พลาดท่าเสียเงินให้มิจฉาชีพไปแล้ว ต้องทำอย่างไร?

เมื่อเราได้ให้ข้อมูลกับมิจฉาชีพไป ไม่ว่าจะเกิดจากความเผอเรอ หรือความเข้าใจผิด ข้อมูลนั้นก็อาจถูกนำไปใช้สร้างความเสียหายในรูปแบบอื่น ๆ ตามมาได้ และหากพลาดพลั้งทำธุรกรรมบางอย่างตามกลลวงของผู้ไม่ประสงค์ดี เราอาจสูญเงินในบัญชีไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น สิ่งที่ควรทำอย่างเร่งด่วนคือ หยุดความเสียหายให้เร็วที่สุด โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้



  1. รีบติดต่อธนาคารที่เรามีบัญชีอยู่ เพื่ออายัดบัญชีธนาคารปลายทางให้เร็วที่สุด (กรณีของธนาคารไทยพาณิชย์ ติดต่อได้ที่เบอร์ 02-777-7575 ตลอด 24 ชั่วโมง) 
  2. ธนาคารจะตรวจสอบยืนยันความเป็นเจ้าของบัญชีของผู้เสียหาย จากนั้นจะออก Bank Case ID หรือหมายเลขอ้างอิง ให้ผู้เสียหายผ่านทาง SMS เพื่อให้ผู้เสียหายนำไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ (หากเป็นคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น การหลอกลวงทางออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ สามารถแจ้งความออนไลน์ได้อีกช่องทาง ที่ https://thaipoliceonline.com ตลอด 24 ชั่วโมง)
  3. หลังจากที่ธนาคารตรวจสอบแล้วพบความผิดปกติ หรือพบว่าบัญชีปลายทางที่รับโอนเงินของผู้เสียหายมีความเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางการเงิน หรือการฟอกเงิน ก็จะประสานงานอายัดบัญชีปลายทางให้ทันที เป็นเวลา 72 ชั่วโมง
  4. ผู้เสียหายรวบรวมหลักฐานการถูกหลอกลวง เช่น หน้าจอบทสนทนา หน้าเว็บไซต์ปลอม หรือหน้าเพจปลอม หลักฐานการโอนเงิน ชื่อบัญชี เลขบัญชี และธนาคารของผู้รับโอน รวมไปถึงสมุดบัญชีธนาคารและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เสียหาย เป็นต้น
  5. นำหลักฐานทั้งหมดไปติดต่อแจ้งความที่สถานีตำรวจที่สะดวกภายใน 72 ชั่วโมง กรณีแจ้งความออนไลน์ให้ไปตามวัน และเวลาที่นัดหมายไว้
  6. พนักงานสอบสวนจะรับพิจารณาคำร้องทุกข์ และออกหมายเรียกพยานเอกสาร(ตราครุฑ) ภายใน 7 วัน ผ่านสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ ซึ่งผู้เสียหายต้องติดตามหมายอายัดบัญชีนี้ให้แล้วเสร็จก่อนครบกำหนด 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี
  7. ผู้เสียหายนำหมายเรียกพยานเอกสารที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี ไปติดต่อสาขาที่สะดวกของธนาคารปลายทาง เพื่อให้ธนาคารดำเนินการอายัดบัญชีดังกล่าวตามกฎหมายต่อไป (หากครบ 7 วัน ยังไม่มีหมายอายัดจากพนักงานสอบสวน ทางธนาคารจะยกเลิกการอายัดธุรกรรมของบัญชีปลายทางนั้น แต่หากตรวจสอบพบว่าเป็นอาชญากรรมจริง ก็จะเข้าสู่กระบวนการต่อไป)


สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนแจ้งความดำเนินคดี ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน อีเมลสำหรับยืนยันตัวตนและรับ OTP นอกจากนี้จะต้องเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง เพื่อเป็นหลักฐานไว้ด้วย เช่น ชื่อลิงก์ ข้อความที่นำมาหลอกลวง ช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ ข้อความที่ผู้เสียหายพูดคุยกับคนร้าย สลิปการโอนเงิน เป็นต้น และถ้ารู้ว่าเงินได้ถูกโอนไปที่ธนาคารใด จะยิ่งทำให้ติดตามได้เร็วขึ้น เพราะหากคนร้ายให้โอนเงินผ่านเบอร์พร้อมเพย์ ในสลิปการโอนอาจจะไม่ได้ระบุธนาคารปลายทางไว้ ก็จะทำให้เสียเวลาในการตรวจสอบว่าเป็นบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับธนาคารใด

ขั้นตอนการแจ้งความออนไลน์สำหรับคดีอาชญกรรมทางเทคโนโลยี

  1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://thaipoliceonline.com
  2. ลงทะเบียนผู้ใช้งาน จากนั้นยืนยันตัวตนด้วย OTP ผ่านอีเมลที่ใช้ลงทะเบียน
  3. เข้าสู่ระบบอีกครั้ง เพื่อแจ้งความออนไลน์

เมื่อกรอกข้อมูลผู้เสียหาย ข้อมูลมิจฉาชีพ และแนบไฟล์เอกสารต่างๆ ที่มีแล้ว จะได้เลขรับแจ้งความออนไลน์ หรือ Case ID จากระบบเพื่อใช้ติดตามความคืบหน้า โดยหลังจากที่ทางตำรวจได้รับข้อมูลแล้ว จะส่งเรื่องต่อไปยังสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายสะดวกเพื่อเริ่มกระบวนการสืบสวนในทันที พนักงานสอบสวนจะโทรนัดหมายผู้เสียหายเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องทางคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป และรายงานความคืบหน้าคดีในระบบออนไลน์ ซึ่งผู้เสียหายสามารถติดตามความคืบหน้า ส่งข้อมูลเพิ่มเติม หรือสอบถามปัญหาผ่านระบบได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถปรึกษาขอคำแนะนำได้ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หมายเลข 1441 หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร) โทร. 08-1866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง