10 วิธีง่ายๆ ตกแต่งบ้านไม่ให้กระเป๋าฉีก

คอนโดหรือบ้านในฝันมือหนึ่งที่เราเพิ่งซื้อมาหมาดๆ ส่วนใหญ่จะมาแบบห้องเปล่าๆ อย่างมากก็อาจมีครัวและห้องน้ำ แต่คอนโดหรือบ้านบางแห่งอาจจะแถมเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาบ้าง หรือบางทีเราก็อยากแต่งคอนโดมือสองที่ซื้อมาให้ดูโมเดิร์นกว่าเดิม เตียงตู้โต๊ะโซฟาต้องเป็นแบบนั้น สีต้องเป็นเฉดนี้ ภาพในฝันเริ่มลอยมาแล้ว  แต่ว่าก่อนฝันเป็นจริงได้ เราต้องหันมาดูก่อนว่าเงิน เวลาและไอเดียของเรามีมากน้อยแค่ไหนกันที่จะเนรมิตฝันให้เป็นความจริงได้


ซึ่งเรามีเคล็ดลับการบริหารเงินเกี่ยวกับการตกแต่งคอนโดบ้านมาให้ลองเอาไปปรับใช้กัน มาดูข้อแรกเลย!


1. ตั้งงบคร่าวๆ

ให้เราเขียนสิ่งที่อยากได้ เซฟภาพของตกแต่งบ้านและราคาเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อดูงบคร่าวๆ ว่าทั้งหมดตามฝันเราจะใช้เงินสักกี่บาทกันเชียว ถ้างบเกินจากที่เรามีมาก ก็ต้องตัดทิ้ง หรือหาของที่ถูกลง


2. ค่อยๆ ซื้อสะสม

เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านหลายอย่างเป็นสินค้าราคาสูง  ถ้าจะซื้อพร้อมกันทีเดียวคงจะยากไป เราก็ทยอยซื้อทีละชิ้น เริ่มซื้อชิ้นสำคัญจากมากไปหาน้อย ซื้อของแต่งห้องต้องใจเย็นๆ เพราะเป็นเรื่องไม่เร่งด่วน การใจเย็นทำให้เรามีเวลาเลือกของที่ใช่สุดๆ อีกด้วย นอกจากนี้เงินจะได้ไม่จมกับของแต่งบ้านมากนัก เอาเงินไปทำเรื่องอื่นก่อนได้

3. ใช้บัตรเครดิตซื้อ

อีกวิธีที่เราไม่ต้องทุ่มเงินก้อนโตแต่งบ้านคือ ใช้บัตรเครดิตซื้อ เพราะร้านเฟอร์นิเจอร์  ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายๆ แห่ง เขาให้ใช้บัตรเครดิตซื้อแล้วผ่อน 0% เท่านั้นเท่านี้เดือนได้นะ เราควรใช้โอกาสนี้ จัดเลย แต่ต้องระวังอย่ารูดบัตรจนเกินกำลังผ่อนต่อเดือนของเราด้วย โดยควรตั้งเป้าหมายการเป็นหนี้ไม่เกิน 20% ของรายได้ต่อเดือน สมมุติเงินเดือน 20,000 บาท ก็ไม่ควรมียอดจ่ายบัตรเครดิตเกิน 4,000 บาท/เดือน เป็นต้น


4. เก็บออมเงินแต่งบ้านเข้าบัญชีกองทุนรวม

ระหว่างที่เราทำงานเก็บสะสมเงินเพื่อซื้อของมาแต่งบ้าน ควรจะเลือกที่พักเงินที่มีโอกาสได้ดอกเบี้ยมากกว่าการเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา เช่นมองหา "กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น" ซึ่งเป็นกองทุนหนึ่งที่ความเสี่ยงไม่สูง และมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์  อย่างไรก็ตามควรศึกษาเงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนที่จะลงทุน ให้เข้าใจก่อนลงทุนด้วย


5. งานตกแต่งง่ายๆ ให้ทำเอง

งานตกแต่งบางงานเช่น ทาสีห้อง ติดวอลเปเปอร์ ต่อเฟอร์นิเจอร์ง่ายๆ ถ้ามีเวลาอาจชวนเพื่อน ชวนแฟน มาช่วยทำ แป๊บเดียวก็เสร็จ ประหยัดเงินได้อีก แถมได้มีกิจกรรมร่วมกันระหว่างแก๊งเพื่อน นอกจากนี้ยิ่งเราใช้ไอเดียตัวเองมากเท่าไหร่  ก็ยิ่งประหยัดงบแต่งบ้านมากขึ้นเท่านั้น


6. คำนึงตอนขายต่อ

บ้านเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยขายต่อกันเท่าไหร่ แต่คอนโดเป็นทรัพย์สินที่เรามีโอกาสขายต่อสูงมาก บางทีชีวิตของเราต้องเปลี่ยนแปลง ย้ายที่ทำงาน ต้องการเงินด่วน แต่งงานมีลูกต้องขยายพื้นที่ ฯลฯ ดังนั้นขอแนะนำว่าอย่าแต่งห้องสไตล์อะไรที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวมากเกินไป ควรจะแต่งให้กลางๆ ทาสีโทนปกติที่คนทั่วไปนิยม เช่น ผนังทาสีอ่อน เฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องพิสดารมาก สไตล์กลางๆ แต่ถ้าอยากแต่งให้เฉพาะตัวจริงๆ ก็ควรหาวิธีแต่งที่ไม่ถาวร เช่น อยากได้ห้องอิฐแดงสไตล์ลอฟท์ เราก็ไม่ควรก่ออิฐถือปูนในห้อง อาจจะเลือกใช้แค่วอลเปเปอร์รูปอิฐก็ได้ วันไหนเกิดอยากขายต่อก็แค่แกะวอลเปเปอร์ออกไป

7. เลือกเฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชั่น

คอนโดส่วนใหญ่จะมีขนาดห้องประมาณ 30 ตารางเมตร ดังนั้นก่อนซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้าคอนโดต้องคิดหลายตลบหน่อย ถ้าซื้อมาเยอะก็ล้นห้องจนไม่มีทางเดิน เราควรซื้อของที่เป็นมัลติฟังก์ชั่น ใช้งานได้หลายอย่างในชิ้นเดียวกัน ประหยัดเงิน ประหยัดพื้นที่ เช่น ซื้อโซฟาเบดแทนโซฟาปกติ ใช้เป็นเตียงก็ได้ โซฟาก็ดี หรือซื้อเตียงมีช่องเก็บของด้านล่าง ซื้อที่นอนโดยไม่ใช้เตียงเพื่อประหยัดพื้นที่เก็บได้ เป็นต้น


8. คำนึงคุณภาพมากกว่าราคา

จะแต่งบ้านแต่งห้องทั้งที อย่าขี้เหนียวซื้อของดูแต่ราคาถูก ให้ซื้อที่ทนทานและราคาสูงขึ้นมาหน่อยแบบสมเหตุผล เพราะของถูกมักใช้วัสดุที่อายุการใช้งานสั้น ซื้อมาแล้วไม่กี่เดือนก็เสื่อมสภาพ ทำให้เสียเงินซ้ำซากได้


9. เลือกของที่ดูแลรักษาง่าย

อย่าลืมว่าสิ่งของทุกอย่างที่ซื้อมาย่อมมีการเสื่อมสภาพและต้องการการดูแลรักษาอยู่เสมอ อย่าเลือกอะไรที่ทำความสะอาดยาก เช่น โซฟาควรถอดข้างนอกซักได้ หรือซื้อเป็นโซฟาหนังแทนแบบผ้า เลือกใช้สีทาผนังที่เช็ดรอยเลอะได้ เป็นต้น เพราะจะช่วยประหยัดเงิน สภาพดูดีเสมอ ไม่ต้องซื้อใหม่บ่อยๆ


10. กู้เงินเพื่อตกแต่งบ้าน

ถ้าต้องการเงินเร็วๆ เช่น ต้องต่อเติมห้อง รีโนเวทคอนโดเพื่อให้สมาชิกใหม่อยู่  เราก็สามารถกู้สินเชื่อเพื่อการตกแต่งจากธนาคารได้ ซึ่งรายละเอียดจะแตกต่างกันไปแล้วแต่เงื่อนไข ถ้ามีหลักทรัพย์ค้ำประกันตอนกู้ ดอกเบี้ยก็จะถูกกว่าไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งเราสามารถปรึกษาฝ่ายสินเชื่อของธนาคารได้ แต่อย่าลืมว่ายอดชำระหนี้ทุกอย่างรวมกันต้องอยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้ หรือไม่ควรเกิน 40% ของรายได้เราเป็นต้น


ความฝันของเราจะเป็นจริงได้ถ้าเรารู้จักบริหารการเงิน ก่อนเสียเงินแต่งบ้าน อย่าลืมเอา 10 ข้อข้างบนไปปรับใช้กันนะ