รู้พฤติกรรม LGBTQ ฮีโร่กำลังซื้อพลิกฟื้นยอดขาย

เมื่อการค้าขายที่เคยลื่นไหล มีอันต้องมาชนตอดังเปรี้ยง ทั้งตอด้านเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด อย่างที่โลกกำลังเผชิญในทุกวันนี้ การค้นฟ้าคว้าตลาดที่ยังคง “มีกำลังซื้อ” และ “พร้อมจับจ่าย” ให้ฉับไวทันใจนับเป็น ท่าไม้ตายสำคัญที่ช่วยกอบกู้ธุรกิจที่ซบเซา


หากเจาะลึกไปที่แวดวงธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมในไทย หลายปีมาแล้วที่ “กลุ่มคนที่มีความหลาก หลายทางเพศ” หรือ LGBTQ เข้ามาเป็นลูกค้าสุดพิเศษที่เข้ามาหมุนเวียนเพิ่มอัตราเช็คอินไม่ขาดสาย และจัดอยู่ในกลุ่ม กำลังซื้อสูง พร้อมจ่ายไวแบบไม่อั้น ขอเพียงให้สินค้าและบริการนั้นมีคุณภาพโดนใจ


ผลสำรวจจากกลุ่มนักท่องเที่ยวอเมริกันที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม 2564 หลังจากประชาคมโลกกรำศึกหนักรับมือ การระบาดของโควิด-19 ช่วยยืนยันอีกเสียงว่า กลุ่ม LGBTQ+ นี่แหละ ถือเป็นนักท่องเที่ยวแถวหน้าผู้ไม่หวั่นกลัว พร้อมเก็บ กระเป๋าเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง เมื่อเทียบพฤติกรรมกับนักท่องเที่ยวทั่วไป


และจากข้อมูลพื้นฐานที่บ่งบอกความพร้อมอย่างการครอบครองหนังสือเดินทาง พบว่ากลุ่ม LGBTQ มีพาสปอร์ตคู่กาย อยู่แล้วถึง 77% เทียบกับคนที่ไม่ใช่กลุ่มทั่วไปมีหนังสือเดินทางติดตัวเพียง 42% ขณะเดียวกัน ยังมีกลุ่ม LGBTQ กว่า 43% ที่ระบุว่าพร้อมตีตั๋วขึ้นเครื่องบินอีกครั้งหลังจากปลดล็อกการเดินทาง สูงกว่ากลุ่มคนทั่วไปที่มีพร้อมเพียง 35% เท่านั้น และอัตราของกลุ่ม LGBTQ ที่ไว้วางใจเข้าพักโรงแรมยังมีถึง 59% สูงกว่ากลุ่มคนทั่วไปซึ่งอยู่ที่ 50% ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปในช่วงก่อนโควิด-19 ผลสำรวจหลายสำนักยืนยันตรงกันด้วยว่า อัตราการเดินทางเฉลี่ยของกลุ่ม คนหลากหลายทางเพศนั้นไม่ธรรมดา เพราะมีจำนวนเฉลี่ยนถึง 5.5 ครั้งต่อปีมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับคนทั่วไปที่เดินทางเฉลี่ยเพียง 2 ครั้งต่อปี


ด้วยความพร้อมด้านเศรษฐกิจในขั้นดี สะท้อนจากผลสำรวจที่กลุ่ม LGBTQ+ ถึง 46% บอกว่าตัวเองได้รับผลกระทบเรื่องการเงินจากโควิดน้อยมากถึงไม่มีเลย และอีก 14% ที่ได้รับผลด้านบวกในวิกฤตครั้งนี้และมีกลุ่ม LGBTQ+ ที่อยากเดินทางท่องเที่ยวมากถึงมากที่สุดสูงถึง 79%


ทั้งนี้ สิ่งที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้ความสำคัญคือเรื่องความปลอดภัย โดยผลสำรวจจาก Community Marketing & Insights ว่ากลุ่ม LGBTQ+ กว่า 42% จะไม่เดินทางไปรัฐที่ผ่านร่างกฎหมายต่อต้านกลุ่มคนข้ามเพศ (Anti-Transgender) และ 35% จะเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวในรัฐหรือเมืองที่มีชื่อเสียงว่าเป็นมิตรกับชาว LGBTQ+และไม่ได้มีเฉพาะหมวดหมู่การท่องเที่ยวเท่านั้น ที่กลุ่ม LGBTQ ยืนหนึ่งอย่างโดดเด่น เพราะหากหันไปสำรวจการซื้อขายในธุรกิจอื่นๆ จะพบว่ากลุ่ม LGBTQ นั้นพร้อมจับจ่ายในระดับเหนือกว่าผู้บริโภคทั่วไปเช่นกัน

