เรื่อง ฟัน ที่ไม่ Fun เพราะ Money มีไม่พอ

ผลจากการถอนฟันในวัยรุ่น ที่ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบจนถึงปัจจุบันขนาดนี้ ฟันที่เป็นช่องว่างทิ้งไว้เป็นเวลานาน ทำให้เกิด เก และล้มเอียง จึงนำมาสู่การจัดฟัน เพียงเพราะอยากจะมีฟันที่เรียงตัวสวย แต่ไม่ใช่แค่นั้น แค่จัดฟันยังไม่พอ


ฟันที่ซ้อนเก ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายๆ คนเป็น เราอยากให้ฟันเรียงตัวสวย จึงไปปรึกษาตามคลินิกจัดฟันที่มีเพื่อนแนะนำ รวมทั้งคลินิกใกล้บ้าน แต่คุณหมอหลายท่านต่างให้คำปรึกษาที่ต้องตกใจ ว่า “เคสของคุณจัดฟันธรรมดาอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องผ่าตัดขากรรไกรด้วย ซึ่งคลินิกนี้ทำไม่ได้ครับ ลองไปปรึกษาที่ทันตกรรมมหิดลดู” เราก็ตกใจมาก “ไม่ผ่าได้มั้ยคะ” คือไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ แต่เราก็ยังไม่เชื่อหมอเสียทีเดียว มันต้องมี Second opinion จึงได้หาคลินิกอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อขอคำปรึกษาอีก 5 คลินิก 

“มันก็ไม่ได้น่ากลัวครับ ก็เหมือนการศัลยกรรมเพื่อความสวยงามทั่วๆ ไป แต่ถ้าจัดฟันอย่างเดียว ในอนาคตก็จะมีอาการอื่นๆ ตามมาอยู่ดี เช่น เคี้ยวอาหารแล้วขากรรไกรเคลื่อนตัวผิดปกติ ทำให้ปวดขากรรไกรบริเวณกกหูได้” หมอจัดฟันคลินิกที่ 2 กล่าว ยิ่งตอกย้ำว่าเราต้องผ่าตัดจริงๆ หรอ ยังค่ะ ยังไม่ยอมแพ้ ปรึกษาอีก 2-3 คลินิก จนสุดท้าย ได้ไปคลินิกที่มีหมอศัลยกรรมช่องปากใบหน้าและขากรรไกร ซึ่งเป็นทันตแพทย์หญิง อายุเยอะ และเป็นอาจารย์หมอที่มหิดล จึงได้คำปรึกษาที่ชัดเจน คือ ถ้าจัดฟันอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาที่เราเป็นได้ เพราะเรามีความผิดปกติของขากรรไกรร่วมด้วย ขากรรไกรบนเอียง ถ้าจัดฟันจะยิ่งเห็นความเอียงชัดขึ้น และมิดไลน์ของฟันจะไม่ตรง สรุปคือถ้าจัดฟันธรรมดา หน้าจะดูแย่กว่าไม่จัด หมอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ต้องจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรจึงจะได้ผลดี หากจัดฟันอย่างเดียว จะเปลี่ยนใจมาผ่าตัดในอนาคตเป็นเรื่องยาก เพราะวิธีการจัดฟันและการทำแผนเลื่อนตำแหน่งของฟันไม่เหมือนกัน  ซึ่งค่าใช้จ่ายเฉพาะการผ่าตัดขากรรไกรขาละ 1 แสนบาท เคสคุณต้องผ่าตัดทั้งขาบนและล่างก็ประมาณ 2 แสน ลองเอาไปคิดดูก่อนนะคะ” ตอนนั้นสตั๊นไป 10 วิ เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน เลยถอยทัพกลับมาปรึกษาที่บ้าน ว่าจะเอายังไงดี คิดสะระตะไปมา ทำเอาทิ้งช่วงไปนานเกือบ 1 ปี ระหว่างนั้นก็เก็บเงินและหาข้อมูลไปพลางๆ


ช่วงนี้เรามาเข้าโหมดความรู้กันค่ะ หลังจากหาข้อมูลและศึกษามาจากหลายๆ ที่


คนที่มีความผิดปกติของการบนเคี้ยว บางรายที่ยังอายุน้อย และความผิดปกติไม่มาก อาจจะสามารถจัดฟันอย่างเดียวได้ แต่หากมีความผิดปกติของขากรรไกรร่วมด้วย เช่น มีขนาดของขากรรไกรบนและล่างไม่ได้สัดส่วนกัน หรือตำแหน่งอยู่ต่างกันมาก คนไข้กลุ่มนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่มีอายุมาก ต้องการการรักษาด้วยการจัดฟัน ร่วมกับศัลยกรรมขากรรไกรด้วย


คนที่มีขากรรไกรบน ล่าง ที่มีขนาดไม่สมส่วนกัน ทำให้ฟันสบได้ไม่ถูกต้อง เวลาเคี้ยวอาหาร จะต้องทำการเลื่อนขากรรไกรบนล่างไปข้างหน้า ซ้าย ขวา ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อ ฟัน รวมทั้งเนื้อเยื่อข้างเคียงด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการศัลยกรรมขากรรไกรมาช่วยปรับให้ขากรรไกรมีขนาด และตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การเคลื่อนฟัน


นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกที่การรักษาด้วยการจัดฟัน ร่วมกับศัลยกรรมผ่าตัดขากรรไกร สามารถทำให้มีสัดส่วนของใบหน้าที่ดีขึ้นได้ด้วย เช่น คนไข้ที่ยิ้มแล้วเห็นเหงือกมาก (Gummy Smile), ขากรรไกรเอียงทำให้รูปหน้าเอียงไปด้วยส่งผลต่อรูปหน้าซ้ายขวาไม่เท่ากันเป็นต้น


ในช่วงเวลาเกือบ 1 ปีนั้น เราก็เริ่มสังเกตตัวเองมากขึ้น ก็พบว่ามีอาการต่างๆ เกิดมากขึ้น เช่น เคี้ยวอาหารมีเสียงกึ๊กๆ ในหูบ้าง เมื่อยขาไกรกรรบ้าง จนวันหนึ่งคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ ครั้งนี้ได้เข้าร่วมกลุ่มจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรในเฟซบุ๊ค จึงทำให้ได้เห็นรีวิว วิธีปฏิบัติตัว และข้อมูลคุณหมอผ่าตัดหลายๆ ท่าน ในหลายๆ จังหวัด หลังจากที่ศึกษามาเต็มที่ ก็เริ่มเดินสายปรึกษาเพื่อเข้ารักษา
 

  • พบทันตแพทย์ด้านการจัดฟันร่วมการผ่าตัดขากรรไกร เพื่อประเมินปัญหาว่าสามารถรักษาอย่างไรได้บ้าง บางคนสามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันเพียงอย่างเดียว บางคนต้องใช้วิธีการจัดฟันร่วมการผ่าตัดขากรรไกร ซึ่งเคสเรานี้ไม่รอด ถูกผ่าตัดแน่นอน 

  • พบแพทย์ด้านการศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกร (Department of Oral and Maxillofacial Surgery) เพื่อปรึกษาดูแนวทางการรักษา และวางแผนร่วมกับทันตแพทย์จัดฟัน ว่าจะต้องจัดฟันอย่างไร เพื่อให้สามารถผ่าตัดได้ถูกตำแหน่ง ทั้งนี้ แพทย์ศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกร มีในหลายๆ โรงพยายาล ทั้งรัฐและเอกชน เช่น

·         คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

·         มหาวิทยาลัยมหิดล ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก

·         คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

·         คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

·         ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลยันฮี

·         โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน


ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐ ก็เตรียมพร้อมโดยการเข้าไปทำบัตรที่เวชระเบียนและส่งตัวไปยังแผนกศัลยกรรมช่องปากและใบหน้าขากรรไกร ได้เจอเพื่อนร่วมชะตากรรมเยอะมาก มากเกินที่คาดคิด


ระหว่างที่จัดฟันอยู่นั้น คุณหมอที่จัดฟันก็จะคอยประเมินว่าฟันเราเคลื่อนที่พร้อมที่จะผ่าตัดแล้วหรือยัง คุณหมอจะแจ้งระยะเวลาจัดฟันคร่าวๆ ว่าจะต้องใช้เวลาจัดนานขนาดไหน จึงจะผ่าตัดได้ เมื่อฟันเคลื่อนที่ไปในจุดที่ใกล้ๆ  จะผ่าตัดแล้ว คุณหมอจัดฟันจะทำใบส่งตัวให้ไปพบหมอศัลยกรรมช่องปากและขากรรไกรอีกครั้งเพื่อจองคิวผ่าตัดค่ะ ซึ่งคิวผ่าตัดยาวมากๆบางคนต้องรอกันเป็นปีเลยทีเดียว โดยที่ระหว่างนี้ก็ต้องคอยเข้าพบคุณหมอเพื่อประเมินและวางแผนอยู่เป็นระยะ

