เมื่อสังคมโลกอ้าแขนรับกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ มากขึ้น หากใครไม่อยากพลาดโอกาส เชิญรีบมาสำรวจโอกาสในตลาดนี้จากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศไปพร้อมกัน

ในหลายประเทศ การสร้างครอบครัวของกลุ่มคนรักร่วมเพศได้รับการรับรองเฉกเช่นคู่สมรสต่างเพศ นอกจากจะจดทะเบียนสมรสกันได้แล้ว คู่รักเพศเดียวกันยังสามารถเข้าถึงทรัพย์สิน และทำธุรกรรมร่วมกัน อาทิ การกู้เงินร่วมกันเพื่อซื้อบ้านได้ รับอุปการะบุตรบุญธรรมได้ รับมรดกตามกฎหมาย แม้ว่าในประเทศไทย จะยังต้องรอการผลักดันของกฎหมายนี้เป็นรูปธรรมต่อไป แต่ในทางปฏิบัตินั้น การลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวของกลุ่ม LGBTQ นั้นเริ่มมีให้เห็นแล้ว และถือว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องจับตามองเผื่อไว้สำหรับอนาคต โดยเฉพาะการซื้ออสังหาริมทรัพย์

หากอ้างอิงจากประเทศเสรีอย่างสหรัฐอเมริกาที่เปิดกว้างเรื่องการครองคู่ของคนเพศเดียวกันมานานแล้ว จะยิ่งเห็นชัดถึงความต้องการอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว LGBTQ ที่พุ่งในกราฟสูงลิบไม่แพ้กลุ่มใด ผลสำรวจ LGBT Real Estate Report ประจำปี 2019-2020 ที่ National Association of Gay & Lesbian Real Estate Professionals (NAGLREP) ทำร่วมกับ Freddie Mac ขีดเส้นใต้เน้นๆ ว่า กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศกว่า 75% มองว่าซื้อบ้านเป็นการลงทุนทางการเงินที่ดี โดยมีปัจจัยประกอบการพิจารณาคือ ต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ตนเองจับจ่ายได้ และมีความปลอดภัยสำหรับพวกเขา ในบรรดาคู่แต่งงานเพศเดียวกันนั้น ยังมีถึง 73% ที่มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว นับว่าสูงลิบเมื่อเทียบกับกลุ่มคู่รักเพศเดียวกันที่ยังไม่แต่งงาน มีอัตราครอบครองบ้านที่ 41% เท่านั้น ขณะที่กลุ่มคนนี้ที่ยังโสดมีบ้านเป็นของตัวเองเพียง 35%

ส่วนการรับบุตรบุญธรรมมาอุปการะตามกฎหมายได้นั้น หากมีการปรับแก้กฎหมายในอนาคต อาจนับเป็นปัจจัยเร่งความต้องการถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้เหมือนกัน เนื่องจากผลสำรวจพบเช่นกันว่า คู่รักเพศเดียวกันที่มีสถานะเป็นพ่อแม่ มีอัตราการเป็นเจ้าของบ้านเองสูงถึง 64% ทีเดียว

การปูพรมรอรับตลาด LGBTQ ด้วยการสร้างองค์ประกอบธุรกิจที่ให้ความเท่าเทียมกับคนกลุ่มนี้ ยังจะเป็นผลดีต่อการเปิดประตูโอกาสในอนาคต สังเกตได้จากในโลกตะวันตกที่องค์กรใหญ่และมีผลประกอบการสูง ได้แสดงบทบาทเป็นผู้สนับสนุนที่เข้มแข็ง และสะท้อนเป็นผลบวกทันที เมื่อโลกตลาดทุนอ้าแขนรับธุรกิจเป็นมิตรต่อความเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ

ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2563 ในสหรัฐอเมริกามีการเปิดตัวดัชนีการเงิน LGBTQ100 ESG Index ขึ้นเป็นครั้งแรก มุ่งเน้นจัดอันดับ 100 บริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาที่ช่วยผลักดันความเท่าเทียมทางเพศสูงสุด ปัจจุบันมีคอร์ปอเรตรายใหญ่ที่ติดโผ อาทิ Amazon, Apple, Microsoft, Facebook และ Netflix ในการเปิดตัวดัชนีใหม่ครังนี้ เมื่อเทียบผลย้อนหลังกับดัชนีอื่นๆ ยังเห็นผลชัดเจนด้วยว่า ยอดรวมของกิจการทั้งหมดมีมาตรฐานที่ดีกว่าดัชนีอื่นๆ เช่น เหนือกว่าดัชนี S&P 500 อยู่ราว 3.41% เมื่อเทียบผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563

แน่นอนว่านอกจากจะดึงดูดนักลงทุนที่ใส่ใจเรื่องความหลากหลายทางเพศแล้ว ดัชนีนี้ยังบ่งบอกถึงความเข้มแข็งเชิงผลกำไร ที่มาจากความใส่ใจและลงมือปฏิบัติเพื่อความเท่าเทียมกันเชิงประจักษ์ว่าสร้างผลรวมโดดเด่นกว่าธุรกิจอื่นๆ ได้มากขนาดไหน

หากพูดถึงการเปิดรับกลุ่ม LGBTQ ด้วยตัวบทกฎหมายในภาคธุรกิจเป็นกรณีศึกษา ในสหรัฐอเมริกาที่มีกิจการกว่า 1.4 ล้านรายที่เจ้าของเป็นสมาชิกในชุมชนนี้ และช่วยอัดฉีดเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี กำลังเคลื่อนเข้าสู่เวทีการยอมรับอย่างเต็มขั้น เมื่อ The National LGBT Chamber of Commerce เดินสายผลักดันให้ทุกรัฐจดทะเบียนรับรอง LGBT Business Enterprise (LGBTBE) ให้กิจการที่เจ้าของเป็นกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน เพื่อยกระดับสิทธิในการเข้าถึงโอกาสแหล่งเงินทุน ขยายฐานตลาด หรือมีช่องทางติดต่อธุรกิจอย่างไม่ถูกกีดกันแบ่งแยกอย่างในอดีต

ในวันข้างหน้า ไม่ว่าช้าหรือเร็ว โลกตลาดทุนและภาคธุรกิจของไทยเองคงต้องเปิดใจตามรอยเส้นทางเหล่านั้น นี่จึงถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่ในการพัฒนาธุรกิจของคุณที่ไม่ควรมองข้าม

ที่มา
https://naglrep.com/wp-content/uploads/2019/03/2019-naglrep-lgbt-real-estate-report.pdf
https://lgbtq100.com
https://stockhouse.com/news/press-releases/2020/08/19/procuream-to-launch-lgbt-etf-oct-1-in-partnership-with-lgbtq-loyalty-holdings
https://www.etfstream.com/news/lgbtq-loyalty-and-c8-technologies-partner-to-enable-lgbtq100-esg-index-trading/
https://www.heraldextra.com/business/local/utah-businesses-strive-for-lgbte-certification/article_4cdb387f-1eb4-5171-8394-d1a4cec54867.html