lbgqt-increase-sales-01

จากรายงานของ Kearney ปี 2563 ครอบครัวกลุ่ม LGBTQ+ ในสหรัฐมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าครัวเรือนทั่วไป (92,000 USD vs 86,000 USD) และลูกค้ากลุ่มนี้มีแนวโน้มจะหาซื้อสินค้าแบรนด์ที่มีการสื่อสารเข้าถึงพวกเขา โดยเป็นตัวแทนและรวมพวกเขาเข้าไปด้วยเพื่อเป็นการตอบแทนการสนับสนุนและความเป็นมิตรที่มีต่อกลุ่ม LGBTQ+ และเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ที่สนับสนุนพวกเขามาก โดยผลสำรวจ “14th Annual LGBTQ Community Survey,” Community Marketing and Insights (CMI) พบว่า 72% ของกลุ่ม LGBTQ+ อยากซื้อสินค้าแบรนด์ที่โฆษณาในสื่อของกลุ่ม LGBTQ+


นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ ผลจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง LGBTQ ในสหรัฐอเมริกาของ Nielsen ที่ออกมาในช่วงกลางปี 2563 ระบุว่า 10% เกมเมอร์ที่ระบุว่าตัวเองเป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศนั้น ใช้จ่ายเพื่อการเล่นเกมต่อเดือน มากกว่ากลุ่มคนทั่วไปถึง 8% และให้ความสำคัญกับประสบการณ์การเล่นเกมที่เต็มขั้น จึงพร้อมจับจ่ายอย่างเต็มที่ สังเกตจาก ความนิยมลงทุนซื้อ “เครื่องเล่นเกม” ไว้ในครอบครองที่มีสูงถึง 77% โดยมีแบรนด์ยอดนิยมทั้ง PlayStation, XBOX และ Nintendo เข้าไปครองใจคนกลุ่มนี้


บทสำรวจเหล่านี้อาจบ่งชี้ตรงกันถึงกำลังซื้ออันสดใสของกลุ่ม LGBTQ ทว่านอกจากการเป็นตลาดกอบกู้วิกฤต แล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการควรใส่ใจมากกว่าคือ “ความจริงใจ” ในการต้อนรับพวกเขาเฉกเช่นเดียวกับลูกค้าทั่วไป และยิ่ง หากสร้างสิ่งแวดล้อมในทุกองค์ประกอบของธุรกิจโดยคำนึงถึงความเท่าเทียมกันทางเพศได้ ไม่ใช่เฉพาะหน้าฉากการขาย ความยั่งยืนในการครองใจผู้บริโภคกลุ่มนี้แบบนี้ ย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

เมื่อต้นปี 2563 Stonewall Workplace Equality Index เปิดผลสำรวจ 100 รายชื่อนายจ้างที่ชุมชนคนรักร่วมเพศ ในอังกฤษยกย่องว่าเป็น LGBT-Inclusive หรือสถานประกอบการที่ใส่ใจดูแลพนักงานที่มีความหลากหลายทางเพศอย่าง เท่าเทียม พบว่ามีธุรกิจแบรนด์ดังอย่าง Sainsbury ห้างค้าปลีกที่มีสาขามากมายติดกลุ่มไปด้วย ถือเป็นการขยับปรับตัว ของธุรกิจรายใหญ่ในภาคสินค้าและบริการที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการส่งสัญญาณให้ โลกเห็นว่า การจัดการภายใน อย่างการปฏิบัติต่อพนักงานตนเอง ด้วยการให้โอกาสทำงานอย่างเท่าเทียมและเปิดกว้างให้ พนักงานเหล่านั้นได้แสดง ออกตัวตน ไม่ต้องปิดบังหรือหลบซ่อนตัวจากสังคม จะเป็นสิ่งที่ผู้คน “มองเห็น” และพร้อม “สนับสนุน” เสมอ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเป็นอะไรก็ตาม

แหล่งที่มา

https://www.phocuswire.com/why-hotel-marketing-strategies-should-include-lgbtqia-travelers

https://communitymarketinginc.com/documents/temp/CMI_24th-LGBTQ-Travel-Study-Report2019.pdf

https://qvoicenews.com/2020/08/18/gaymers-spend-more-on-video-games-than-heterosexual-players/

https://twitter.com/NielsenKnows/status/1278112056986808326

https://www.retailtimes.co.uk/sainsburys-named-top-employer-for-lgbt-staff/

https://cmi.info/documents/temp/CMI_LGBTQ-COVID_May-2021.pdf

https://www.emarketer.com/content/lgbtq-consumers-value-brand-support-beyond-pride-month