สแกนหรือ Scam? กลโกงใหม่ รู้ไว้ไม่เสร็จโจร

โลกดิจิทัลทำให้การชำระเงินสะดวกขึ้นแค่ปลายนิ้ว แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความสะดวกนี้กลับกลายเป็นช่องโหว่ที่มิจฉาชีพใช้สร้างกับดักใหม่ ๆ หนึ่งในกลโกงที่กำลังแพร่ระบาด คือ “สแกน QR Code รับเงิน” ซึ่งฟังดูเหมือนง่ายและปลอดภัย แต่แท้จริงแล้วเป็นกับดักที่ทำให้เหยื่อเผลอ “โอนเงินให้โจรด้วยตัวเอง

  • โทรมาพร้อมข้อมูลจริง สร้างความน่าเชื่อถือ  สำหรับกลโกงประเภทนี้มิจฉาชีพจะโทรหาเหยื่อโดยอ้างว่าเป็นพนักงานจากร้านค้าที่เคยซื้อสินค้าไป พร้อมเล่ารายละเอียดการซื้อสินค้าอย่างครบถ้วน เช่น วันที่สั่งซื้อ รุ่นสินค้า ปัญหาของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลูกค้าซื้อไป ซึ่งฟังดูน่าเชื่อถือจนหลายคนไม่ทันสงสัย ก่อนจะเสนอ “คืนเงินให้” เช่น คุณเอซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์  และมีสายโทรเข้ามาบอกว่าสินค้าที่ซื้อมีปัญหามาจากไลน์ผลิต ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายหากนำไปใช้งาน  ร้านค้าจึงพร้อมคืนเงินเต็มจำนวน เพื่อรับผิดชอบกับความบกพร่องของสินค้า 
  • แอดไลน์ฝ่ายบัญชี ส่งข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว หลังจากเหยื่อเริ่มหลงเชื่อ มิจฉาชีพจะชวนคุย และให้แอดไลน์ของ “ฝ่ายบัญชีบริษัท” และเริ่มขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ–นามสกุล และเลขที่บัญชีธนาคารของเหยื่อ โดยอ้างว่าใช้เพื่อโอนเงินคืน  ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกและทำให้ลูกกค้าได้รับเงินคืนทันที ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้วุ่นวาย และไม่ต้องเสียเวลารอดำเนินการนาน
  • หลอกถามยอดเงิน ก่อนวางกับดัก QR Code หลังจากได้ชื่อ–สกุล และเลขบัญชีไปแล้ว มิจฉาชีพยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะสิ่งที่ต้องการจริง ๆ คือ “ยอดเงินคงเหลือในบัญชี” โดยมิจฉาชีพจะโทรกลับมาทำทีห่วงใยถามว่า “เงินเข้าบัญชีหรือยัง?” และให้ลองเช็กยอดเงินปัจจุบันในบัญชี ฟังดูเหมือนเป็นขั้นตอนปกติ แต่แท้จริงแล้วคือการบีบให้เหยื่อเผลอพูดออกมาเองว่ายอดเงินในบัญชีล่าสุดเหลือเท่าไหร่   เพียงเท่านี้มิจฉาชีพก็จะได้ข้อมูลสำคัญไปครบถ้วน เมื่อทราบตัวเลขแล้วมิจฉาชีพจะรีบสร้าง QR Code ปลอม โดยใส่ยอดเงินให้ตรงกับที่เหยื่อมี จากนั้นส่งรูป QR Code มาทางไลน์ พร้อมเชิญชวนให้รีบสแกน QR Code เพื่อรับเงินคืนทันที
  • กลโกงเร่งให้งงสับสนรับเงินหรือโอนเงินกันแน่  หลังจากเหยื่อได้รับ QR Code แล้วระหว่างการสนทนา มิจฉาชีพจะพยายามพูดคุยต่อเนื่อง ทำให้เหยื่อเสียสมาธิ เช่น เร่งให้รีบทำรายการก่อนเสียสิทธิรับเงินคืน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยดึงความสนใจทำให้เหยื่อไม่ทันสังเกตว่า QR Code ที่ส่งมาเป็นการโอนเงินออก ไม่ใช่การรับเงินเข้าบัญชี สุดท้ายผู้เสียหายจะกดโอนเงินเองโดยเข้าใจผิดคิดว่ากำลังรับเงินคืน
  • วิธีเอาตัวรอดจากกลโกง การรับมือกับกลโกงออนไลน์ทุกคนสามารถทำได้ หากเรามีสติและตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ 

1. เอ๊ะก่อนอย่าหลงเชื่อทันที หากมีใครโทรมาอ้างว่าจะคืนเงินหรือชวนให้สแกน QR Code เพื่อรับเงิน นั่นคือสัญญาณอันตราย  เพราะ QR Code ถูกออกแบบมาเพื่อการจ่ายเงินเท่านั้น ไม่ใช่การรับเงิน ถ้ามีข้อความหรือการโทรมาแจ้งเรื่องการรับเงินคืน นั่นคือกลลวงหลอกดูดเงินเกลี้ยงบัญชีของมิจฉาชีพ

2.ตรวจสอบโดยตรงกับต้นทาง หากไม่แน่ใจว่าใช่มิจฉาชีพหรือไม่ ให้โทรเช็กกับ Call Center ของร้านค้า หรือแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ โดยใช้เบอร์จากเว็บไซต์หรือแอปที่แจ้งไว้อย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เบอร์ที่ได้รับจากบุคคลอื่นที่โทรมาแจ้งเรื่องรับเงินคืนกับเรา

3.ห้ามเปิดเผยยอดเงินคงเหลือ การบอกยอดเงินคือการยื่นกุญแจตู้เซฟให้โจร เพราะมิจฉาชีพจะนำข้อมูลนี้ไปสร้าง QR Code และส่งกลับมาเพื่อหลอกให้เราสแกนโอนเงินออกไปจนเกลี้ยงบัญชี ดังนั้น เราจึงไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ให้ผู้อื่นทราบเพื่อความปลอดภัย

4.ตั้งสติทุกขั้นตอนเมื่อใช้แอปธนาคาร ก่อนกดยืนยันในการทำธุรกรรมทุกครั้ง ควรเช็กให้ชัดว่าเป็นการรับเงินเข้าหรือการโอนเงินออก หากได้รับ QR Code ที่อีกฝ่ายส่งมา ควรต้องตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นกลลวงมิจฉาชีพ เพราะการรับเงินไม่จำเป็นต้องใช้ QR Code จากผู้โอน ที่สำคัญอย่าหลงเชื่อหรือสแกน QR Code ที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือโดยเด็ดขาด และอย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องของ QR Code ทุกครั้งก่อนสแกน

สแกนหรือ Scam เป็นบทเรียนใหม่ในโลกออนไลน์ที่ตอกย้ำว่า ความสะดวกสบายก็แฝงไปด้วยความเสี่ยง        การรู้เท่าทันและไม่ตัดสินใจด้วยความรีบร้อน คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด เพราะเพียงเสี้ยววินาทีของความไม่ทันระวัง อาจหมายถึงการสูญเสียเงินทั้งบัญชี เพราะฉะนั้นหากเราพบเหตุการณ์ลักษณะนี้ให้  “คิด” ก่อนว่าอาจมีความเสี่ยงจากการโดนหลอกลวง  “เช็ก” ข้อมูลที่ถูกต้องจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเสมอ “หยุด” ก่อนสแกนทำธุรกรรมทางการเงินใด ๆ  เพื่อความปลอดภัย มั่นใจไม่ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ

 

ข้อมูลอ้างอิง :  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย