ค้ำประกัน จำนอง จำนำ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

ค้ำประกัน จำนอง จำนำ ปกติเราเคยได้ยินคำทั้งสามคำนี้มากันตลอดเวลา ทั้งจากสื่อที่นำเสนอข่าวสารในช่องทางต่าง ๆ ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง หลายคนอาจคิดว่าคำสามคำนี้คืออันเดียวกันบ้าง แต่จริง ๆ แล้วจะเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ดังนั้นเราลองมาศึกษากันว่า ค้ำประกัน จำนอง จำนำ คืออะไร และเหมือนหรือต่างกันหรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้ ค้ำประกัน จำนอง จำนำ มีกำหนดไว้เป็นตัวบทกฎหมายบัญญัติไว้ในประมวลแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ว่าด้วยเอกเทศสัญญา โดยทั้งสามเรื่องนี้มีหลักสำคัญที่นำมาเสนอให้เข้าใจได้พอสังเขป ดังนี้


1. ค้ำประกัน

การค้ำประกันเป็นการทำสัญญา ซึ่งต้องมีบุคคลภายนอก หรือที่เรียกว่า ผู้ค้ำประกัน โดยต้องเข้ามาผูกพันทางกฎหมายต่อเจ้าหนี้ เพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้กรณีลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามสัญญา ในการทำสัญญาค้ำประกันนี้ จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด พร้อมกับลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันไว้ด้วย มิฉะนั้นจะฟ้องบังคับคดีกันไม่ได้ สัญญาค้ำประกันจะต้องระบุหนี้หรือสัญญาค้ำประกันไว้โดยชัดแจ้ง และ
ผู้ค้ำประกันย่อมรับผิดเฉพาะหนี้หรือสัญญาที่ระบุไว้เท่านั้น

กรณีเมื่อลูกหนี้ผิดนัด เมื่อถึงกำหนดวันเวลาที่ต้องชำระหนี้ตามที่ได้ตกลงกับเจ้าหนี้แล้ว กฎหมายกำหนดให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด ในระหว่างนี้ห้ามเจ้าหนี้เรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ก่อนที่หนังสือบอกกล่าวจะไปถึงผู้ค้ำประกัน

หากผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้หมดแล้ว ผู้ค้ำประกันยังมีสิทธิ์ที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อเงินต้นกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหาย หรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกันนั้นได้ หรือหากเมื่อถึงกำหนดชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันสามารถขอชำระหนี้กับเจ้าหนี้ได้ตั้งแต่เมื่อถึงกำหนดชำระหนี้

สาระสำคัญของค้ำประกัน

- เป็นการค้ำประกันหนี้ของบุคคลภายนอก โดยที่บุคคลภายนอกยินยอมเข้าผูกพันตนต่อหนี้ของบุคคลอื่น

- ต้องมีหนี้ที่เรียกกันว่าหนี้สัญญาประธาน ซึ่งจะเกิดจากสัญญาหรือมูลละเมิดก็ได้ (มูลละเมิดคือ ค่าเสียหายในทางแพ่งอันเกิดจากการกระทำโดยผิดกฎหมายก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ซึ่งจะกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ตาม)  

- สัญญาค้ำประกันจะทำด้วยวาจาหรือทำเป็นหนังสือก็ได้ แต่หากไม่ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ
ผู้ค้ำประกันไว้ จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้

- ผู้ค้ำประกันมีสิทธิไล่เบี้ยจากลูกหนี้ได้


2. จำนำ

การจำนำเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนทรัพย์สินมาเป็นเงินได้รวดเร็วและทรัพย์ยังเป็นของผู้จำนำ เป็นสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างผู้จำนำกับผู้รับจำนำ โดยประการสำคัญคือต้องมีการส่งมอบทรัพย์สินเพื่อเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ ถือเป็นการนำทรัพย์สินที่เรียกประเภททรัพย์สินนั้นว่า สังหาริมทรัพย์ เช่น ทองคำ นาฬิกา รถยนต์ เป็นต้น ส่วนทรัพย์ที่ไม่สามารถนำมาจำนำได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์นอกพาณิชย์
(ทรัพย์นอกพาณิชย์ คือ ทรัพย์ที่ไม่อาจนำมาชื้อขายแก่กันได้ หรือเป็นทรัพย์ที่ไม่อาจโอนแก่กันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น ดวงดาว ดวงอาทิตย์ ที่ธรณีสงฆ์) เป็นต้น

ผู้จำนำนั้นอาจเป็นลูกหนี้หรือบุคคลที่สามก็ได้ โดยการทำสัญญาจำนำ ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด แต่ความสำคัญของการจำนำนั้นคือต้องตกลงกันให้ชัดเจนเพื่อเป็นหลักประกันในมูลหนี้ และต้องมีการนำส่งมอบทรัพย์สินให้แก่ผู้รับจำนำ หากเมื่อถึงกำหนดวันเวลาที่ต้องชำระหนี้แล้ว ผู้จำนำหรือลูกหนี้ไม่มาชำระหนี้ตามกำหนด เรียกว่าลูกหนี้ผิดนัด ผู้รับจำนำหรือเจ้าหนี้ผู้รับจำนำ สามารถนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาดได้ โดยไม่ต้องฟ้องร้องต่อศาล

สาระสำคัญของจำนำ

- ทรัพย์สินที่นำมาจำนำนั้นต้องเป็นสังหาริมทรัพย์ และผู้จำนำต้องเป็นเจ้าของหรือเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จำนำ

- สัญญาจำนำนั้นเป็นสัญญาอุปกรณ์ (สัญญาอุปกรณ์ คือ สัญญาที่ทำขึ้นหลังจากสัญญาประธานเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ หากไม่มีสัญญาประธานแล้วสัญญาอุปกรณ์ก็มิอาจมีได้) และไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ต้องมีการส่งมอบทรัพย์สินไว้เพื่อเป็นหลักประกัน

 

property-backed-loan

3. จำนอง

การจำนองมีลักษณะใกล้เคียงกับการจำนำอยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นการที่นำทรัพย์สินส่งมอบให้แก่กันเพื่อเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ แต่ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันในการจำนองนั้น จะต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เช่น ที่ดิน คอนโดมีเนียม เป็นต้น ดังนี้ การจำนอง เข้าใจอย่างสั้น ๆ ว่า การกำหนดความผูกพันทางกฎหมายระหว่างบุคคลของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เกิดความเชื่อใจ เชื่อมั่นในการชำระหนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ทำสัญญากัน แล้วนำทรัพย์สินมอบไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ ซึ่งการจำนองนั้นเป็นสัญญาที่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยสัญญาจำนองเป็นสัญญาอุปกรณ์

ปกติแล้วทรัพย์สินที่นำมาจำนองต้องเป็นของผู้จำนอง ในกรณีที่ไม่ใช่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่แท้จริง ทรัพย์สินที่นำมาจำนอง ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ หมายรวมถึงที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดิน ที่มีลักษณะเป็นการถาวร หรือประกอบอันเดียวกันกับที่ดิน และหมายความรวมถึงทรัพย์สินอันเกี่ยวกับที่ดิน หรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดิน หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย และทรัพย์สินอีกประเภทที่อาจนำมาจำนองได้ คือ สังหาริมทรัพย์ที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย คือ เรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป แพ สัตว์พาหนะ เป็นต้น

กรณีการบังคับจำนอง เมื่อหนี้ในสัญญาหลักหรือที่เรียกว่าหนี้ประธานถึงกำหนดชำระหนี้แล้ว และปรากฎว่าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด คือ ดำเนินการฟ้องร้องบังคับคดีต่อศาล ตามสัญญาจำนองที่ได้ทำกันไว้แล้ว โดยใช้คำพิพากษา ดำเนินการยึดทรัพย์สินที่มาจำนองนั้นออกขายทอดตลาดต่อไป เนื่องจากการจำนองนั้น กรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของผู้จำนองอยู่

สาระสำคัญของจำนอง

- เป็นสัญญาอุปกรณ์ที่ใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกันชำระหนี้

- ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่

- เมื่อถึงกำหนด ลูกหนี้ไม่มาชำระหนี้ตามสัญญา การบังคับจำนองต้องฟ้องร้องต่อศาลเพื่อบังคับจำนองนำทรัพย์สินขายทอดตลาดต่อไป

ดังนี้ทั้ง ค้ำประกัน จำนำ จำนอง เป็นการทำสัญญาเพื่อความเชื่อมั่นและเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ เหมือนกันทั้งสามคำแต่ในทางกฎหมายแล้ว มีรายละเอียด ข้อกำหนด สภาพบังคับ เงื่อนไขต่างๆ และการบังคับตามบทบัญญัติ ของกฎหมายที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก ฉะนั้น เนื้อความข้างต้นเป็นการนำเสนอให้เข้าใจในเบื้องต้นเท่านั้น ใครที่คิดจะ ค้ำประกัน จำนำ จำนอง นอกจากมีความจำเป็นแล้ว จะต้องคิดให้ถี่ถ้วนและรอบคอบอย่างยิ่ง  เพราะจะทำให้ต้องผูกพันตามสัญญาที่ทำไว้ให้ต้องรับผิดชอบต่อไป

 

บทความโดย นคร วัลลิภากร