ออมเงินไว้กับกองทุนรวมตลาดเงิน

ในอดีต หากต้องการออมเงินและมีความปลอดภัยต้องนึกถึงการฝากเงินออมทรัพย์ ที่สะดวกสบายฝากถอนได้ตลอดเวลา หรือฝากประจำที่ได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าฝากออมทรัพย์ แต่จะมีข้อจำกัด เงื่อนไขมากกว่า
 

เมื่ออัตราดอกเบี้ยของเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำอยู่ในระดับที่ต่ำ ผู้ฝากเงินอาจแบ่งเงินฝากบางส่วนไปลงทุนในช่องทางอื่น ๆ แต่มีระดับความเสี่ยงที่ใกล้เคียง นั่นคือ กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)
 

กองทุนรวมตลาดเงิน มีความเสี่ยงต่ำมาก เพราะมีนโยบายลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี จึงเหมาะกับการลงทุนระยะสั้นที่ต้องการบริหารสภาพคล่อง ไม่ต้องการสูญเสียเงินต้น และต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากออมทรัพย์ ที่สำคัญผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับบุคลธรรมดา
 

เมื่อกองทุนรวมตลาดเงินมีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนก็ต่ำตามไปด้วย ดังนั้น หากเข้าใจและยอมรับกับเงื่อนไขนี้ได้ถือเป็นหลุมหลบภัยในช่วงที่ตลาดการลงทุนมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นจะมีระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นกว่าเงินฝาก ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาในเบื้องต้น ดังนี้

mm1

1. ความมั่นคง

เหตุผลสำคัญที่สุดประการหนึ่งของการฝากเงินออมทรัพย์ คือ ความปลอดภัย เพราะเงินฝากในธนาคารจะถูกประกันโดยสถาบันประกันเงินฝาก เช่น เงินฝากระดับ 1 ล้านบาท ได้รับความคุ้มครองโดยได้เงินคืนทั้งหมดภายใน 30 วัน หากสถาบันการเงินปิดกิจการ เป็นต้น จึงมั่นใจได้ว่าเงินที่ฝากเอาไว้จะไม่มีทางหายไปไหน


สำหรับกองทุนรวมตลาดเงิน แม้ว่าจะไม่มีการประกันโดยสถาบันประกันเงินฝาก ก็ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เพราะถึงแม้จะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นพันธบัตรรัฐบาล จึงมีความเสี่ยงต่ำ ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าการฝากเงิน


2.ค่าธรรมเนียม

การฝากออมทรัพย์ไว้กับธนาคารก็มีค่าธรรมเนียม เช่น ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม แต่ก็เป็นค่าธรรมเนียมเพื่อความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญเมื่อได้ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยก็จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% (กรณีที่ได้รับดอกเบี้ยมากกว่า 20,000 บาทต่อปี แต่ถ้าดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 20,000 บาทจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี)


ในขณะที่กองทุนรวมตลาดเงิน ค่าธรรมเนียมหลักจะเป็นค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกองทุน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ เพราะการบริหารกองทุนรวมตลาดเงินไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ดังนั้น หากกองทุนรวมไหนมีค่าธรรมเนียมต่ำจะสามารถเพิ่มผลตอบแทนได้สูงขึ้น

3.ผลตอบแทน

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ผลตอบแทนกองทุนรวมตลาดเงินปรับลดลง โดยผลตอบแทนเฉลี่ย 1 ปีอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนจึงควรพิจารณาผลตอบแทนและเปรียบเทียบกับความเสี่ยงด้วย


4.สภาพคล่อง

คงไม่มีการลงทุนอะไรที่มีสภาพคล่องสูงมากเท่ากับการฝากเงินออมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมตลาดเงินก็มีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี จึงกลายเป็นทางเลือกในการพักเงินที่น่าสนใจ แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้เงิน จะต้องขายกองทุนล่วงหน้า 1 วันก่อนวันที่ต้องใช้เงิน เพราะจะได้รับเงินคืนในวันทำการถัดไป

 

เทคนิคการเลือกลงทุนกองทุนรวมตลาดเงิน

1.อัตราผลตอบแทน โดยเลือกกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ รวมทั้งดีกว่ากองทุนรวมอื่น ๆ ประเภทเดียวกัน และดีกว่าดัชนีชี้วัด (Benchmark) ซึ่งโดยทั่วไปจะเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเฉลี่ย 3 ธนาคารใหญ่

2.ประเภทของตราสารที่ลงทุน นโยบายการลงทุนจะเป็นตัวกำหนดผลตอบแทนและความเสี่ยง ถ้ามีนโยบายการลงทุนในตราสารกลุ่มที่ออกโดยสถาบันการเงินและภาคเอกชนมาก ๆ ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

3.การกระจายการลงทุน ในตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยง เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน หรือหุ้นกู้ รวมทั้งพิจารณาจากอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่ลงทุนและอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง

4.ค่าใช้จ่าย โดยเลือกกองทุนรวมที่คิดค่าใช้จ่ายต่ำกว่า เมื่อเทียบกับกองทุนรวมที่มีลักษณะและนโยบายการลงทุนเหมือนกัน

5.ความสะดวกในการทำธุรกรรม เลือกกองทุนรวมที่มีที่ตั้งสาขา มีตัวแทนในการซื้อขายหน่วยลงทุน เช่น สาขาธนาคาร หรือมีระบบซื้อขายออนไลน์ เพื่อสะดวกในการซื้อขายได้หลากหลายช่องทาง

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

จะเห็นได้ว่าการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินเป็นการเก็บออมเงินที่ได้ดอกเบี้ยดีกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป หากรู้จักเลือกกองลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า รวมทั้งมีความเสี่ยงในระดับต่ำ ที่สำคัญไม่เสียภาษีในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาอีกด้วย