบ H-Shares โดยได้รับอนุญาตจาก China Securities Regulatory Commission

  • ตลาดหลักทรัพย์ของสิงคโปร์ ดัชนีราคาหุ้นที่สำคัญชื่อ ดัชนีสเตรตสไทม์ (Striats Times) สิงคโปร์ถือว่าเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่มีฐานะการเงินที่มั่นคง และมีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาลงทุนมากมาย และมีผลิตภัณฑ์การลงทุนให้ลูกค้าเลือกลงทุนอย่างหลากหลาย

เหตุผลที่เราต้องมาทำความรู้จักดัชนีหุ้นต่างประเทศตามที่กล่าวมาข้างต้น เพราะดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นตัวชี้วัดความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย เช่น

  • การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจ จะมีผลต่อนโยบายต่างๆ ของประเทศ

  • การปฏิวัติ รัฐประหาร ส่งผลถึงเสถียรภาพ ภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายต่างๆ ของประเทศ

  • สภาวะเศรษฐกิจของต่างประเทศ ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของโลก ซึ่งรวมไปถึงตัวเลขอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน และอัตราผลผลิต เพราะประเทศไทยมีการค้าขายกับนานาประเทศ หากประเทศผู้ค้าของเรามีปัญหาทางเศรษฐกิจ ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัย

  • ปัญหาที่เกี่ยวกับสถาบันการเงิน เช่น กลุ่มยุโรป ต้องการเม็ดเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องและแก้หนี้

  • สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะประเทศจีน หากไม่สามารถเจรจาหาข้อสรุปได้ จะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและชะลอตัวได้

  • การเคลื่อนไหวของเงินทุน หรือ Fund Flow โดยตลาดหุ้นที่มีราคาแพงจะถูกขายทำกำไร เพื่อนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นที่มีราคาต่ำ เพื่อก่อให้เกิดกำไรสูงสุด ซึ่งการเคลื่อนไหวของเงินทุนจะเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความผันผวนในการลงทุนที่สูงขึ้น


ดังนั้นในการวิเคราะห์การลงทุนในปัจจุบัน การวิเคราะห์แต่เพียงภาวะเศรษฐกิจในประเทศ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป นักลงทุนจำเป็นต้องวิเคราะห์ถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงประเทศมหาอำนาจ และประเทศที่เป็นคู่ค้าของประเทศไทยว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เหล่านั้นเป็นเช่นไร ผ่านการดูดัชนีหุ้นต่างประเทศว่ามีแนวโน้มขึ้นลงเป็นอย่างไรด้วย เพราะดัชนีหุ้นต่างประเทศ เป็นตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจและจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นได้ดีระดับหนึ่ง เช่น หากเปิดตลาดมาแล้วพบว่าตลาดเพื่อนบ้านเขียว ตลาดหุ้นไทยก็มีโอกาสเป็นบวกได้ (หากปัจจัยในประเทศไม่เปลี่ยนแปลง) ในทางตรงกันข้าม หากเปิดตลาดมาตลาดเพื่อนบ้านแดง เราก็อาจต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่ตลาดบ้านเราก็อาจจะแดงตามไปด้วย


กล่าวโดยสรุป ในการที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น นอกจากการมีความรู้ในสิ่งที่เราลงทุนแล้ว นักลงทุนจำเป็นต้องมีเวลาในการติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งมีการทบทวนกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ การลงทุนผ่านกองทุนรวมโดยมีมืออาชีพที่คอยบริหารจัดการการลงทุนให้เรา น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์  อย่างไรก็ดี คุณจำเป็นต้องมีความรู้เพื่อเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ตอบโจทย์ ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง อย่าลืมลงทุนกับความรู้ ขอให้โชคดีในการลงทุน

  • มีเงินเข้าออกผ่านบัญชีธนาคาร เนื่องจากบัญชีเงินฝากเป็นหลักฐานทางการเงินชิ้นแรกๆ ที่ใช้ตรวจสอบสถานภาพทางการเงินของบุคคล โดยเฉพาะบัญชีที่มียอดเงินฝากสูงต่อเนื่องเป็นประจำ และมียอดถอนน้อยกว่ายอดฝาก หรือมีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอทุกเดือนในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน ยิ่งจะทำให้สถาบันการเงินเชื่อมั่นว่าเราเป็นผู้ที่มีเครดิตทางการเงินที่ดี

  • ฝากประจำหรือลงทุนเท่าๆ กันทุกเดือน เช่น เปิดบัญชีเงินฝากประจำ 2 ปีที่ต้องฝากเงินเท่ากันทุกเดือน วงเงินฝากมากน้อยไม่สำคัญ ขอแค่ว่าคุณฝากเงินเข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ ทำแบบนี้แค่ 2 ปี คุณก็เป็นเจ้าของเครดิตการเงินที่ดีได้อย่างไม่ยาก แม้ว่าวิธีนี้อาจไม่ได้เป็นการสร้างเครดิตทางการเงินโดยตรง แต่เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้สถาบันการเงินเห็นมากกว่า

  • การตัดเงินจากบัญชีเพื่อลงทุนในกองทุนรวมเป็นรายเดือน สามารถสร้างเครดิตทางการเงินไปพร้อมๆ กับสร้างวินัยทางการเงินได้ เมื่ออนาคตคุณจะทำธุรกรรมการเงิน สถาบันการเงินก็จะเห็นความสม่ำเสมอและวินัยของคุณ โอกาสในการได้รับอนุมัติเงินกู้ทำธุรกรรมการเงินประเภทอื่นก็ง่ายขึ้นด้วย


กล่าวโดยสรุป การใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด มีการลงทุน และออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีวินัยในการชำระหนี้สินอย่างตรงต่อเวลา เป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้น ทำให้คุณเป็นคนที่มีเครดิตทางการเงินที่ดี และส่งผลให้คุณประสบความสำเร็จทางการเงินได้อย่างแน่นอน

บทความโดย :  นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®   นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร