ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
คือ การประกันชีวิตที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งไม่มีการรับประกันมูลค่ากรมธรรม์ เนื่องจากมูลค่ากรมธรรม์ขึ้นอยู่กับมูลค่าหน่วยลงทุน โดยอาจสูงขึ้นหรือต่ำลงตามผลประกอบการของกองทุนรวม
- ประกันชีวิตแบบทั่วไป ประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุดถึง 100,000 บาท
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ เบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายในแต่ละปี สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้มากกว่าประกันชีวิตแบบทั่วไป คือ ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 200,000 บาท โดยต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน ทั้งนี้ เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ (เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพ สามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
การขอยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต (Free look period) สามารถทำได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยได้รับกรมธรรม์ ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเบี้ยประกันภัยคืนหักด้วยค่าใช้จ่ายฉบับละ 500 บาทและหักค่าตรวจสุขภาพ (ถ้ามี) กรณีการซื้อประกันภัยผ่านทางโทรศัพท์ สามารถยกเลิกได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยได้รับกรมธรรม์ ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเบี้ยประกันภัยคืนเต็มจำนวน โดยสามารถตรวจสอบเงื่อนไขข้อนี้ได้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิต
คือระยะเวลาที่ประกันยังไม่เริ่มความคุ้มครอง ยังไม่สามารถเคลมประกันได้
- ประกันสุขภาพและประกันชดเชยรายได้ มีระยะเวลารอคอย 30 วันสำหรับโรคทั่วไป และ 120 วัน สำหรับบางโรค เช่น
เนื้องอก ต้อกระจก ริดสีดวง เป็นต้น
- ประกันโรคร้ายแรง มีระยะเวลารอคอย 90 วัน
1. แบบชั่วระยะเวลา (Term) มีระยะเวลาค่อนข้างสั้น เบี้ยประกันไม่แพง มีความคุ้มครองชีวิตสูง
2. แบบตลอดชีพ (Whole Life) ทุนประกันชีวิตที่ราคาสูงกว่าแบบชั่วระยะเวลา มีความคุ้มครองนานจนถึงอายุ 90 ปี หรือ 99 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยแล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละแบบประกัน
3. แบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ได้รับความนิยมมากที่สุด เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย
4. แบบประกันบำนาญ (Annuity) เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ ให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นประจำ (เช่น ทุกเดือน) นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ สำหรับระยะเวลาการจ่ายเงินได้ประจำนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันชีวิตที่จะเลือกซื้อ
กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยจะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจาก
1. ไฟไหม้ รวมถึงไฟไหม้ป่า พุ่มไม้ พงรก และการเผาป่าเพื่อปราบพื้นที่
2. ฟ้าผ่า รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดจากการลัดวงจรเนื่องจากฟ้าผ่า
3. การระเบิดทุกชนิด
4. ภัยจากยานพาหนะ หรือช้าง ม้า วัว ควาย
- จากการชนโดยยานพาหนะต่าง ๆ (รวมถึงช้าง ม้า วัว ควาย)
- แต่ต้องไม่ใช่ยานพาหนะของผู้เอาประกันภัย
5. ภัยจากอากาศยานหรือวัตถุที่ตกจากอากาศยาน
- จากการชน หรือตกใส่
- ตัวอากาศยาน หรือ ของที่ตกจากอากาศยาน
- อากาศยาน ให้หมายรวมถึง จรวด และยานอวกาศด้วย
6. ภัยเนื่องจากน้ำ
- เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ
- จากการปล่อย รั่วไหล ล้น
- จากท่อน้ำ ถังน้ำ รวมถึงน้ำฝนที่ผ่านเข้าทางอาคารที่ชำรุด
- แต่ไม่รวมถึง น้ำท่วม และท่อประปาภายนอกอาคารที่แตก
ภัยที่ซื้อเพิ่มเติมได้
1. ภัยลมพายุ
2. ภัยจากลูกเห็บ
3. ภัยจากควัน
4. ภัยแผ่นดินไหว
5. ภัยน้ำท่วม
6. ภัยจลาจลและนัดหยุดงาน
7. ภัยเนื่องจากป่าเถื่อนและการกระทำด้วยเจตนาร้าย
8. ภัยระอุ
9. ภัยระอุที่มีการลุกไหม้ / ระเบิด
10. ภัยต่อเครื่องไฟฟ้า
ประกันภัยรถยนต์ คือ การประกันความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ รวมถึงความสูญเสียหรือเสียหายที่รถยนต์ก่อให้เกิดขึ้นแก่ชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ตลอดจนบุคคลที่โดยสารอยู่ในรถยนต์นั้นด้วย
มี 2 ประเภท ได้แก่
1) ประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ)
2) ประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจ (ประกันรถยนต์ ประเภท 1 , 2, 3, 2+ และ 3+)
ผู้ประสบภัยจากรถยนต์จะได้รับความคุ้มครองหากได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เอาประกันต้องรับผิดตามกฎหมายดังนี้
1. กรณีได้รับความเสียหายต่อร่างกาย หรืออนามัย บริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามความเสียหายที่แท้จริงแต่ไม่เกิน 80,000 บาท ต่อหนึ่งคน
2. กรณีสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน 200,000 – 500,000 บาท ต่อหนึ่งคน (กรณีสูญเสียอวัยวะ ความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์)
3. กรณีเสียชีวิต บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาท ต่อหนึ่งคน
4. กรณีที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล (คนไข้ใน) บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยรายวันวันละ 200 บาท (จำนวนรวมกันไม่เกิน 20 วัน)
ค่าเสียหายเบื้องต้น บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอ โดยไม่รอการพิสูจน์ความรับผิด ดังนี้
1. กรณีผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อร่างกาย บริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายไปจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อหนึ่งคน
2. กรณีผู้ประสบภัยสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวน 35,000 บาท ต่อหนึ่งคน
3. กรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิต บริษัทจะจ่ายค่าปลงศพตามจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น 35,000 บาท ต่อหนึ่งคน
4. หากเกิดความเสียหายหลายกรณีรวมกันจะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันแล้วไม่เกิน 65,000 บาท ต่อหนึ่งคน
(หมายเหตุ : กรณีผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เอาประกันภัย และเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดต่ออุบัติเหตุหรือไม่มีผู้ใดต้องรับผิดตามกฎหมายต่อผู้ขับขี่ที่เป็นผู้ประสบภัย จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น)
ตารางเปรียบเทียบข้อมูลความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ประเภทต่างๆ
ท่านสามารถติดต่อ สอบถาม ขอใช้บริการ และ/หรือ แจ้งปัญหาการใช้บริการ ผ่านช่องทางที่สะดวกด้านล่าง
SCB พร้อมให้บริการคุณ 24 ชั่วโมงทุกวัน
0 2777 7777พบกับบริการสาขา ตู้เอทีเอ็มใกล้เคียง หรือสะดวกที่สุด
ค้นหาเราส่งข้อความหาเรา หากต้องการสอบถามเพิ่มเติม
ส่งข้อความ