ซื้ออากาศบริสุทธิ์ให้คนที่คุณรัก

เมื่อก่อน..เราบอกว่าอากาศเป็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเราแค่เรามองไม่เห็น แต่วันนี้เราเห็น...เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะอากาศเปลี่ยนจากเดิมมากที่เคยใส กลายเป็นสีดำจากมลภาวะอากาศบริสุทธิ์ให้กลายเป็นอากาศ นี่คือสิ่งที่ทั้งตัวเราและคนที่เรารักต้องสูดเข้าไปทุกวันเพื่อดำรงชีวิต...หรือสูดเพื่อค่อยๆ ตายอย่างช้าๆ


ถ้าร่างกายขาดอากาศเราจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 5 ถึง 6 นาที เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายต้องการออกซิเจนที่อยู่ในอากาศเพื่อความอยู่รอด แต่บ้านเราทุกวันนี้อากาศเต็มไปด้วยสารปนเปื้อนทั้งฝุ่นละออง ไอเสียรถยนต์ ควันจากโรงงาน การเผาขยะ ส่วนอากาศพิษภายในอาคารที่พบได้มากที่สุดคือสารที่เกิดจากการเผาไหม้ เชื้อรา สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ละอองเกสรดอกไม้ และที่อันตรายมากคือสารเคมีในรูปของแก๊สและฝุ่นละอองต่าง ๆ มากกว่า 900 ชนิดที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ข้อมูลจาก European Commission Scientific Committee on Health and Environmental Risks ระบุว่าการสูดเอาฝุ่นขนาดจิ๋วที่มองไม่เห็นเข้าไปมันจะทะลุผ่านเนื้อเยื่อปอดและเข้าสู่กระแสเลือด ไหลเวียนในร่างกายและตกค้างอยู่ภายใน  ซึ่งทั้งหมดเป็นสาเหตุทำให้คนเป็นโรคทางเดินหายใจเพิ่มสูงขึ้น ทั้ง โรคภูมิแพ้ โรคหืดหอบ เจ็บคอเรื้อรัง ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ จนถึงขั้นมะเร็งปอด  ยิ่งสำหรับลูกน้อยที่อยู่ในช่วงการพัฒนาด้านการเรียนรู้ยิ่งน่ากลัว เพราะสมองจะทำงานได้ดีเมื่อได้รับอากาศบริสุทธิ์ จากการวิจัยพบว่า เด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้หากได้รับอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้มีพัฒนาการดีขึ้น ในทางตรงข้ามถ้าสูดอากาศพิษเข้าไปนอกจากจะมีผลต่อสุขภาพแล้วยังมีผลต่อพัฒนาการของสมองอีกด้วย


หลายๆ คนอาจคิดว่าก็อยู่ในห้องแอร์ ไม่ออกไปสูดควันพิษข้างนอกก็ปลอดภัยขึ้นแล้ว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะเครื่องปรับอากาศใช้ระบบการหมุนเวียนอากาศจากข้างนอกมาใช้ใหม่ จึงเป็นการแพร่เชื้อโรคได้อีกทางหนึ่ง ถ้ามีคนป่วยอยู่ในบ้านหรือที่ทำงาน อากาศที่ปนเปื้อนจะหมุนเวียนกระจายอยู่ภายในห้อง และในที่สุดก็จะหายใจรับเชื้อเข้าไปนั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมโรคที่ติดต่อทางการหายใจจึงเกิดขึ้นง่ายและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

อันตรายที่มองเห็นได้แถมใกล้ตัวขนาดนี้ หลายๆ ครอบครัวจึงไม่ลังเลที่จะลงทุนเพื่อสุขภาพทั้งของตัวเองและคนในครอบครัว ถึงแม้ต้องจ่ายเงินหลักหมื่นหลักแสนแต่เพื่อแลกกับอากาศบริสุทธิ์สำหรับคนทั้งบ้านก็คือคุ้มค่า คุณทัชชา พนักงานออฟฟิสวัยกลางคน เธออยู่อาศัยในบ้านที่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ซึ่งมีการจราจรหนาแน่น ร่วมกับครอบครัวอีกสี่ชีวิต คือ สามี ลูกสาววัยอนุบาล คุณแม่วัยเกือบแปดสิบ และน้องสาว เมื่ออากาศในบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดไม่สะอาดเหมือนก่อน ลูกสาวป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจบ่อยครั้งจนต้องเข้าโรงพยาบาล คุณแม่ก็เจ็บคอ เป็นหวัดเรื้อรัง ส่วนตัวเองซึ่งเป็นภูมิแพ้อยู่แล้วก็อาการแย่ลง


เธอตัดสินใจซื้อเครื่องกรองอากาศยี่ห้อดัง ที่เรียกว่าเกือบจะแพงที่สุดที่มีขายในบ้านเรา ในราคาเครื่องละประมาณ 5 หมื่น พร้อมกันทีเดียว 4 เครื่อง  เพราะอยากให้ครอบครัวมีสุขภาพที่ดี และมองว่าการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตจะคิดถึงแค่ราคาไม่ได้ ต้องได้ของที่คุณภาพดีที่สุดและใช้ได้ผลจริง  เธอเล่าว่าก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องกรองอากาศ ก็ได้ศึกษาข้อมูลจำนวนมาก สุดท้ายตัดสินใจซื้อยี่ห้อนี้ทั้งๆ ที่ราคาสูงแต่คุณสมบัติตอบโจทย์ที่ต้องการ  “จริงๆ เมื่อก่อนเคยซื้อเครื่องที่ราคาถูกมาใช้ แต่มันไม่ได้ผล ยังจาม ยังเป็นภูมิแพ้เหมือนเดิม” แต่หลังจากทุกคนในบ้านเริ่มใช้เครื่องกรองอากาศตัวใหม่ รู้สึกได้ทันทีว่าอากาศสะอาด สดชื่น ทั้งตัวเธอเอง สามีและคุณแม่นอนหลับสนิทขึ้น อาการภูมิแพ้ดีขึ้นจนแทบจะหายไป จากที่เคยจาม น้ำมูกไหลตอนเช้าๆ ก็ไม่เป็น ลูกสาวก็ไม่ป่วยบ่อยเหมือนช่วงก่อน เธอบอกว่าคุ้มเกินคุ้มจริงๆ

เครื่องกรองอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศจะช่วยกรองเอาสิ่งสกปรกที่อยู่ในอากาศบริเวณนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นขนาดเล็ก ไรฝุ่น เชื้อโรค เข้าไปในเครื่องแล้วปล่อยเป็นอากาศที่บริสุทธิ์ออกมาแทน แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้อากาศบริสุทธิ์ได้เต็มร้อยแต่ก็ถือว่าทำให้อากาศสดชื่นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งก็ทำหน้าที่คล้ายปอดของคนเราที่ช่วยกรองเอาสิ่งสกปรกในอากาศออกไปนั่นเอง ปัจจุบันมีเครื่องกรองอากาศให้เลือกมากมายหลายแบรนด์ แต่ละแบรนด์ก็จะมีระบบในการกรองที่ต่างกัน ราคาก็มีหลากหลายไล่ไปตั้งแต่หลักพันต้นๆ ไปจนถึงหลายหมื่นหรือเหยียบแสนก็มี ดังนั้นเพื่อช่วยให้สามารถเลือกซื้อเครื่องกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของแต่ละบ้านมากที่สุด สามารถพิจารณาจากคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้

1. Air Volume, Air Flow – ยิ่งค่านี้สูงอากาศก็ยิ่งถูกกรองเร็วขึ้น สามารถปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาได้เร็วขึ้น โดยห้องมีขนาดใหญ่ค่านี้ต้องสูงตามพื้นที่ด้วย


2. Clean Air Delivery Rate
– หรือค่า CADR เป็นค่าที่บอกว่าเครื่องสามารถกรองสิ่งสกปรกออกได้จำนวนเท่าไหร่ต่อนาที ค่านี้ยิ่งมากเท่าไหร่นั่นหมายถึงว่าประสิทธิภาพการกรองก็ดีขึ้น


3. Room Size, Area Coverage
– ขนาดห้องที่เหมาะสมซึ่งเราจำเป็นต้องทราบขนาดห้องที่จะใช้งาน เพราะหากห้องมีขนาดใหญ่เกินกว่าความสามารถของเครื่องก็หมายถึงว่าอากาศภายในห้องนั้นๆ จะไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็น และยังเปลืองไฟและมีเสียงดังกว่าปกติอีกด้วย


4. Noise Level
– ระดับเสียง คือสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้เครื่องกรองอากาศในห้องนอนเพราะยิ่งเสียงดังจะยิ่งรบกวนการนอนของผู้ใช้งาน


5. Power Usage
– อัตราการกินไฟ ลองเทียบเครื่องกรองอากาศรุ่นใกล้เคียงกันดูเพื่อเปรียบเทียบอัตราการกินไฟ


6. ลดสิ่งปนเปื้อนในอากาศได้กี่ชนิด ครบตามความต้องการหรือไม่
เช่น PM 2.5, ไรฝุ่น, เชื้อไวรัส, กลิ่นไม่พึงประสงค์


7.  ระยะเวลาในการทำงานต่อเนื่องได้นานสูงสุดกี่ชั่วโมง
ตั้งเวลาปิดเปิดได้หรือไม่


8. ดีไซน์หน้าจอ
การแสดงผลการตรวจจับสิ่งสกปรก การแจ้งเตือนต่างๆ เช่น เมื่อถึงกำหนดต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง


9. การดูแลรักษา
ระยะเวลาการเปลี่ยนแผ่นกรอง ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา รวมทั้งศูนย์บริการ


10.  ความสะดวกในการใช้งาน
มีรีโมทคอนโทรลหรือไม่ เคลื่อนย้ายง่ายหรือไม่ที่


11.  การรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์
เป็นระยะเวลานานแค่ไหน


การตัดสินใจซื้อเครื่องกรองอากาศอย่าใช้ราคาเป็นตัวตั้ง อย่าคิดว่าก็คงกรองได้เหมือนๆ กัน เลยเลือกที่ราคาถูกไว้ก่อนแต่สุดท้ายอาจจะกลายเป็นเสียเงินเปล่าเพราะไม่ได้ดูที่คุณสมบัติว่าสามารถให้อากาศที่สะอาดกลับมาอย่างที่ต้องการได้จริงมั้ย และมีหลายๆ คนที่เคยเสียเงินแบบนั้นไป สุดท้ายก็ต้องมาซื้อเครื่องใหม่ที่มีคุณภาพจริงๆ กลายเป็นจ่ายแล้วไม่จบ สำหรับบางคนที่จริงๆ อยากซื้อสุขภาพที่ดีให้กับครอบครัว แต่ติดขัดในเรื่องงบประมาณก็สามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลได้ หรือถ้ามีบัตรเครดิต SCB อยู่แล้ว ก็สามารถรูดชำระสินค้าไปก่อน แล้วขอเปลี่ยนยอดนั้นให้เป็นการผ่อนชำระรายเดือนแทนกับ SCB ดีจัง เพื่อลดภาระในการจ่ายเงินสดก้อนใหญ่ๆ ในคราวเดียว ทั้งหมดสามารถทำเองง่ายๆ ผ่าน SCB EASY App  เรื่องสุขภาพนั้นรอไม่ได้ ลงทุนกับสุขภาพของคุณและคนที่คุณรักตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าต้องเห็นพวกเขาเจ็บป่วยทีหลัง นอกจากจะเสียใจแล้วยังต้องเสียเงินมากกว่าอีกหลายเท่า