• รองรับเงิน LTF ครบกำหนดในปี 2568 ที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.8 ล้านล้านบาท
• สนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
• รักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยไม่ให้สะเทือนจากแรงขาย LTF

• กองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ ปี 2568
• ลงทุนในหุ้นยั่งยืน คล้าย Thai ESG แต่เพิ่มเติมเงื่อนไขว่าจะลงทุนในหุ้นไทยยั่งยืนไม่น้อยกว่า 65%
• เปิดให้ลงทุนเฉพาะ 2 พ.ค. 2568 - 30 มิ.ย. 2568
• รองรับทั้ง “เงินลงทุนใหม่” และ “สับเปลี่ยนจาก LTF เดิม”

วงเงิน 1: เงินลงทุนใหม่

• ลดหย่อนได้ ไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุด 300,000 บาท (แยกจาก RMF และ Thai ESG)
• ลงทุนได้ตั้งแต่ 2 พ.ค. 2568 - 30 มิ.ย. 2568

วงเงิน 2: สับเปลี่ยนมาจาก LTF เดิม

• ลดหย่อน สูงสุด 300,000 บาท ในปี 2568 และ ปี 2569-2572 ลดหย่อนเฉลี่ยปีละเท่าๆ กัน สูงสุดปีละไม่เกิน 50,000 บาท
• รวมสิทธิสูงสุดได้ถึง 500,000 บาท
• หากขายหรือสับเปลี่ยน LTF ตั้งแต่ 12 มี.ค. 68 จะไม่สามารถรับสิทธิ์ส่วนนี้ได้
• ต้องสับเปลี่ยน LTF ทุกกองทุน ทุกบลจ. ที่ถือครอง ณ วันที่ 11 มี.ค. 68 จึงจะได้รับสิทธิ์

• ต้องถือครอง 5 ปีวันชนวัน
• ลงทุนได้ตั้งแต่ 2 พ.ค. 2568 - 30 มิ.ย. 2568 และ สับเปลี่ยนได้ตั้งแต่ 13 พ.ค. 2568 - 30 มิ.ย. 2568

• ช่วงครึ่งแรกปี 2025 ยังมีความผันผวนจากนโยบายสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นในตลาด
• SCB CIO แนะนำเน้นหุ้นกลุ่ม ESG ที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
• กองทุน Thai ESGX เป็นหนึ่งในทางเลือกหลักของการลงทุนระยะกลาง-ยาว

• คนที่ยังถือ LTF และต้องการใช้สิทธิภาษีต่อ
• คนที่มีรายได้และยังต้องการใช้สิทธิลดหย่อน
• คนที่ฐานภาษีเกิน 20% หรือ ใช้สิทธิส่วนอื่นๆ เต็มแล้ว แต่ยังคงต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนส่วนเพิ่ม
• คนที่สนใจลงทุนในหุ้นไทยยั่งยืน