พอเงินเดือนเข้าปุ๊บ หลายคนคงรู้สึกดีใจ แต่ไม่ทันไรเงินในบัญชีก็เริ่มทยอยหมดตั้งแต่ต้นเดือน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมาตั้งหลัก วางแผนการเงินใหม่ เพื่อให้คุณมีเงินใช้ตลอดเดือน แถมยังมีเหลือเก็บเหลือลงทุนอีกด้วย ลองทำตาม 5 ขั้นตอนนี้เพื่อสร้างวินัยทางการเงินและใช้เงินได้อย่างคุ้มค่ากัน

1.แยกเงินทันทีที่เงินเดือนเข้า: กฎ 50/30/20

ทันทีที่เงินเดือนโอนเข้าบัญชี สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ แบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนทันที ไม่ใช่รอให้เงินหมดแล้วค่อยคิดว่าจะเก็บเท่าไหร่ เทคนิคที่ง่ายและใช้ได้จริงคือ กฎ 50/30/20

• 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น (Needs): ค่าเช่าบ้าน, ผ่อนรถ, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าอาหาร
• 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว (Wants): ช้อปปิ้ง, ดูหนัง, ฟังเพลง, ท่องเที่ยว
• 20% สำหรับเงินออมและการลงทุน (Savings & Investments): เงินเก็บฉุกเฉิน, เงินออมเพื่อเป้าหมายระยะสั้น-ยาว, ลงทุนในกองทุนรวม, หุ้น หรือสินทรัพย์อื่นๆ

การแยกเงินแบบนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่าเงินเดือนของคุณถูกใช้ไปกับอะไร และป้องกันไม่ให้ใช้จ่ายเกินตัว เมื่อเงินเดือนเข้าบัญชีคุณก็สามารถตั้งโอนเงินอัตโนมัติไปยังบัญชีแยกส่วนต่างๆ ได้เลย ทำให้การจัดการเงินของคุณง่ายและมีวินัยมากขึ้น

2. ตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจน

การออมจะมีพลังมากขึ้นถ้าคุณมีเป้าหมาย ลองมองไปข้างหน้าว่าคุณอยากจะมีอะไรในอีก 1 ปี, 3 ปี, หรือ 5 ปีข้างหน้า เช่น อยากเก็บเงินดาวน์รถ, อยากซื้อบ้าน, อยากไปเที่ยวต่างประเทศ, หรืออยากเกษียณเร็ว สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันให้คุณอยากออมเงินมากขึ้น

เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ให้ตั้งจำนวนเงินที่ต้องเก็บต่อเดือนให้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการเงิน 120,000 บาทภายใน 1 ปี คุณจะต้องเก็บเงินเดือนละ 10,000 บาท วิธีนี้จะทำให้การออมของคุณมีทิศทางและมีวินัยมากขึ้น

3. ใช้จ่ายส่วนตัวอย่างชาญฉลาด

เงิน 30% ที่กันไว้สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว ก็เหมือนกับการให้รางวัลตัวเอง แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง ไม่เกินงบที่ตั้งไว้ เงินส่วนนี้คือโอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่รัก เช่น การซื้อคอร์สเรียนทำอาหาร, การไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อน หรือแม้แต่การซื้อของที่อยากได้มานาน การใช้เงินส่วนนี้จะช่วยลดความเครียดจากการทำงานหนัก และเติมเต็มพลังให้คุณมีกำลังใจที่จะเดินหน้าทำตามแผนการเงินในส่วนอื่นๆ ได้อย่างยั่งยืน

4. ลงทุนให้เงินงอกเงยพร้อมลดหย่อนภาษี

การออมเงินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณถึงเป้าหมายได้เร็วพอ ลองจัดสรรบางส่วนไปลงทุนหรือซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยสร้างผลตอบแทน พร้อมทั้งได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย เช่น 

• กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนลดหย่อนภาษี: นอกจากจะได้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด 
• ประกันชีวิต: นอกจากช่วยสร้างหลักประกันให้ครอบครัว ยังสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการเงิน ทั้งด้านการออม การลงทุน และการประหยัดภาษีในเวลาเดียวกัน

5. ตรวจสอบและปรับแผนทุกเดือน

สิ้นเดือนควรทบทวนว่าค่าใช้จ่ายตรงตามแผนหรือไม่ ถ้าเกินงบตรงไหน ปรับใหม่ในเดือนถัดไป จะช่วยให้คุณเห็นว่าเงินของคุณหายไปกับอะไรมากที่สุด การเห็นภาพนี้จะช่วยให้คุณปรับพฤติกรรมการใช้เงินและอุดรอยรั่วทางการเงินได้ถูกจุด 

อีกทั้งชีวิตมีความไม่แน่นอนเสมอ อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน, เจ็บป่วย หรือรถเสีย เงินสำรองฉุกเฉินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยพยุงคุณไว้ในยามที่เกิดวิกฤต จำนวนเงินที่ควรมีอย่างน้อยที่สุดคือ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายจำเป็นรายเดือน

สุดท้ายแล้ว การจัดการเงินเดือนคือเรื่องของวินัยและเป้าหมาย และสำหรับใครที่รับเงินเดือนผ่านบริการ SCB PAYROLL ก็อาจมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ช่วยให้การเงินของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้นโดยไม่รู้ตัว