ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
18-06-2568
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม “KPAGRO" ได้เป็นหนึ่งใน ตัวอย่างของธุรกิจไทยที่น่าชื่นชม และสามารถผสานการเติบโตทางธุรกิจเข้ากับการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างสมดุล โดย เริ่มต้นจากธุรกิจขายเครื่องจักรให้โรงบ่มยาสูบ ต่อมาเป็นโรงงานอบลำไยในท้องถิ่น จนกลายเป็นผู้ให้บริการทางการเกษตรแบบครบวงจรในการอบเมล็ดพันธุข้าวโพดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะกันออกเฉียงใต้
จุดเริ่มต้น : จากการขายเครื่องจักรให้โรงบ่มยาสูบต่อมาโรงงานอบลำไย พบว่าแต่ละธุรกิจก็เป็นไปตาม Product Life Cycle คือ ทุกธุรกิจย่อมมีช่วง Decline และตายไป จึงหันมาสร้างโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด โดยดำเนินธุรกิจให้บริการรับข้าวโพดมาจากลูกค้า ทำการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ ส่งมอบให้ลูกค้าในถุง Big Bag
KPAGRO ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายซัดเจนในการพัฒนาเกษตรกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับ สากล พวกเขามองเห็นโอกาสจาก “ธุรกิจอบลำไย" พืชเศรษฐกิจหลักของภาคเหนือ ที่มีศักยภาพในการแปรรูปและส่งออก ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีอบแห้งแบบควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ KPAGRO สามารถรักษาคุณภาพและรสชาติของผลผลิต พร้อมรับประกันความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร แต่ยังช่วยให้เกษตรกรในท้องถิ่นมีรายได้อย่างมั่นคงและหลุดพ้นจากวงจรความไม่แน่นอนของราคาในท้องตลาด
โครงสร้างธุรกิจที่ขยายตัวอย่างยั่งยืน
ป้จจุบัน KPAGRO มีโรงงานและฐานปฏิบัติการกระจายตัวในหลายจังหวัด ได้แก่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี, อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา, อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่, อ.ป่าแดด จ.เชียงราย และ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เพื่อรองรับการอบเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด การจัดเก็บในห้องเย็น และการบริการปรับปรุงเมล็ดพันธุ์คุณภาพ โดยเฉพาะ “เมล็ดพันธุ์ข้าวโพด" ที่ผ่านมาตรฐานระดับสากลและลูกค้าสามารถส่งออกได้มากกว่า 25,000 ตันต่อปี นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการเสริม เช่น
กลยุทธ์ ESG รากฐานของความสำเร็จ
KPAGRO พัฒนาธุรกิจภายใต้แนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ที่จับต้องได้ ผ่านวิสัยทัศน์เรียกว่า “SILA" ได้แก่
S - Sustainability: การเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคง พร้อมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
I - Innovation: การใช้เทคโนโลยีในทุกขั้นตอน เช่น เตาอบชีวมวล ระบบจัดการฝ่น Heat Pump และ Solar Thermal เป็นต้น
L - Learning : การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ฝึกอบรมพนักงาน และเปิดรับความเห็นคิดใหม่ ๆ
A - Adaptation: พนักงานทุกคนมีการปรับตัวตามสถานการณ์ เช่น การนำเรื่อง Sustainability หรือความยั่งยืนมาใช้เป็น หลักในการบริหารธุรกิจเพื่อให้ทันต่อกระแสภาวะโลกร้อน
นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมจากแนวคิดสู่การปฏิบัติ
หนึ่งในไฮไลท์ของ KPAGRO คือ “อาคาร Zero Waste" ที่เกิดจากการนำเถ้าชีวมวล ซึ่งเหลือจากการเผาซังข้าวโพด มาวิจัยพัฒนาเป็นวัสดุก่อสร้าง เช่น อิฐบล็อกแทนที่จะต้องทิ้งอย่างไร้ประโยชน์รวมถึงการบริหารจัดการฝุ่นที่มาจากการสีข้าวโพด สามารถทำเป็น Pellet ที่สามารถนำไปใช้ผลิตอาหารสัตว์ หรือเชื้อเพลิงเสริมในโรงอบ ทั้งหมดนี้ สะท้อนความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของ KPAGRO อย่างแท้จริง โดยไม่ปล่อยของเสียให้เปล่าประโยชน์
สร้างความมั่นคงให้เกษตรกรไทย
KPAGRO ไม่ได้เติบโตแค่ในเชิงธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับชุมชน ด้วยการให้ราคาที่เป็นธรรมแก่เกษตรกร ล่งเสริมองค์ความรู้ในการแปรรูปสินค้าเกษตร สนับสนุนการใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ และรับชื้อผลผลิตโดยตรงจากแหล่งเพาะปลูกโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ในบางพื้นที่ เช่น จ.ลพบุรี และ จ.ตาก เกษตรกรสามารถเปลี่ยนรูปแบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยวไปส่ระบบการเพาะปลูกแบบหมุนเรียน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเพิ่มรายได้ในระยะยาว
ยกระดับธุรกิจสู่เวทีระดับประเทศ
ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทของ KPAGRO ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ โดยในปี 2023 บริษัทได้รับรางวัล SMEs Excellence Awards จากสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทยและใบรับรองด้านความยั่งยืนจากอีกหลายสถาบัน และยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในวิทยากรและร่วมอบรม SCB BOOTCAMP ที่จัดโดยธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อนำเสนอต้นแบบธุรกิจสีเขียว สู่ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ทำให้ได้นำความรู้ จากการอบรมที่ SCB ไปต่อยอดในการบริหารองค์กรเรื่องความยั่งยืน และ KPAGRO ยังมองอีกว่าการทำเรื่องความยั่งยืนนั้น ช่วยสร้างประโยชน์ทั้งในแง่การลดต้นทุน ลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นกับองค์กรและในสายตาของลูกค้าอีกด้วย
KPAGRO แสดงให้เห็นอย่างซัดเจนว่า “ธุรกิจการเกษตร" ไม่ใช่แค่การผลิตพืชผล แต่คือการสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่สมดุลระหว่าง คน-โลก-กำไร (People-Planet-Profit) บริษัทไม่เพียงแต่ลงทุนในเครื่องจักรหรือนวัตกรรมเท่านั้น แต่ยังลงทุนในคน ชุมชนและอนาคตของประเทศอีกด้วย
บทเรียนจาก KPAGRO คือ ความสำเร็จที่แท้จริงที่ไม่ได้วัดจากยอดขาย แต่คือ “พลังของนวัตกรรม + ความยั่งยืน" ที่องค์กรสามารถสร้างให้เกิดขึ้นจริงได้ จากความตั้งใจผ่านแนวคิดการทำธุรกิจเพื่อโลกที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง