เด็กยุค เจเนอเรชั่น อัลฟ่า (Gen Alpha) เป็นนิยามเรียกคนที่เกิดตั้งแต่ปีพ.ศ. 2553 เป็นต้นมา ผู้เติบโตขึ้นมาในโลกที่หมุนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ กำลังจะกลายเป็นช่วงวัยที่มีอิทธิพลในการจับจ่ายที่ไม่ควรพลาดจับตามอง เพราะคาดการณ์ว่าภายในปีพ.ศ. 2568 เจน อัลฟ่า จะมีจำนวนแตะ 2,000 ล้านคน แม้ปัจจุบัน พวกเขายังอาจยังไม่ใช่วัยแสวงหารายได้ด้วยตัวเอง แต่ความจริงกลับเป็นผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงที่ทำให้พ่อแม่ยินยอมควักกระเป๋าจ่าย ใครเป็นเสือปืนไวเห็นช่องทางการตลาด จับชีพจรการใช้สื่อและการใช้จ่ายคนวัยนี้ได้ก่อน ย่อมไม่เสียเปรียบแน่นอน

1. เจน อัลฟ่า ดวงใจของพ่อแม่ยุคมิลเลนเนียล

ด้วยชีวิตสังคมเมืองที่แพร่ขยายมากขึ้น พร้อมกับดีกรีความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวัน ทำให้อัตราการมีบุตรทุกวันนี้ลดลงกว่าสมัยก่อนมาก เมื่อครอบครัวไหนมีลูกน้อยออกมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ เด็กคนนั้นจึงเหมือนของขวัญล้ำค่าในชีวิต พ่อแม่สมัยนี้มีแนวโน้มที่จะวางแผนการปูทางเพื่อให้ลูก “มีพร้อม” ทุกอย่าง ทั้งเพื่อตอบสนองในเรื่องจำเป็น หรือเป็นไปเพื่อหยอด “ความสุข” ให้ลูกรัก หากเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถตีโจทย์ความต้องการ และสิ่งที่คนในวัยนี้สนใจ ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง

2. อุปกรณ์ดิจิทัลที่ดึงดูดคนวัยน้อย

ลูกน้อยที่เกิดในช่วงนี้ ถือเป็นพลเมืองยุคดิจิทัล (Digital Native) ขนานแท้ และหนีไม่พ้นต้องมีอุปกรณ์ไฮเทคตอบสนองการในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นองค์ประกอบหลักในการเรียนไปแล้ว อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ที่นอกจากเป็นแหล่งค้นหาข้อมูล และเป็นสื่อการสอนแล้ว ยังเป็นวิธีที่พวกเขาใช้สื่อสารด้านวิชาการ และพูดคุยเรื่องส่วนตัวกับเพื่อนฝูง คุณครู และคนรอบข้าง นับเป็นหมวดหมู่สินค้าที่พ่อกับแม่ต้องเลือกให้ตรงกับการใช้งาน และให้ถูกใจลูกๆ ไปพร้อมกัน

3. รู้ช่องทางไขคำตอบแบบเจน อัลฟ่า

เพราะการค้นหาคำตอบของเจน อัลฟ่า คือการท่องไปในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลในเสิร์ชเอนจิ้นต่างๆ หรือหาวิธีทำตามแบบ “ฮาวทู” จากคลิปวิดีโอในเพจต่างๆ หรือ youtube สื่อเหล่านี้จึงเป็นช่องทางำการตลาดที่สื่อสารตรงกลุ่มคนวัยนี้ได้มาก โดยแนวโน้มพฤติกรรมของคนวัยนี้คือ มีโอกาสคล้อยตามผู้มีอิทธิพลทางสังคมออนไลน์ พอๆ กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว ดังนั้นจึงต้องจับความสนใจใช้สื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูง และพูดในภาษาเดียวกับที่พวกเขาสบายใจและพร้อมเปิดใจรับฟัง

4. ระบบการสั่งการด้วยเสียงคือสิ่งกระตุ้นอย่างดี

นอกจากจะหาข้อมูลหรือคำตอบว่าด้วยข้อมูลทั่วไป มีผลวิจัยที่ลงลึกไปอีกว่า สิ่งที่กระตุ้นคนในวัยนี้ให้มีความต้องการมากขึ้นคือ การใช้ระบบการสั่งการด้วยเสียง (Voice Assistants) โดยพบว่าการหาข้อมูลซื้อของโดยใช้เสียงสั่งการและมีระบบอัตโนมัติสื่อสารตอบโต้ทันใจ ยิ่งมีผลต่อการตัดสินใจเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะพวกเขาจะรู้สึกเหมือนมีเพื่อนมาช่วยเหลือ

5. พร้อมเปลี่ยนเมื่อเจอสิ่งที่ใช่กว่า

คนรุ่นนี้ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) แบบผูกผันยาวนานเหมือนคนรุ่นก่อน เพราะความชอบนั้นปรับเปลี่ยนไว รักง่าย หน่ายเร็ว พร้อมจะย้ายค่ายทันทีหากเจอแบรนด์ที่โดนใจและตอบโจทย์ตัวเองได้มากกว่า การออกแบบหรือการพัฒนาสินค้าให้ใช้งานเฉพาะส่วนบุคคล (Personalization) จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะลูกค้าจะประทับใจที่แบรนด์รู้ความต้องการที่แท้จริง จนเขาไม่ต้องเหนื่อยไปหาสิ่งอื่นมาทดแทน

6. สินค้าที่ไม่จำเป็นต้องระบุเพศอย่างชัดเจน

สิ่งแปลกใหม่ที่ต้องเตรียมไว้อีกเรื่องคือ คนรุ่นนี้จะมองข้ามเรื่องการแบ่งเพศอย่างชัดเจน หมดยุคแล้วที่สินค้านี้หรือสีนี้จะต้องผลิตมาเพื่อผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้น แต่ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับอัตลักษณ์และความชอบของแต่ละคนเป็นหลัก เพราะฉะนั้น ลืมไปได้เลยว่าของเล่นสีชมพูจะต้องเจาะกลุ่มผู้หญิง หรือคนเล่นสีฟ้าคือเด็กผู้ชายเท่านั้น

7. แบรนด์สินค้าที่ทำดีกับโลกใบนี้

เพราะเจน อัลฟ่าจะหันหน้าสู่การใช้นวัตกรรมมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเดิมๆ ที่รุมเร้ามาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ อาทิ ปัญหามลภาวะ ปัญหาโลกร้อนจากก๊าซเรือนกระจกหนาแน่น เด็กวัยนี้จะมีแนวโน้มสนใจผลิตภัณฑ์ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือลดการก่อมลพิษทางตรงและทางอ้อมให้มากที่สุด และให้ความสำคัญกับสินค้าที่ไม่ได้แสวงหากำไรอย่างถล่มทลายเพียงอย่างเดียว

ไม่ว่าจะยุคไหน พฤติกรรมการบริโภคย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ถ้าสามารถจับสัญญาณได้ก่อนก็เหมือนได้ไปยืนรอคว้าโอกาสงามก่อนใคร เจน อัลฟ่า เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ผู้ผลิตสินค้าหรือพ่อค้าแม่ขายต้องพลิกตำราการตลาดในแบบท้าทายกว่าที่ผ่านมาไม่น้อยทีเดียว

ที่มา

https://postconnex.in.th/marketing-hub/ทำความรู้จัก-gen-alpha-ลูกค้า
https://www.everydaymarketing.co/target/generation-alpha/generation-alpha-insight-why-this-gen-are-leader-everyone
https://businesslinx.globallinker.com/bizforum/article/อนาคตอยู่ในมือของ-generation-alpha/24013