ช่วงวัย 1–12 ปี อาจเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของชีวิต แต่ถือเป็นรากฐานสำคัญที่สุดที่จะหล่อหลอมทุกอย่างหรือกำหนดทิศทางในอนาคต ทั้งเรื่องการเรียนรู้ การเติบโต หรือแม้กระทั่งแนวคิดทางการเงินที่เด็กได้รับจากครอบครัวโดยซึมซับผ่านการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่พ่อแม่สร้างให้ 

วัยแรกเกิดถึง 3 ปี คือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยคำว่า “ครั้งแรก” ที่พ่อแม่จดจำไม่มีวันลืม ตั้งแต่วันแรกที่ลูกลืมตาดูโลก พ่อแม่ก็เริ่มคิดถึงอนาคตแล้ว เสียงหัวเราะครั้งแรก คำแรกที่พูดได้ ก้าวแรกที่ยังไม่มั่นคง ไปจนถึงวันไปโรงเรียนครั้งแรก ล้วนเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้น การเติบโตในวัยนี้สอนให้พ่อแม่ตระหนักว่า “ทุกก้าวเล็ก ๆ มีค่าเสมอ” การเติบโตไม่ได้เกิดจากก้าวกระโดด แต่ค่อย ๆ ต่อเติมไปทีละน้อย เช่นเดียวกับเรื่องการเงินที่แม้จะเริ่มจากการเก็บเล็กน้อย หรือการออมเงินก้อนแรก ไม่มีจำนวนไหนที่เล็กเกินไป เพราะทุกการเริ่มต้นจะงอกงามได้หากทำต่อเนื่อง  

วัย 4–6 ปี เป็นช่วงวัยอนุบาล เด็ก ๆ เริ่มเปิดโลกกว้างมากขึ้น เริ่มฝึกอ่านนิทาน หัดนับเลข เริ่มวาดรูปและขีดเขียนตัวอักษร ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงที่พ่อแม่เริ่มลงทุนเวลาและทรัพยากรเพื่อพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้กับลูก เช่น การเลือกโรงเรียน การหากิจกรรมเสริมที่เหมาะสม การสร้างความมั่นใจตั้งแต่ต้น เพื่อปูเส้นทางให้ลูกมีโอกาสเลือกในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงแนวคิดเรื่อง “การลงทุนเพื่ออนาคต” เพราะสิ่งที่หว่านในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การปลูกฝังเรื่องวินัย หรือแม้แต่การเก็บเงินเล็ก ๆ จะกลายเป็นรากฐานที่ช่วยผลักดันเด็กเมื่อโตขึ้น

วัย 7–9 ปี เด็กเริ่มเข้าสู่ช่วงที่มีความเป็นตัวเองมากขึ้น มีทั้งความดื้อ ความซน และความอยากรู้อยากเห็น เด็ก ๆ เริ่มมีความสนใจเฉพาะด้าน เช่น กีฬา ดนตรี หรือการใช้เทคโนโลยี ซึ่งบางครั้งก็มาพร้อมความท้าทาย เช่น การติดหน้าจอมากเกินไป สิ่งเหล่านี้สอนให้พ่อแม่เข้าใจว่า การดูแลลูกไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยทางกาย แต่ยังรวมถึงการวางกรอบและสร้าง “วินัย” ให้เขาเรียนรู้ที่จะจัดการตัวเองได้ เหมือนกับการเงินที่ต้องมีการคุ้มครองควบคู่กับการเติบโต ไม่ปล่อยให้ไหลไปตามกระแสโดยไม่มีเป้าหมาย

วัย 10–12 ปี เด็ก ๆ เริ่มโตเข้าสู่วัย pre-teen ความคิดและพฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนแปลง พวกเขาอยากมีอิสระมากขึ้น อยากจัดการเวลาและการใช้เงินเล็ก ๆ ด้วยตัวเอง เช่น ขอเงินไปโรงเรียนมากขึ้น ใช้ซื้อขนมหรือของที่ชอบ แม้จะเป็นจำนวนไม่มาก แต่ถือเป็นก้าวแรกของ “การตัดสินใจด้านการเงิน” ในชีวิตจริง พ่อแม่สามารถใช้ช่วงเวลานี้สอนให้ลูกรู้จักคุณค่าของเงิน การแบ่งเก็บและการใช้ให้พอดี ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะต่อยอดไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่มีวินัยทางการเงิน

การเงินที่สะท้อนจากช่วงวัย 1–12 ปี

เมื่อมองย้อนตลอดเส้นทางนี้ จะเห็นความเชื่อมโยงชัดเจนระหว่างการเติบโตของเด็กและการวางแผนการเงินของครอบครัว

• ทุกก้าวเล็ก ๆ มีความหมาย: เด็กหัดคลานก่อนเดิน เหมือนกับการเงินที่เริ่มจากการออมเล็ก ๆ ก่อนสร้างความมั่นคงที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
• การลงทุนระยะยาวคือหัวใจ: พ่อแม่ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมพัฒนาลูก เหมือนกับการเก็บสะสมอย่างต่อเนื่องที่ออกดอกออกผลเมื่อถึงเวลา
• วินัยคือรากฐานของความมั่นคง: เด็กที่ได้รับการปลูกฝังให้รู้จักรับผิดชอบและมีวินัยเชิงบวกตามวัย จะเติบโตไปพร้อมความมั่นคง เหมือนกับเงินที่ถูกจัดการด้วยวินัยและมีการคุ้มครองที่เหมาะสม

ช่วงวัย 1–12 ปีคือบทเรียนแห่ง “รากฐาน” ที่สำคัญที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ของเด็กหรือการวางแผนของครอบครัว ทุกสิ่งที่ทำในวันนี้อาจดูเล็กน้อย แต่จะเป็นพลังขับเคลื่อนในวันหน้า การปลูกฝังวินัย ความรับผิดชอบ และการจัดการเงินตั้งแต่เล็ก คือของขวัญล้ำค่าที่พ่อแม่ส่งต่อให้ลูก เพื่อให้เขาเติบโตอย่างมั่นใจและพร้อมรับมือกับอนาคตที่กำลังรออยู่

ประกันชีวิตสามารถเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ลูกรักเติบโตอย่างมั่นคง เพราะไม่เพียงแต่ได้รับความคุ้มครอง ช่วยป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในเก็บเงินและสร้างความมั่งคั่งได้อีกด้วย การมีประกันจึงเปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกันให้ลูกได้อีกทาง ถ้าท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันเพื่อให้ความคุ้มครอง และบริหารการเงินให้ลูกตั้งแต่เล็ก สามารถสอบถามได้ที่ SCB ทุกสาขา 

หมายเหตุ

• ธนาคารเป็นเพียงนายหน้าผู้ชี้ช่องให้ทำประกันภัยเท่านั้น
• รับประกันภัยโดย บมจ. เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต 
• ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง