อร่อยฟินระดับมิชลิน @ Water Library Chamchuri

ถ้านึกถึงร้านอาหารที่จะพาคนพิเศษ ไปฉลองกันในโอกาสพิเศษ ก็ต้องเป็นร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง (Fine Dining) ที่เสิร์ฟอาหารรสเลิศ จากวัตถุดิบเกรดพรีเมียม สำหรับในเมืองไทย ต้องขอแนะนำร้านนี้เลย “วอเตอร์ ไลบรารี่ จามจุรี” (Water Library Chamchuri) ที่นี่เป็นสาขา Flagship ของทางร้าน นอกจากจะตกแต่งอย่างหรูหรา มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว อาหารยังอร่อยจนได้รับการการันตีให้เป็น 1 ในร้านแนะนำของ The MICHELIN Guide Bangkok 2022 อีกด้วย

water-library-chamchuri-02

วอเตอร์ ไลบรารี่ จามจุรี ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยคุณพจน์ ลี นักธุรกิจสิ่งพิมพ์ระดับนานาชาติ และเจ้าของบริษัทนำเข้าเครื่องดื่มชั้นนำมากมาย ด้วยระยะเวลาที่มากกว่า 10 ปี ทำให้ วอเตอร์ ไลบรารี่ ถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่บุกเบิกการรับประทานอาหารแบบ Fine Dining ในประเทศไทย ด้วยอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นในบรรยากาศเรียบง่ายแต่มีสไตล์ ซึ่งทุกๆ รายละเอียดของวอเตอร์ ไลบรารี่ จามจุรีนั้น ล้วนสะท้อนมาจากรสนิยมของผู้ก่อตั้ง ทั้งการออกแบบ อาหาร และการบริการ

สำหรับลูกค้าที่มารับประทานอาหารนั้น สามารถเลือกสั่งเป็น Set Menu หรือเป็นแบบ A La Carte ก็ได้ โดยในช่วงเวลากลางวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. นั้น ทางร้านก็มี Lunch Set ให้บริการเพิ่มขึ้นมาด้วย สำหรับรอบเย็น ทางร้านจะให้บริการตั้งแต่เวลา 17.00-22.30 น.

เปิดประเดิมกันด้วย Starter Menu ในรูปแบบของ Bread & Butter ที่ทางร้านจะเสิร์ฟให้ทุกโต๊ะ ก่อนจะเริ่มอาหารจานพิเศษ French Croissant ทางร้านเลือกใช้แป้งโดว์นำเข้าจากฝรั่งเศส นำมาอบจนเป็นสีเหลืองทอง กรอบนอกนุ่มใน มาพร้อมกับ Homemade Rosemary & Onion Bread ขนมปังอบเนื้อแน่น กลิ่นหอม ที่ทางร้านทำเอง โดยทางร้านยังเสิร์ฟ เนยจืดจากเบลเยี่ยม (Corman Unsalted Butter) และ UK Ocean Sea Salt โรยมาข้างๆ ให้ด้วย ลูกค้าจะชอบรสจืด หอมมัน หรือรสเค็มนิดๆ ก็เลือกเติมได้เองตามใจชอบ

ต่อด้วยของกินเล่นเรียกน้ำย่อย (Amuse Bouche) ที่เชฟจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูมานำเสนอไปเรื่อยๆ แตกต่างกันไปในแต่ละวัน สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ลูกค้าโดยที่ลูกค้าไม่ต้องสั่ง สำหรับวันนี้ Welcome Snack 3 รายการ ที่เชฟขอแนะนำ คือ

- Josephine Oyster, Chive, Oscietra Caviar หอยนางรมสดจากฝรั่งเศส ราด Chive Oil และโรยหน้าด้วย Oscietra Caviar

- Cigar Roll, Duck Confit, Cassis เนื้อเป็ดกงฟีตุ๋นในน้ำมันตามสไตล์ฝรั่งเศส ใส่ใน Cigar Roll ท็อปด้วย Cassis Berry Sauce

- Monaka, Smoked Crème Fraîche, Ikura เวเฟอร์เนื้อกรอบทำจากข้าวญี่ปุ่น ใส่ครีมข้น Smoked Crème Fraîche เนื้อเนียนสีขาว ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน รสกลมกล่อม

“พาสต้าเย็น” (Cold Pasta) เมนู Signature ของทางร้าน ที่หลายคนติดใจในรสชาติจนเป็นหนึ่งในเมนูขายดีตลอดกาล เชฟเลือกใช้เส้น Capellini หรือ เส้น Angle Hair พาสต้าเส้นเล็กที่มีความสุกพอดีแบบ Al Dente คลุกเคล้ากับซอสสาหร่ายญี่ปุ่น (Hijiki Seaweed Sauce) ผสมกับ Truffle Essence เสิร์ฟแบบเย็น มาพร้อมกับหอยเป๋าฮื้อสไลด์บางๆ โรยหน้าด้วย Oscietra Caviar สร้างสรรค์รสชาติ และรสสัมผัสที่แสนจะลงตัว

“เต้าหู้โฮมเมดซอสฟัวกราส์” (Homemade Tofu) เมนู Starter ยอดนิยม ระดับ Signature ของร้าน เป็นเต้าหู้โฮมเมดรสนุ่มละมุนลิ้น ที่เสิร์ฟมาบนซอสตับห่านเข้มข้น (Foie Gras Sauce) โรยหน้าด้วย เห็ด Shiitake ปรุงรส ต้นกระเทียมทอดกรอบ (Crispy Leek) และปลาแห้งจากญี่ปุ่น (Bonito)

มาถึงอาหารจานหลักจานแรก “พีเจียน” (Bresse Pigeon) เป็นนกพิราบฝรั่งเศสนำเข้ามาจากเมืองบาสก์ เสิร์ฟคู่กับมะม่วงสุกหั่นเป็นลูกเต๋า และ Mango Puree เนื้อเนียน ตกแต่งด้วยเจลลี่มะพร้าว, Romanesco Broccoli จากอิตาลี และ White Asparagus โดยเชฟเลือกใช้ส่วนอก และน่องของนกพิราบมาปรุงให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่างกัน โดยเนื้ออกจะนำไปทำให้สุกช้าๆ ด้วยไฟอ่อน (Slow Cook) แล้วนำไปเซียร์ด้วยไฟแรงให้ผิวสัมผัสด้านนอกมีความเกรียมเล็กน้อย สำหรับน่องจะใช้การย่างแบบชาร์โคลกริลล์ แต่งหน้าด้วย Black Garlic Puree (สีดำ), Boudin Noir Puree (สีน้ำตาลเข้ม) และดอกไม้กินได้ ส่วนตัวน้ำซอสจะเป็น Purple Curry Jus จากเยอรมนี

“เนื้อวากิวเทนเดอร์ลอยน์” (Stockyard Wagyu Tenderloin) อาหารจานหลัก ที่เลือกใช้วัตถุดิบชั้นดี อย่างเนื้อวากิวส่วนสันในนำเข้าจากออสเตรเลีย 1 ในเนื้อวัวที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในโลก เสิร์ฟคู่กับ Celeriac ที่เชฟทำเป็น 2 สไตล์ ด้านล่างชิ้นเนื้อจะเป็น Celeriac Puree ครีมสีขาว เนื้อเนียน ส่วนชิ้นสี่เหลี่ยม เชฟนำ Celeriac ไปต้มก่อนจะนำไปผัดอีกที

ในจานนี้ยังมีเห็ดสีน้ำตาล (Brown Mushroom) ซึ่งเชฟทำเป็น 3 สไตล์ เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่างกัน ครีมสีน้ำตาลอ่อน เป็น Mushroom Puree, เห็ดชิ้นใหญ่ เป็น Mushroom Sauté และ ยังมี Crispy Mushroom กรุบกรอบวางอยูด้านบน ปิดท้ายด้วยการโรย Black Truffle เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมๆ ให้อาหารจานนี้ สำหรับตัวซอสนั้นจะเป็น Beef Jus สูตรพิเศษจากทางร้านที่เชฟใช้เนื้อวากิวมาเป็นวัตถุดิบด้วย

ปิดท้ายมื้อพิเศษด้วยของหวานที่เป็น Signature ของร้านอย่าง “เปรี้ยวขมปนหวาน” (Sweet Sour Bitter) เพราะเรื่องรักไม่ได้มีรสชาติเดียว

ไอศกรีมมะม่วง และราสเบอร์รีซอร์เบท เสริมด้วยผลไม้สดอย่างมะม่วงกับสตรอว์เบอร์รี ให้รสชาติหวานหอม ใส่ยูซุ เยลลี และราดด้วยซอสเลมอน เพื่อเพิ่มรสเปรี้ยวอีกนิด และโรยด้วยผัก Craze เสริมเข้าไปให้รสขมเล็กน้อย เป็นการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้ของหวานจานนี้พิเศษขึ้น

ด้านบนเชฟใช้สตรอว์เบอร์รีผสมไข่ขาวทำออกมาในรูปแบบของเมอแรงค์สีชมพูอ่อน ตกแต่งให้จานนี้ทั้งสวยและอร่อย

สำหรับใครที่ต้องการจะพาคนพิเศษมาอิ่มอร่อยแบบฟินๆ กับร้านบรรยากาศดีๆ ที่มีความเป็นส่วนตัว อย่างร้าน วอเตอร์ ไลบรารี่ จามจุรี ก็สามารถมาได้ไม่ยาก เพียงเดินทางมาที่อาคารจามจุรี สแควร์ แล้วขึ้นมาที่ชั้น 2 ทางเข้าร้านจะอยู่ตรงข้ามกับร้าน Daiso สามารถจองโต๊ะโดยโทรมาที่เบอร์ 095 085 7777 ได้เลย

เมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้วอย่าลืมหยิบบัตรเครดิต SCB ออกมาใช้ เพื่อรับสิทธิพิเศษที่คัดสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ เรียกว่า อิ่ม ฟิน คุ้ม จนสายกินต้องเลิฟเลย

คุ้มที่ 1 เมื่อมียอดใช้จ่ายครบ 1,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป รับส่วนลด 15% สำหรับค่าอาหาร เมื่อจ่ายด้วยบัตรเครดิต SCB Private Banking, SCB First, SCB Prime, SCB M Legend และ SCB Beyond หรือรับส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร เมื่อจ่ายด้วยบัตรเครดิต SCB ประเภทอื่นๆ*

คุ้มที่ 2 บัตรเครดิต SCB ทุกประเภท (ยกเว้นบัตรเครดิต SCB Family Plus และบัตรเครดิตนิติบุคคล) แลกรับเครดิตเงินคืน 10% เพียงใช้คะแนนสะสม SCB Rewards หรือ M Point  เท่ายอดใช้จ่าย*

นอกจากที่ร้าน วอเตอร์ ไลบรารี่ สาขาจามจุรีแล้ว ยังมีร้าน วอเตอร์ ไลบรารี่ สาขา เซ็นทรัล เอมบาสซี่, ร้าน เชา พิซซ่า และร้าน พลู ที่ร่วมรายการ ให้คุณสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต SCB แล้วคุ้ม 2 ต่อแบบนี้

มาจัดเต็มความอร่อยกับ 4 ร้านสุดฟินที่สายกินเลิฟกันได้แล้ววันนี้

ตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 - 30 มิ.ย. 65

เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารฯ กำหนด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.scb.co.th/th/personal-banking/promotions/credit-cards/4dining-bp-jan-jun2022.html