แล้วจู่ๆ เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้าง คุณหมอผ่าตัดแจ้งว่ามีคิวแทรก ทำให้ได้กำหนดผ่าตัดเร็วขึ้น ทำยังไงดีละทีนี้ หมอพร้อม ฟันพร้อม แต่เงินยังไม่พร้อม เงินที่เก็บเตรียมไว้ได้แค่แสนเดียวเอง แถมค่าผ่าต้องชำระเป็นเงินสดด้วย ใจก็คิดว่าทำยังไงดี จะเลื่อนคิวหมดไปก็เสียดาย เลยลองวิ่งเข้าไปติดต่อสาขาธนาคารดู รีบทำเรื่องขอสินเชื่อ โชคดีมากเลยที่สาขาเร่งดำเนินการให้ ไม่กี่วันก็ได้เงินเข้ามานอนรอในบัญชี สบายใจแล้ว สวยก่อนผ่อนทีหลัง เดินหน้าต่อไม่รอแล้ว
 

ช่วงใกล้ผ่าตัดเราต้องเตรียมตัว ทั้งความพร้อมในการผ่าตัดและต้องเตรียมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้หลังผ่าตัดคือ
 

  1. น้ำเกลือ ไว้ล้างแผลในปาก
  2. ไซริงฉีดน้ำ เพื่อใช้ฉีดน้ำเกลือ โดยต้องเตรียมหลายๆ ขนาด ทั้ง 20 cc, 10 cc
  3.  เครื่องปั่น เอาไว้ปั่นอาหาร เพราะช่วงเดือนแรกห้ามเคี้ยวอาหาร
  4. เจลแพค เพื่อประคบเย็น ประคบร้อนในช่วงแรก
  5. สำลีปลอดเชื้อก้านย
  6. อาหารน้ำๆ เช่น ซุปกระป๋อง
  7. เลือด ใช่ค่ะ เลือด เนื่องจากการผ่าตัดใหญ่ก็ต้องมีเสียเลือด จึงต้องเตรียมเลือดเพื่อใช้ในการผ่าตัด โดยมีทั้งแบบใช้เลือดบริจาค หรือจะเก็บเลือดตัวเองค่ะ ในกรณีเราผ่ากับแพทย์มหิดล ที่ รพ.เวชศาสตร์ เขตร้อน จึงต้องไปทำการติดต่อเพื่อเก็บเลือดที่ รพ.รามา ค่ะ
  8. เงิน


เมื่อวันนัดมาถึง ก็ต้องไปแอดมิตก่อน เพื่อเตรียมความพร้อม พอถึงเวลาก็มีเจ้าหน้าที่เข็นเตียงมารอรับไปเข้าห้องผ่าตัด การผ่าใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง กลับถึงห้องพัก ก็เย็นพอดี หลับยาวๆ ไปถึงเช้าเลย ตื่นมาด้วยความหิว มื้อแรกหลังผ่าตัดคือ น้ำข้าวต้ม น้ำซุป และน้ำแดง ดูดก็ไม่ได้ ปากอ้าไม่ได้ ใช้ไซริ้งดูดน้ำข้าว น้ำซุป ฉีดเข้าปากแล้วกลืน


หลังผ่าตัดนั้น บวมไปหมด ซึ่งตามที่คุณหมอผ่าตัดแจ้งมาว่า กว่าจะหายบวมใช้เวลา 3-6 เดือนขึ้นไป และรอ 1 ปีกว่าใบหน้าเข้าที่ดี โดยเดือนแรกนั้นห้ามเคี้ยวอาหารใดๆ เลย จึงทำให้น้ำหนักลงเยอะมาก ทานได้แต่อาหารเหลวๆ คราวนี้นอกจากจะสวยแล้วยังผอมด้วย ประหยัดเงินได้ด้วยเพราะไม่สามารถไปทานอาหารอร่อยๆ นอกบ้านได้ มีเงินไปจ่ายสินเชื่อที่กู้มาสบายใจ


สรุปการทำศัลยกรรมครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ผลที่ได้คือสุขภาพการบดเคี้ยวดีขึ้น รูปหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น มีความสุขกับการทานอาหารเต็มที่ ถึงแม้ในยุคนี้ใคร ๆ ก็ศัลยกรรมเพื่อความสวยงามจนเป็นเรื่องปกติ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยังมีการศัลยกรรมเพื่อรักษาสุขภาพด้วยเช่นกันค และการที่เรามีสินเชื่อบุคคลของธนาคาร ไว้ช่วยเหลือในยามฉุกเฉินนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากๆ