สุขได้แม้ในยามวิกฤติ แม้มี COVID สติก็ไม่แตก

ตอนนี้คงไม่มีเรื่องไหนฮอตเท่ากับเรื่อง COVID-19 ซึ่งจะเรียกว่าเป็นทอร์คออฟเดอะเวิล์ดก็ว่าได้ เพราะการแพร่กระจายบานปลายไปทั่วโลก บางเมืองถูกปิด กิจกรรมสาธารณะ อีเว้นท์ต่างๆ ถูกยกเลิก ร้านค้าเงียบเหงา ธุรกิจซบเซาจนถึงขั้นหยุดชะงัก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติก็หาย ผู้บริโภคในประเทศเองก็กลัวจะติดโรค เก็บตัว ไม่ทานข้าวนอกบ้าน ไม่ออกไปเที่ยว ไม่ออกไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อจับจ่ายใช้สอยเหมือนเคย ได้ยินเสียงไอเสียงจามทีนึงก็ขวัญกระเจิง เครียดกันไปหมดทั้งคนคนทำงานที่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่และคนทำธุรกิจการค้าที่น่าเป็นห่วง ที่สำคัญที่สุดไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์จะจบเมื่อไหร่ จะลากยาวไปถึงไหน


เมื่อทำอะไรไม่ได้มากในสถานการณ์เช่นนี้ แต่สิ่งที่ทุกคนทำได้คือปรับใจ ปรับทัศนคติของตัวเองให้มีความสุขได้แม้ในยามวิกฤติ วันนี้เรามีเทคนิคที่ช่วยให้คุณยังสามารถมีความสุขใจอยู่ได้ภายใต้สถานการณ์ความเครียดเช่นนี้ มาฝากกัน

1.  รับข่าวสารเท่าที่จำเป็น

การรับข่าวสารมากเกินไปยิ่งทำให้เกิดความตื่นตระหนกและเพิ่มความเครียด กำหนดกับตัวเองว่าเราจะใช้เวลานานแค่ไหนในการรับข่าวสารเกี่ยวกับเรื่อง COVID ในแต่ละวัน และไม่เปิดรับข่าวมากกว่านั้น

2. คิดถึงช่วงเวลายากลำบากในอดีตที่เราเคยผ่านมาได้

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำอย่างวิกฤติต้มยำกุ้ง หรือเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่เราเข้มแข็งและสามารถผ่านเหตุการณ์เลวร้ายช่วงนั้นมาได้ เหตุการณ์ครั้งนี้เราก็จะผ่านไปได้เช่นกัน

3. ดูหนังตลก

อาจเป็นหนังตลก วิดีโอแมวหมาน่ารักๆ ที่ทำให้เราหัวเราะและลืมความกังวลไปได้ เพราะเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจะช่วยให้จิตใจของเราผ่อนคลายได้โดยไม่รู้ตัว

4. สนับสนุนร้านค้าใกล้บ้าน

แค่ออกไปกินข้าวนอกบ้านในร้านใกล้บ้านที่ตอนนี้เงียบเหงา นอกจากจะเป็นการสนับสนุนให้ร้านค้าเหล่านี้อยูได้ ยังช่วยให้ตัวเราเองคลายความจำเจและได้เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ บ้างอีกด้วย

5. ใช้โอกาสจากเวลาว่างที่มีมากขึ้น

ร้านค้าช่วงนี้อาจเงียบเหงา ลูกค้าบางตา มองให้เป็นโอกาสที่ให้เรามีเวลาทำในสิ่งที่ปกติเรายุ่งจนไม่มีเวลาจะทำ เช่น หาแนวทางในการปรับปรุงธุรกิจ อ่านหนังสือที่มีประโยชน์ เขียนหนังสือ อบรมพนักงาน ทำความสะอาดร้านค้าหรือบ้านเรือนการทำงานที่บ้านคนเดียวอาจทำให้เรารู้สึกถูกตัดขาด เกิดความเหงาและเครียดได้ การใช้โปรแกรม Teleconference ไลน์แชทกลุ่ม จะช่วยให้เราไม่รู้สึกอยู่คนเดียวแต่ยังมีเพื่อนร่วมงานคอยสนับสนุนและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องงาน การมีบัดดี้ไว้คอยแชทส่งข้อความปรึกษางานก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

6. พูดคุยกับเพื่อนบ้านและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

พูดคุยกับเพื่อนบ้านและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน คนเมืองส่วนใหญ่อาจจะแทบไม่เคยคุยกับเพื่อนบ้าน ในระหว่างนี้ที่ทั้งเราและเพื่อนบ้านต่างก็อยู่บ้านกันมากขึ้น เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความรู้จักและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน ในอนาคตมีอะไรก็จะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้

7. อยู่กับปัจจุบันและอยู่ให้ดีที่สุด

เพราะวันนี้ ตอนนี้เป็นวันเดียวและเวลาเดียวที่เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดและจิตใจของตัวเราเองได้ เป็นวันเดียวที่เราจะทำให้ดีที่สุดในการดูแลตัวเอง อย่ากังวลกับอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น

8. ทบทวนสิ่งดีๆ ที่ได้ทำเมื่อจบวัน

เมื่อจบในแต่ละวันกลับมาทบทวนถึงสิ่งดีๆ ที่เราได้ทำ ความสำเร็จที่ได้รับ สิ่งใหม่ๆ ที่เราได้เรียนรู้ วิธีนี้ช่วยทำให้เรากำจัดความรู้สึกและความคิดลบๆ ออกไปได้


จิตใจที่สดใส เข้มแข็ง มีส่วนช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น และร่างกายที่แข็งแรงจะช่วยให้ต้านทานโรคและไวรัสได้ดีขึ้นด้วย การกังวลและหมกมุ่นมากเกินไปไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่เพื่อความสบายใจขึ้นอีกระดับการมีประกันสุขภาพจะช่วยสร้างความอุ่นใจให้เรามากขึ้น