ลงทุนในทองคำ ซื้อทองจริงหรือซื้อกองทอง ดีกว่ากัน?

‘ทองคำ’ นั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานทั้งในฐานะเครื่องวัดความมั่งคั่งส่วนบุคคล และดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจโดยรวม ด้วยคุณสมบัติพิเศษของทองคำที่ต่างจากโลหะมีค่าชนิดอื่นในแง่ของความงดงาม ความคงทน ความหายาก และการที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้นับครั้งไม่ถ้วน จึงไม่เพียงทำให้ทองคำเป็นเครื่องประดับที่ได้รับความนิยมเท่านั้นแต่ยังสามารถเก็บออมไว้เพื่อความมั่งคั่งในระยะยาวได้อีกด้วย ทำให้ในปัจจุบันการลงทุนในทองคำได้รับความนิยมมากขึ้น คนเริ่มหันมาสนใจซื้อทองคำแท่งเก็บสะสมแทน เนื่องจากซื้อขายคล่องตัวกว่าทองรูปพรรณและไม่มีค่ากำเหน็จ

การลงทุนกับทองคำนั้นให้ประโยชน์หลายทาง ดังนี้
 

  • โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำอาจจะมีความผันผวน แต่เนื่องจากทองคำเป็นทรัพยากรที่จำกัด ทำให้ทองคำมีโอกาสที่จะมีราคาสูงขึ้นได้ในระยะยาว
  • ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้ เนื่องจากในยามที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาทองคำก็มักจะขยับขึ้นด้วยและหลายๆ ครั้งที่ราคาทองคำนั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ผู้บริโภคที่ถือครองทองคำอยู่สามารถรักษาอำนาจการซื้อไว้ได้
  • การสะสมทองนั้นเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำมักจะไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอื่นๆ ดังนั้นการมีทองคำเป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งจึงช่วยให้อุ่นใจได้มากขึ้น


อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำแท่งนั้น ก็มีเรื่องที่นักลงทุนต้องคำนึงถึงหลายประการก่อนตัดสินใจลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาทองคำที่มีความผันผวน หรือเรื่องของการเก็บรักษา เพราะการซื้อทองคำไม่เหมือนการซื้อหุ้นเนื่องจากเป็นการครอบครองทองคำจริงๆ ที่ไม่ได้มีการระบุกรรมสิทธิ์ จึงมีความเสี่ยงจากการถูกลักขโมยและนำไปขายต่อ ขณะที่การขายก็ต้องคำนึงถึงส่วนต่างระหว่างราคาซื้อขายด้วยเช่นกัน

เนื่องจากการลงทุนด้วยการซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้โดยตรงมีข้อจำกัดอยู่มาก การลงทุนทางอ้อมผ่าน “กองทุนรวมทองคำ” จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมิใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินขั้นต่ำสำหรับการลงทุน และรูปแบบในการลงทุนที่มีให้เลือกหลากหลาย


กองทุนรวมทองคำ หรือ Gold Fund คือ การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำ การเคลื่อนไหวของมูลค่าหน่วยลงทุนจะเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก เปรียบเสมือนลงทุนในทองคำแท่งทางอ้อมผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% หรือ 99.50% อีกทีหนึ่ง มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมจึงไม่ได้ขึ้นลงตามราคาทองคำในประเทศ แต่จะอิงกับราคาทองคำโลก  อย่างไรก็ดี การที่กองทุนนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนมาเกี่ยวข้องด้วย


ในการเลือกซื้อกองทุนรวมทองคำ หากคุณสนใจเฉพาะผลตอบแทนจากราคาทองคำเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยน ก็อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้เต็มจำนวน (Fully Hedged)


หากคุณมองหาโอกาสทำกำไรเพิ่มเติมจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงไว้เลย (Non-hedged) แต่ต้องระวังไว้ว่าคุณก็มีโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน


ในขณะที่บางกองทุนที่ให้ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้พิจารณาว่าจะทำการป้องกันความเสี่ยงนี้เท่าใด ในช่วงเวลาใด (Partial Hedged) ซึ่งความเสี่ยงและผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนรวม ซึ่งประเด็นนี้คุณควรขอให้คนขายอธิบายเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ คือ นักลงทุนใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก ส่วนใหญ่กำหนดเงินลงทุนไว้ต่ำกว่า 10,000 บาท และสามารถทำการซื้อขายได้สะดวกโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปร้านทอง และปลอดภัยเนื่องจากไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญหาย มีมืออาชีพคอยดูแลบริหารจัดการให้ และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างมูลค่าหน่วยลงทุนเมื่อสั่งขายหรือได้รับเงินปันผลจากกองทุน


นอกจากนี้ หากต้องการขายทำกำไรหรือทยอยสะสมซื้อ ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องซื้อหรือขายทองคำแท่งทั้งก้อน แต่ข้อเสียคือจะมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว และไม่มีเวลาติดตามราคาทองคำมากนัก โดยสิ่งที่เราจะนำมาพิจารณาในการเลือกลงทุนในกองทุนรวมทองคำ ได้แก่ ผลตอบแทนย้อนหลัง ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมของกองทุน และนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน


โดยสรุปในอดีตคนนิยมซื้อทองคำเนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Heaven) เป็นอันดับต้นๆ  แต่ในปัจจุบันนี้ทองคำมีความผันผวนของราคาที่สูงมาก ทำให้ไม่อาจกล่าวได้ว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอีกต่อไป นอกจากนี้การประเมินราคาที่เหมาะสมของทองคำทำได้ยาก การขึ้นลงของราคานอกจากจะขึ้นอยู่กับ Demand และ Supply แล้วยังมีการเก็งกำไรเข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างสูงอีกด้วย


ดังนั้นในการจัดพอร์ตการลงทุนควรใช้ทองคำเป็นการลงทุนเพื่อการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนมากกว่าการทุ่มเงินลงทุนในทองคำทั้งหมด หากอยากลงทุนในทองคำ แนะนำมีทองคำติดพอร์ตการลงทุนไว้ไม่เกิน 10% ของมูลค่าสินทรัพย์เพื่อการลงทุนของเราทั้งหมด และอย่าลืมพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน


บทความโดย: นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร